ตัน-ตีบ-หนีบ: โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
—————-
ตัน-ตีบ-หนีบ
—————-
บางทีไม่ต้องอ้างปรัชญาเมธี ระดับโลก หรือระดับไหนๆเลยก็ได้
มนุษย์ปุถุชน ที่มีเหตุผลบ้าง ไม่มีเหตุผลบ้าง
เห็น ความซ้ำซาก ที่ บางฝ่ายทำอะไรผิดแล้วผิดอีก บางฝ่ายทำอะไรไม่เคยผิดเลย
ก็ อด เกิด ความรู้สึก “แน่นอก” ขึ้นมาไม่ได้
ว่าไป แม้เสื้อเหลือง เสื้อแดง จะอยู่กันคนละขั้ว
แต่สิ่งที่ เผชิญร่วมกัน อยู่ในขณะนี้ ก็คือ การอยากได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นกับพวกตนอย่าง “สิ้นสุดขบวนความ” และเป็นธรรม
คนเสื้อเหลือง กำลังเรียกร้องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ยื่นอุทธรณ์ เพื่อเอาผิด 4 ผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับการสลายผู้ชุมนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เมื่อปี 2552
มิใช่ยื่นอุทธรณ์ กับผู้เกี่ยวข้อง เพียงคนเดียว
คนเสื้อแดง กำลังเรียกร้องป.ป.ช. ให้ฟื้นคดีเอาผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปี 2553
หลังจากที่ ป.ป.ช. ชุดก่อน มีมติตีตกว่า ว่าไม่ใช่การชุมนุมที่สงบ สันติ เป็นไปตามกฎหมาย มีกลุ่มคนติดอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง
ว่าไปแล้ว ทั้ง 2 กรณี
เสื้อเหลือง ได้รับการเอาใจใส่ มากกว่าเสื้อแดง อยู่ตามสมควร
โดยในกรณีการสลายพธม. ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว เห็นว่ามีมูล ส่งเรื่องสำนักงานอัยการสุงสุดสุดแห่งชาติพิจารณา ปรากฏว่าสำนักงายอัยการฯไม่เห็นพ้องที่จะส่งฟ้อง
ทำให้ ป.ป.ช. ตัดสินใจดำเนินคดีเอง โดยว่าจ้างสภาทนายความให้ มาว่าความให้ ซึ่งก็ปรากฏว่า ในศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง
อันนำมาซึ่งการเรียกร้องให้ ป.ป.ช.อุทธรณ์ อยู่ตอนนี้
ส่วนกรณีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง แยกออกไปสองทาง
ทางแรก ดีเอสไอ ทำสำนวนฟ้องต่อศาลซึ่งปรากฏว่า ทั้ง 3 ศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ และฏีกา สั่งยกฟ้อง
เป็นการยกฟ้องทางเทคนิค คือศาลเห็นว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ที่จะดำเนินการมิใช่ดีเอสไอ
ทางที่สอง ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวน ปรากฏว่าป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ไก่โห่ สั่งไม่ฟ้องโดยอ้างว่าไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ การสลายผู้ชุมนุมจึงชอบแล้ว
จากเหตุข้างต้น
ทำให้ คนเสื้อแดง ถึงทาง “ตัน”
ต้องเรียกร้องให้ป.ป.ช.พิจารณาใหม่ ซึ่งก็ไม่ง่ายเพราะป.ป.ช.บอกว่าต้องเข้าเกณฑ์กฎหมายและต้องมีพยานหลักฐานใหม่
ส่วนคนเสื้อเหลือง ถึงทาง “ตีบ”
เพราะป.ป.ช.เปิดช่องแคบๆให้ยื่นอุทธรณ์เพียง 1 คน
ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม ในกระบวนการ(ที่จะหาความ)ยุติธรรม
และเห็นว่า บางฝ่ายโดยเฉพาะ ที่กุมอำนาจอยู่ มีการปกป้อง-คุมกันอย่างดี
ทำอะไรไม่ผิด
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @ThaksinLive
” มงแต็สกีเยอ เคยกล่าว “ ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”


ก็เลยเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
ไม่เว้นเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ที่หันมาตะลุมบอนกันตามภาวะ “ต่างขั้ว” ด้วย
แม้โพสต์นี้จะมีเป้าหมายกรณี “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นสำคัญ
แต่กระนั้นก็เกี่ยวเนื่องไปถึงการวิพาก์ “ขบวนการการยุติธรรม” นับจากสงครามการเมืองอันยืดเยื้อร่วมทศวรรษด้วย
และแน่นอน ณ กาล ปัจจุบัน “ฝ่ายกุมอำนาจ” ก็ประหนึ่งถูก “ปูหนีบ” ให้เจ็บๆปวดๆไปด้วย
เป็นการเริ่มส่งสัญญาณว่าถึง “ปู(จะ)หนี” แต่ก็มีฤทธิ์ที่มี “พี่แม้วหนุน” จะหวลกับมา “หนีบ” คู่ขัดแย้งได้ตลอดเวลา
——————

ติดตามรับชมบทวิเคราะห์เรื่องยิ่งลักษณ์ จาก สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร และ ทิศทางการเมืองที่น่าสนใจ จาก รศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ รัฐศาสตร์จุฬา ฯ ได้จากคลิปด้านล่างนี้