ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความในประเทศ
พปชร.จัดทัพฟื้นเชื่อมั่น
หนุน ‘บิ๊กตู่’ อยู่ครบเทอม
‘ธรรมนัส’ ตาม ‘แซะ’
มองหา ‘ผู้นำ’ ที่พร้อม-มีวิสัยทัศน์
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งสัญญาณเร่งขยับปรับโครงการภายในพรรคให้เร็วยิ่งขึ้นจากโปรแกรมเดิมที่จะมีการประชุมใหญ่สามัญพรรคในเดือนเมษายน ขยับมาเป็นเดือนมีนาคมนี้ หลังปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกุมภาพันธ์นี้
จุดประสงค์หลักคือ สร้างความชัดเจนในทั้งโครงสร้างการบริหารพรรค โดยเฉพาะการจัดทัพคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ แทนกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และอดีตเลขาธิการพรรค พปชร. ที่ยกคณะ ส.ส.ทั้ง 21 คน ไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) แต่ไปร่วมพรรค ศท.ไม่ครบ 21 คน เพราะมี 3 ส.ส.ที่แยกทางไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
พรรค พปชร.จึงต้องเร่งจัดทัพภายในพรรคให้เกิดความชัดเจนและมีเอกภาพ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนงานในสภา และการเตรียมความพร้อมรับศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป
แม้ก่อนหน้านั้น “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยเมื่อช่วยปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า จะมีการจัดประชุมใหญ่พรรคในเดือนเมษายน โดยจะมีวาระเรื่องการแต่งตั้งเลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรค เพื่อให้สมาชิกพรรคได้รับรอง
ส่วนการเลื่อนประชุมใหญ่ของพรรค พปชร.เร็วขึ้นมีนัยยะอะไรที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ส่งถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่นั้น ว่ากันว่าการปรับทัพจัดโครงสร้างภายในพรรคให้เรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และก็ลูกพรรค พปชร.ว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางใด และใครจะเป็นแขนขาใหม่ของผู้นำทัพในพรรค พปชร.
จะเป็นคนของบิ๊กตู่ทั้งหมด หรือจะยังมีคนของ ร.อ.ธรรมนัส บางคนที่จะยังอยู่ข้าง “บิ๊กป้อม” ได้ทำหน้าที่ต่อไป เพื่อให้สมาชิกพรรค พปชร.ได้ตัดสินใจให้ชัดเจนว่า เมื่อเห็นหน้าค่าตา ผู้นำภายในพรรค พปชร.ชุดใหม่แล้ว ยังพร้อมจะเดินหน้าร่วมกับพรรคต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การเป็นที่น่าจับตาว่า “อ.แหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในฐานะเหรัญญิกพรรค ที่เดิมเป็นถึงทัพหน้าของ “บิ๊กป้อม” ที่คอยช่วยงานในฐานะแม่ทัพใหญ่ภายในพรรคคู่กับ ร.อ.ธรรมนัส อดีตเลขาธิการพรรค ซึ่งหลังจากก๊วน ร.อ.ธรรมนัสถูกขับออกไปตอนนี้ นางนฤมลก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้ลาออกย้ายไปอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส
แต่ล่าสุดได้มีภาพการควงคู่กันออกงานที่จังหวัดขอนแก่นของผู้กองธรรมนัสกับนางนฤมล จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าในการประชุมใหญ่สามัญของพรรค พปชร.ในเดือนมีนาคมนี้ นางนฤมลจะยังคงอยู่กับ “บิ๊กป้อม” หรือย้ายออกไปอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส และตำแหน่งที่ว่างลงจะถูกแทนที่ด้วยคนของ “บิ๊กตู่” ทั้งหมดหรือไม่
ทางหนึ่งเพื่อเป็นการการันตีว่า “บิ๊กป้อม” ยังคงเลือกน้องรักอย่าง “บิ๊กตู่” และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เหมือนเดิม
อีกทางหนึ่งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้ ส.ส.ภายในพรรค พปชร.ให้มีความเป็นเอกภาพ ไม่เกิดแรงกระเพื่อมภายในเหมือนกับที่ผ่านมา
ขณะที่ท่าทีและสัญญาณของ ร.อ.ธรรมนัสต่อรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้นชัดเจนว่ามีระยะห่างออกไปเรื่อยๆ และยังไม่มีอะไรมาการันตรีทิศทางของพรรคเศรษฐกิจไทยว่าจะโหวตสนับสนุนฝั่งรัฐบาลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกเรื่อง
เพราะล่าสุด ร.อ.ธรรมนัสได้โพสต์ข้อความระหว่างไปดูงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ฟื้นตัวและเติบโตได้ เพราะมีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี
แล้วลงท้ายด้วย “เชื่อว่าประเทศไทยสามารถพัฒนาได้เท่าเทียมกับสวิตเซอร์แลนด์ หากเรามีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี”
และยังทำคลิปวิดีโอเปรียบเทียบการเดินหน้าภาคการท่องเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ว่า เมื่อเทียบภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้วไทยไม่เข้มแข็ง โดยแนะว่าหากอยากทำให้ 77 จังหวัดของเราเป็นประเทศที่เข้มแข็ง เจริญและพัฒนามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาผู้นำที่สามารถทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง
พร้อมทิ้งท้ายก่อนปิดคลิปว่าจะกลับไปทำการบ้านว่าเราจะทำอย่างไรที่จะสามารถพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่
ขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทยลุยทำการบ้านเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งความเคลื่อนไหวภายในพรรค พปชร.และพรรคเศรษฐกิจไทย เพราะล่าสุด “หนู” อย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินหน้าปฏิบัติการช่วย “ราชสีห์” ตามที่เคยลั่นวาจาไว้
ด้วยการเปิดปฏิบัติการดูด 3 ส.ส.อดีตพรรค พปชร. อย่างนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น ที่ถูกขับออกมาพร้อมกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส โดยตั้งโต๊ะแถลงเข้าพรรคอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สอดรับกับก่อนหน้านี้ที่มีข่าวสะพัดว่า นายอนุทินคำนวณเสียงในสภาและให้ความมั่นใจกับ “บิ๊กตู่” ว่ามีเสียงหนุนรัฐบาลไม่น้อยกว่า 260 เสียง ซึ่งไม่ได้นับรวมกับเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยที่แยกจากพรรค พปชร.ไป และย้ำทางเลือกของนายกฯ ให้เกิดความมั่นใจไว้ด้วยว่า คือ อยู่ครบเทอม ซึ่งการดูด ส.ส.กลุ่มพรรคเศรษฐกิจไทยมาได้ จะเป็นการตอกย้ำคำพูดว่า หนูช่วยราชสีห์จริงหรือไม่ แล้วการลดเสียงและการต่อรองของพรรคเศรษฐกิจไทยในทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ให้น้อยลงแค่ไหน คงต้องจับตาดูกันต่อไป
อีกทั้งศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เรียกได้ว่าเป็นธรรมนัสเอฟเฟ็กต์กำลังจะวนกลับมาอีกครั้ง ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ลุ้นระทึกอีกครั้ง
แม้จะเป็นสมรภูมิเดิม แต่กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัสก็มาด้วยบทบาทใหม่ อย่างที่ผู้กองได้กล่าวทิ้งท้ายในคลิปไว้ว่า จะกลับมาทำการบ้านและที่พรรคเศรษฐกิจไทยก็ได้ออกมาบอกว่าในอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 จะเป็นการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อยืนยันในจุดยืนคือทำการเมืองสร้างสรรค์นั้น จะเกิดแรงเขย่าต่อเก้าอี้นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อีกหรือไม่
หนังม้วนเก่าจะกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หลอนได้อีกครั้งหรือไม่ คงต้องติดตามในศึกใหญ่ อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ที่จะเปิดปฏิบัติการในสมัยประชุมสภา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป