ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
ในที่สุดคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เดินหน้าสู่ทางตันอย่างที่ทุกคนเห็นกัน
และถึงแม้รัฐบาลจะระดมรัฐมนตรีมายืนยันว่าเสถียรภาพการเมืองยังดี คำพูดของรัฐมนตรีทุกคนล้วนเป็นไปในแบบแบ่งรับแบ่งสู้ทั้งสิ้น
ตัวอย่างเช่น คำสัมภาษณ์ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ว่าจะสนับสนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
แน่นอนว่าคำพูดหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ทำให้คุณประยุทธ์มั่นใจว่าจะไม่ถูกพรรคร่วมโหวตคว่ำกลางสภา
แต่สำหรับคนที่มีสติสัมปชัญญะระดับปกติ คำพูดของคุณอนุทินและคุณจุรินทร์เรื่องนี้ไร้ความหมายอย่างที่สุด
เพราะมีรองนายกฯ ที่ไหนจะพูดว่าไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี
พูดก็พูดเถอะ ต่อให้คุณอนุทินและคุณจุรินทร์จะพูดคำนี้จากก้นบึ้งหัวใจจริงๆ ไม่ใช่เพราะมีฐานะเป็นรองนายกฯ และต่อให้พรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจะไม่ทำอะไรเพื่อล้มรัฐบาลเลย จำนวน ส.ส.รัฐบาลที่มากกว่าฝ่ายค้านนิดเดียวก็ทำให้พรรคเล็กหรือ ส.ส.ไม่กี่คนคว่ำรัฐบาลได้ง่ายเหลือเกิน
รัฐบาลที่มีเสถียรภาพคือรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภามากพอๆ กับได้รับความนิยมกว้างขวางจากประชาชน
รัฐบาลประยุทธ์ที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมีจำนวนไล่เลี่ยฝ่ายค้านจึงไม่ใช่รัฐบาลที่มีเสถียรภาพแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาลที่ลดต่ำลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้เลย
ด้วยสารรูปรัฐบาลแบบปัจจุบัน “พรรคเล็ก” ที่มี ส.ส.ด้วยวิธีคำนวณแบบ “ปัดเศษ” สามารถรวมตัวกันคว่ำรัฐบาลกลางสภาได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะโดยวิธียกมือโหวตให้ฝ่ายค้านในเรื่องสำคัญต่างๆ หรือจะเป็นการนิ่งเฉยจนเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านชนะรัฐบาลดังที่เกิดกรณี “สภาล่ม” ในช่วงที่ผ่านมา
ถ้าเชื่อว่า “พรรคเล็ก” กลุ่มที่มีฉายา “พรรคปัดเศษ” คือพรรคการเมืองที่กินกล้วยจน ส.ส.พร้อมจะเปลี่ยนท่าทีตามคำสั่งของคนที่เอากล้วยให้กิน อนาคตของคุณประยุทธ์ย่อมตกอยู่ในมือคนคนเดียวที่มีความสามารถหากล้วยจนสั่งพรรคกลุ่มนี้ซ้ายหันขวาหันได้ตามต้องการ
ทุกคนที่ตามการเมืองย่อมรู้ว่า “พรรคเล็ก” กลุ่ม “พรรคปัดเศษ” เป็นพรรคของใคร และเมื่อรู้แบบนี้ย่อมรู้ต่อไปว่า “พรรคเล็ก” คือเครือข่ายของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่คุณประยุทธ์ถือเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง หรือพูดตรงๆ คืออนาคตทางการเมืองของคุณประยุทธ์อยู่ในมือฝ่ายตรงข้ามคุณประยุทธ์เอง
คุณประยุทธ์อาจอุ่นใจที่คุณอนุทินและคุณจุรินทร์สนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต่อไป แต่เสียงพรรคใหญ่สำคัญแค่ในการเลือกนายกฯ ส่วนการล้มคุณประยุทธ์นั้นใช้ ส.ส.ไม่กี่คนหรือพรรคเล็กก็ล้มได้
คำพูดคุณอนุทินและคุณจุรินทร์จึงไม่มีความหมายมากกว่าการยืนยันว่าคุณประยุทธ์กำลังหลอกตัวเอง
คุณประยุทธ์ไม่มีอนาคตทางการเมือง และก็เหมือนกับที่นักการเมืองทั้งในและนอกรัฐบาลรู้กัน ถ้าใม่มีวุฒิสภาและอำนาจนอกระบบหนุนหลัง คนแบบคุณประยุทธ์ต้องหลุดตำแหน่งนายกฯ ไปนานแล้ว
เพราะคุณประยุทธ์ในวันนี้แทบไม่มีประชาชนหรือตัวแทนประชนสนับสนุนเลย
ถ้าคุณประยุทธ์ฉลาดได้สักครึ่งหนึ่งของการที่อวยตัวเอง คุณประยุทธ์ย่อมตระหนักว่าปัญหาหลักของคุณประยุทธ์คือการไม่มีพรรคและ ส.ส.ที่สนับสนุนตัวเองจริงๆ แม้แต่รายเดียว ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคชาติไทยพัฒนา
พลังประชารัฐกับคุณประยุทธ์มีปัญหาจนคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องเป็นหัวหน้าพรรคเอง แต่ถึงแม้พรรคจะมีคุณประวิตรเป็นหัวหน้าคนปัจจุบัน ความสัมพันธ์กับคุณประยุทธ์กลับตกต่ำขั้นคุณแรมโบ้ยอมรับว่าตั้งพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” เพราะไม่มั่นใจว่าพรรคจะเสนอชื่อคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป
สำหรับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย หากคุณประยุทธ์ไม่หลอกตัวเองย่อมรู้ว่าทั้งสองพรรคหนุนคุณประยุทธ์เพราะคุณประยุทธ์คุม 250 ส.ว.ซึ่งมีอำนาจเลือกนายกฯ และถึงแม้คุณอนุทินและคุณจุรินทร์จะบอกว่าสนับสนุนรัฐบาล ทั้งคู่ก็จงใจแสดงระยะห่างกับคุณประยุทธ์เท่าที่โอกาสอำนวย
แม้รัฐธรรมนูญของเครือข่ายคุณประยุทธ์จะกดดันให้พรรคการเมืองเลือกคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่กระแสความเกลียดชังคุณประยุทธ์ตอนนี้มาแรงจน ส.ส.และพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลก็รับรู้ทั่วกัน
คำยืนยันสนับสนุนคุณประยุทธ์เกือบทั้งหมดจึงเป็นแบบแบ่งรับแบ่งสู้มากกว่าจะมีความหมายจริงๆ
ตราบใดที่คุณประยุทธ์ไม่มีพรรคหรือ ส.ส.สนับสนุนตัวเองอย่างแท้จริง คุณประยุทธ์ก็จะเป็นนายกฯ ที่ต้องอยู่แบบผวาการถูกคว่ำกลางสภาไม่รู้จบ
ยิ่งไปกว่านั้นคือความหวาดผวานี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยา ยน 2564 หรือครึ่งปีมาแล้ว แต่ปัญหานี้กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบัน
เฉพาะในพรรคพลังประชารัฐที่คุณประยุทธ์ระแวงจนต้องพรรคขึ้นมาแข่งกัน สถานการณ์ตอนนี้ถึงขั้นไม่รู้ว่า ส.ส.ที่สนับสนุนคุณประยุทธ์มีเหลือจริงๆ กี่คน
ไม่ต้องพูดถึงพรรคคุณธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะหนุนคุณประยุทธ์ ต่อให้คุณประวิตรจะบอกว่าพรรคนี้หนุนรัฐบาลก็ตาม
ทางรอดของคุณประยุทธ์ได้แก่การตั้งพรรคการเมือง แต่การให้คุณแรมโบ้เป็นหัวหอกก่อตั้งพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ทำให้พรรคนี้ความน่าเชื่อถือแทบเป็นศูนย์ บุคคลที่เข้าพรรคไปแล้วหรือถูกคุณแรมโบ้ประกาศเป็นนัยๆ ว่าจะเข้าพรรคล้วนมีแต่ ส.ส.สอบตกจนไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ต่อให้คนที่คุณแรมโบ้-เสกสกล อัตถาวงศ์ อ้างว่าสำคัญอย่างคุณ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” และคุณ “ปรพล อดิเรกสาร” จะเป็นคนนามสกุลใหญ่, เป็นลูกหลานนายพล และเป็นคนที่คุณประยุทธ์แต่งตั้งให้มีตำแหน่งใหญ่ในทำเนียบรัฐบาล แต่ในแง่การเมืองแล้วคนเหล่านี้มีบารมีเทียบเท่ากับ ส.ส.สอบตกคนอื่นๆ นั่นคือไม่มีราคาทางการเมือง
ด้วยยุทธวิธีตั้งพรรคที่คุณแรมโบ้ทำ คุณประยุทธ์กลายเป็นนายกฯ แก่ๆ ที่มีอำนาจแต่ไร้บารมี ต้นทุนทางการเมืองเทียบเท่าแม่เหล็กเสื่อมสภาพ ไร้พลังดึงดูด ส.ส.เข้าสังกัด หน้าตักทางการเมืองใกล้หมด และไม่มีทางที่ ส.ส.คนไหนจะหนุนคุณประยุทธ์เพราะตัวคุณประยุทธ์ต่อไปได้เลย
กปปส.เป็นฐานสนับสนุนคุณประยุทธ์ช่วงรัฐประหารและตั้งรัฐบาล และต่อให้แกนนำ กปปส.จะติดคุกจนหลุดตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรีทั้งคุณณัฐพล ทีปสุวรรณ และพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ความเคลื่อนไหวของคุณณัฐพลในการตั้งพรรค “ไทยสร้างสรรค์” ก็เป็นอีกตัวเลือกที่คุณประยุทธ์จะใช้รักษาอำนาจด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ฐานกำลังคุณณัฐพลมาจาก ส.ส.พลังประชารัฐใน กทม.ซึ่งไม่มีบทบาทในสภา ไม่มีบารมี และพูดตรงๆ คือได้เข้าสภาเพราะเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ย้ายไปพลังประชารัฐ ฉุกละหุกจนประชาธิปัตย์ตั้งหลักไม่ทัน
การทำพรรคที่คนกลุ่มนี้เป็นฐานจึงช่วยอะไรคุณประยุทธ์ไม่ได้เลย
คุณประยุทธ์กำลังเข้าตาจนทางการเมือง และยิ่งดิ้นรนที่จะออกจากปัญหานี้มากเท่าไร ก็ยิ่งประจานตัวเองว่าถึงทางตันขั้นแทบไม่มีทางเลือกการเมืองอื่นอยู่ในมือ หากไม่หวนกลับไปอาศัยพรรคพลังประชารัฐและคุณประวิตรอย่างที่ผ่านมา
มีคนพูดกันมากว่าประยุทธ์-ประวิตรมีความสัมพันธ์กันมานานจนไม่มีวันแยกจากกัน
แต่ความเป็นจริงคือประยุทธ์ไม่ไว้ใจให้ประวิตรกุมอนาคต
ส่วนคุณประวิตรก็ไม่ได้เล่นการเมืองแบบที่จะเป็นนั่งร้านให้คุณประยุทธ์ไปตลอด โดยเฉพาะการปล่อยให้คุณธรรมนัสตั้งพรรคชนคุณประยุทธ์ตรงๆ
ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ต่อให้คุณประยุทธ์จะเป็นใหญ่ในทำเนียบรัฐบาล แต่คุณประวิตรคือคนที่มีความได้เปรียบทางการเมืองเหนือคุณประยุทธ์อย่างเทียบกันไม่ได้ มิหนำซ้ำยังเป็นไปได้ที่คุณประวิตรจะยกระดับความแข็งแกร่งทางการเมืองของตัวเองให้สูงยิ่งขึ้นไป
สัปดาห์ที่แล้วมี ส.ส.พลังประชารัฐ 3 รายที่ถูกพรรคขับแต่ไม่ไปพรรคคุณธรรมนัสอย่างที่ควรไป แต่กลับไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยของคุณอนุทิน การเป็นพันธมิตรทางการเมืองระหว่างคุณประวิตรกับภูมิใจไทยกำลังเป็นสมการใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในเวลาที่คุณประยุทธ์ตกต่ำเหลือเกิน
ต้องไม่ลืมว่าคุณประวิตรมีบทบาทอย่างสูงในการเจรจาให้คุณเนวิน ชิดชอบ ถอนตัวจากฝ่ายคุณทักษิณ ชินวัตร มาหนุนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ในปี 2552 สายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงขั้นล้มนายกฯ และตั้งนายกฯ ใหม่คือทุนทางการเมืองที่มากพอจะทำให้สองกลุ่มนี้ทำการใหญ่ทางการเมืองต่อไปในอนาคตได้แน่นอน
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอันดับสองอย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ระบุว่าคุณประยุทธ์จะเข้าแดนประหารทางการเมืองในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ผลก็คือกลุ่มการเมืองทุกฝ่ายกำลังจัดทัพใหม่ทางการเมืองเพื่อเข้าสู่สถานการณ์ใหม่อย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสร้างพันธมิตรใหม่ทางการเมือง
คำถามสำคัญคือ หากคุณประวิตรกับกลุ่มคุณเนวินเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันได้สำเร็จ อะไรคือที่ทางของคุณประยุทธ์ในระบบการเมืองไทย? และอะไรคือบทบาทในอนาคตของคุณประวิตรเอง?