พลิกฆ่าโหดสยองภูเก็ต ที่แท้ศึกมาเฟียต่างชาติ ผบ.ตร.บินด่วนสางคดี ไล่เช็กวงจรปิดล่ามือยิง/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

พลิกฆ่าโหดสยองภูเก็ต

ที่แท้ศึกมาเฟียต่างชาติ

ผบ.ตร.บินด่วนสางคดี

ไล่เช็กวงจรปิดล่ามือยิง

 

เป็นเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ท้าทายฝีมือตำรวจไทยเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับเหตุการณ์ที่ 2 คนร้ายที่น่าจะเป็นมือปืนอาชีพ บุกซุ่มยิงหนุ่มชาวแคนาดา เชื้อสายอินเดียหลายสิบนัด เสียชีวิตคาลานจอดรถของวิลล่าหรูแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต

นอกจากภูเก็ตจะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ที่ความปลอดภัยไว้วางใจได้ควรจะอยู่เหนือสิ่งอื่นใด

ยังมีรายละเอียดของคดีที่น่าตระหนก เนื่องจากผู้ตายเป็นบุคคลในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พัวพันทั้งคดีฆาตกรรมและยาเสพติดมาอย่างโชกโชน

จนมีความเป็นไปได้ว่าคู่อริรับทราบการเข้ามายังประเทศไทย จึงมาดักลงมือล้างแค้น กลายเป็นศึกระหว่างองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ไทยเป็นพื้นที่ต่อสู้

จึงกลายเป็นคำถามว่า เหตุใดอาชญากรระดับโลกเช่นนี้ จึงเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยได้เป็นว่าเล่น และการที่มีคนร้ายมาลงมือก่อเหตุ แล้วหลบหนีไปได้นั้น สะท้อนถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทยอย่างไรบ้าง

ทุกอย่างล้วนส่งผลถึงความเชื่อมั่นของตำรวจไทยยุคนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

 

ดักถล่มดับต่างชาติคาภูเก็ต

เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ร.ต.ท.พลากรน์ นวลสุทธิ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต รับแจ้งมีชาวต่างชาติถูกยิงเสียชีวิต บริเวณลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จัดห้องเป็นแบบวิลล่า บนถนนวิเศษ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมและมีวิลล่าเป็นหลังๆ ติดชายหาดราไวย์ บริเวณลานจอดรถหน้าวิลล่า พบศพชาวต่างชาตินอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ด้านหลังรถอเนกประสงค์ยี่ห้อเอ็มจี สีแดง ทะเบียนป้ายแดง ก 7221 ภูเก็ต

ที่พื้นพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. และขนาด .380 ตกอยู่เกลื่อนกลาดจำนวน 21 ปลอก ทราบชื่อผู้ตายคือนายซิง แมนดีฟ อายุ 32 ปี สัญชาติแคนาดา มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนทั่วทั้งร่างกายนับสิบนัด จึงเก็บปลอกกระสุนปืนที่พบไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า คืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 22.30 น. ผู้ตายขับรถเก๋งอเนกประสงค์ ยี่ห้อเอ็มจี สีแดง ทะเบียนป้ายแดง ก 7221 ภูเก็ต เข้ามาจอดที่บริเวณหน้าวิลล่าดังกล่าว และในจังหวะที่ผู้ตายเดินลงมาจากรถเพื่อเข้าไปในวิลล่าที่พัก

มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้ผ้าโพกหัวปิดบังใบหน้ากระโดดออกมาจากพุ่มไม้ข้างที่จอดรถ จากนั้นก็ลงมือใช้อาวุธปืนบุกจ่อยิงไปที่ผู้ตาย ระยะเผาขนจำนวนหลายสิบนัด จนนายซิงล้มลงและเสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นหนึ่งในคนร้ายก็ยังก้มลงหยิบสิ่งของบางอย่างที่ข้างผู้ตายไปด้วย ก่อนจะวิ่งหลบหนีกลับไปทางเดิมที่มา

กระทั่งเวลา 06.30 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พนักงานทำความสะอาดของวิลล่ามาพบศพของนายซิง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี รวมทั้งรู้ว่าพักอยู่ที่วิลล่าดังกล่าว จึงมาดักซุ่มรอ เมื่อผู้ตายมาถึงแล้วจอดรถ จึงออกมาลงมือกระหน่ำยิงไม่ยั้ง แถมยังจ่อยิงซ้ำอีก ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายทั้งคู่อาจจะเป็นชาวต่างชาติ เพราะสวมไอ้โม่งปิดบังใบหน้า มีร่างกายสูงใหญ่ผิดไปจากคนไทย

ตรวจสอบภายในวิลล่าหรูที่เป็นที่พักของนายซิง พบพาสปอร์ต 2 เล่ม ตู้เซฟ 2 ตู้ ในตู้เซฟใบหนึ่งมีเงินสด 7 แสนบาท และกัญชาอีก 2 ถุงเล็ก

จึงสันนิษฐานได้ว่าคนร้ายเป็นมือปืนอาชีพ มุ่งหวังเอาชีวิตอย่างเดียวโดยไม่ยุ่งกับทรัพย์สิน ถือเป็นการลงมือที่อุกฉกจรรจ์ ปฏิบัติการไล่ล่าคนร้ายจึงต้องเร่งดำเนินการ

พาสปอร์ตคนตาย

 

แฉเป็นมาเฟียฉายาไอ้หน้าบาก

การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ เริ่มที่ตัวของนายซิง แมนดีฟ ผู้ตายว่าเป็นใครกันแน่ มีที่มาที่ไปอย่างไร ขณะที่ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 ระบุว่าผู้ตายใช้หนังสือเดินทางที่ไม่ใช่ชื่อตนเอง เป็นชื่อคนอื่น ลักษณะคล้ายไม่ใช่ของจริง เดินทางเข้ามาวันที่ 27 มกราคม 2565 เข้ามา จ.ภูเก็ต แล้วเช่าบ้านอยู่แถวราไวย์ เบื้องต้นตรวจสอบพบว่ามาเช่าอยู่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564

ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ตายนั้นเป็นบุคคลเฝ้าระวังที่ประเทศแคนาดา เคยแจ้งเตือนว่าจะเดินทางเข้าประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทางปลอม แต่เป็นการเตือนเรื่องบุคคลเฝ้าระวังเท่านั้น ยังไม่ใช่ผู้ต้องหาที่มีหมายแดงของอินเตอร์โพล

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายซิง แมนดีฟ อายุ 32 ปี มีชื่อเดิมว่านายอมฤต ซิงห์ สินธุ เชื้อชาติอินเดีย สัญชาติแคนาดา อยู่ที่อินเดียในช่วงวัยเยาว์ ก่อนไปอยู่ที่แคนาดา เป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งยูไนเต็ด เนชั่นส์ ฉายา Slice หรือไอ้หน้าบาก

ธุรกิจที่มีชื่อ จิมี ซันธู พัวพันธุรกิจค้ายาเสพติด ธุรกิจค้ามนุษย์-ค้าประเวณี ธุรกิจบ่อนการพนัน ธุรกิจมาเฟีย เรียกค่าคุ้มครอง

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายซิงเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยแล้ว 11 ครั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2559 ล่าสุดคือเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 โดยเครื่องบินส่วนบุคคลจากประเทศมาเลเซีย เดินทางมาคนเดียว เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ป่าตอง กระทั่งวันที่ 30 มกราคม จึงเข้าพักวิลล่าหลังที่เกิดเหตุ ที่เช่าระยะยาว จ่ายเงินเดือนละ 1 แสนบาท

ขณะที่สื่อแคนาดาระบุว่า นายซิง แมนดีฟ เป็นบุคคลที่ถูกหน่วยยาเสพติดตรวจยึดโรงงาน 14 แห่ง ในรัฐมหาราชราต และกัว ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย โดยสามารถตรวจยึดเคตามีน 308 กิโลกรัม และสารตั้งต้น 2,000 กิโลกรัม กัญชา โคเคน มูลค่ารวม 350,000,000 รูปี ซึ่งมีชาวต่างชาติอื่นร่วมอยู่ด้วย

โดยเคตามีนดังกล่าวมีการลักลอบนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศแคนาดา รวมทั้ง กทม. นอกจากนี้ ยังเคยก่อคดีร่วมกันฆ่าหัวหน้าแก๊งเมื่อปี 2011 และปี 2012 ร่วมกันปล้นทรัพย์เครื่องประดับในประเทศดูไบ ขณะที่ปี 2014 ฆ่าหัวหน้าแก๊งแมตช์แคมเบล ในพื้นที่นอกสนามบินแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดา แต่ในปี 2018 ได้รับการประกันตัว และหลบหนีออกนอกประเทศ แถมยังถูกถอดสัญชาติแคนาดา และเนรเทศ

เป็นอาชญากรที่มีประวัติโชกโชน

วงจรปิดคนร้าย

 

เช็กวงจรปิดล่า 2 มือปืน

ขณะที่การติดตามคนร้ายในคดี ด้วยความที่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญและโด่งดังไปทั่วโลก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงบินด่วนลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต พร้อม พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์

พร้อมยืนยันว่า ตรวจสอบแล้วไม่เคยมีประเทศไหนส่งหมายจับคนนี้มาให้เรา รวมถึงไม่มีเรดโนติสของตำรวจสากล เร่งประสานกับตำรวจแคนาดาและตำรวจอินเดียแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ข้อมูลหนังสือเดินทางเป็นข้อมูลที่แคนาดาออกให้จริงๆ เป็นพาสปอร์ตที่ถูกต้อง แต่ข้อมูลที่เอาไปทำพาสปอร์ตเป็นเท็จ กำชับเจ้าหน้าที่เร่งรัดสืบสวนสอบสวน และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ส่วนการการติดตามคนร้ายตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนแบ่งกำลัง 20 ชุดไล่ล่าคนร้าย ติดตามข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทุกจุดในบริเวณที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง พบว่าผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นคนร้าย 2 คน นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อสีขาวคลุมศีรษะ เดินผ่านกล้องวงจรปิดหลายจุดในบริเวณทางไปที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ ยังพบภาพของกล้องวงจรปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งริมชายหาดที่บันทึกภาพชายต้องสงสัยเดินอยู่บริเวณชายหาด 2 คน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพวงจรปิดรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ต.ราไวย์ จับภาพ 2 ชายต้องสงสัยเดินลัดเลาะขึ้นมาจากชายหาดผ่านลานจอดรถมุ่งหน้าไปยังถนนสายหลักในช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่ม และเป็นช่วงหลังมีการก่อเหตุฆาตกรรมไม่นาน

คาดว่ายังกบดานอยู่ในภูเก็ตนั้นเอง!??

สำหรับปมเหตุสังหารครั้งนี้ว่าน่าจะมาจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างชาติ โดยนายซิง หรือนายจิมมี่ ที่เป็นแก๊งยูไนเต็ด ก่อเหตุสังหารคนในแก๊งเรดสกอร์เปี้ยน ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรรมอีกกลุ่ม เมื่อปี 2559 และถูกทางการแคนาดาจับกุมได้ ภายหลังศาลยกฟ้อง และถูกเนรเทศออกจากแคนนาดา

และหลังจากเกิดเหตุ มีการโพสต์ลงโลกออนไลน์ของคู่อรินายซิง ว่านายซิงเสียชีวิตแล้ว ทั้งที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูล จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการแก้แค้นขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

จากนี้จึงเหลือเพียงแค่คำถามว่าตำรวจจะเร่งคลี่คลายคดีที่โด่งดังทั่วโลกนี้ได้รวดเร็วเพียงใด ไม่ให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเห็นไทยเป็นพื้นที่เหมาะสมในการลงมือสังหารคู่อริ อันจะกระทบต่อศักดิ์ศรีของประเทศชาติ

วัดฝีมือตำรวจกันครั้งนี้นี่แหละ!!!!