‘ป้อม’ ปลุกขวัญ พปชร. เป้า 150 ส.ส. ปัดดีลยึดเก้าอี้ มท.1 จับตา 21 เศรษฐกิจไทย ‘เขย่า’ ต่อ ‘ธรรมนัส’ โชว์คุย ‘มิตร’ อนุทิน/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘ป้อม’ ปลุกขวัญ พปชร. เป้า 150 ส.ส.

ปัดดีลยึดเก้าอี้ มท.1

จับตา 21 เศรษฐกิจไทย ‘เขย่า’ ต่อ

‘ธรรมนัส’ โชว์คุย ‘มิตร’ อนุทิน

 

หลายฝั่งจับตาการบินไปต่างประเทศของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เป็นแกนนำกลุ่ม 21 ส.ส. ที่ถูกขับพ้นพรรค พปชร. กับกระแสข่าวลือกันหนาหูว่าแอบบินไปพบกับคนแดนไกล เพื่อปฏิบัติการดีลลับเขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภาค 2 อีกหรือไม่

เขย่ารัฐบาลภายหลัง ร.อ.ธรรมนัสพร้อม 21 ส.ส. เป็นอิสระในทางการเมือง ปลดแอกจากพรรค พปชร. โดยยังไม่มีคำตอบยืนยันจาก “ผู้กองธรรมนัส” ว่าจะเลือกสถานะทางการเมืองในสภาของพรรคเศรษฐกิจไทยว่าอยู่ขั้วไหน ระหว่างฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน

แม้ “บิ๊กป้อม”แ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. จะออกมายืนยันว่า เรื่อง ร.อ.ธรรมนัสและ 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรค พปชร.ไปนั้น จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง โดย ร.อ.ธรรมนัสและ 21 ส.ส.จะยังโหวตสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเหมือนเดิม

ขณะที่คนใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัสระดับมือขวา อย่าง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพรช พรรคเศรษฐกิจไทย ออกมาระบุว่า ร.อ.ธรรมนัสบินไปทำธุระส่วนตัว โดยเมื่อ ร.อ.ธรรมนัสกลับมาไทยและครบการกักตัวที่ จ.ภูเก็ต ส.ส.ร่วมก๊วนที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก็รีบบินไปหารือในช่วง 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัสทันที เพื่อหาข้อสรุปและทิศทางการเข้าสังกัดพรรคใหม่อย่างพรรคเศรษฐกิจไทย

พร้อมกับเกิดกระแสข่าวเปิดดีลทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ผ่านข้อสรุปภายหลังการหารือของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ จ.ภูเก็ต ว่า พรรคเศรษฐกิจไทยผลักดันโมเดลสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

โดยยกเหตุผลว่าด้วยศักยภาพของ “บิ๊กป้อม” ที่สามารถดูแล ส.ส.ได้เป็นอย่างดี และเป็นการรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อแลกกับการที่พรรคเศรษฐกิจไทยจะโหวตสนับสนุนรัฐบาล

 

กระแสข่าวนี้ถูกจับตามองว่าเป็นอีกครั้งที่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ สร้างแรงกระเพื่อมให้กับความสัมพันธ์ของพี่น้อง “กลุ่ม 3 ป.” อีกครั้ง

หลังย้อนกลับไปเมื่อครั้งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน 2564 ที่ในช่วงนั้นที่มีข่าวออกมาว่า ร.อ.ธรรมนัสจะนำโหวตลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หวังสอย พล.อ.ประยุทธ์ให้หลุดจากตำแหน่งนายกฯ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะรู้ทันแผนปฏิบัติการเขย่าเก้าอี้นายกฯ ในครั้งนั้น พร้อมกับการปิดห้องเข้าเคลียร์ใจกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสได้ขอโทษ พร้อมเปิดใจว่า “ทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีของพรรค พปชร.ไม่เคยมาดูแลและมาเจอ ส.ส.ในพรรคเลย” อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าวก็มีการปลด ร.อ.ธรรมนัสออกจากตำแหน่งรัฐมตรีแบบสายฟ้าแลบ

 

ปฏิบัติการชู “บิ๊กป้อม” ให้ขึ้นนั่งเก้าอี้ มท.1 พร้อมยกสรรพคุณเรื่องการดูแล ส.ส.ของ “บิ๊กป้อม” ที่ใจถึงพึ่งได้ขึ้นมานั้น เหมือนเป็นการจี้จุดเดิมที่เคยเปิดใจบอกกับ “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป๊อก” ที่แทบไม่ได้ดูแล ส.ส.เลย หรือจะเป็นการขู่กลายๆ ถึงการวางตัวของพรรคเศรษฐกิจไทยและการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ อีกด้วย

แม้กระแสข่าวเรื่องโมเดลดัน “บิ๊กป้อม” นั่ง มท.1 จะถูกปฏิเสธภายในวันเดียวกัน โดย ร.อ.ธรรมนัสและ “ไผ่ ลิกค์” ออกมาโพสต์ยืนยันจุดยืนของพรรคเศรษฐกิจไทย คือทำการเมืองสร้างสรรค์ พร้อมโพสต์ #การเมืองวุ่นวายเพราะใคร ทิ้งท้ายสื่อถึงใครไว้ด้วย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ยังไม่คิดที่จะปรับ ครม.

เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตรที่ออกมาสยบกระแสข่าวว่าพรรคเศรษฐกิจไทยเตรียมเสนอให้นั่งเก้าอี้ มท.1 ต่อหน้าวงประชุมพรรค พปชร.ด้วยตัวเองว่า “ไม่จริง”

พร้อมกล่าวว่า “ไม่ไป ยังไม่มีใครให้ไปตรงไหน” ซึ่งการประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมพรรคครั้งแรกของปี 2565 ที่ พล.อ.ประวิตรเข้าประชุมด้วย หลังจากได้มีการขับ 21 ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสออกไป

โดยระหว่างการประชุม พล.อ.ประวิตรได้ยืนยันกับลูกพรรคทุกคนว่าพรรคใหม่ที่ ร.อ.ธรรมนัสไปสังกัดนั้น ตัวเองคุมได้ พร้อมยกมือขอร้องลูกพรรคทุกคนให้เข้าประชุมสภา อย่าให้ที่ประชุมสภาล่มซ้ำซากอีก พร้อมกับประกาศความเชื่อมั่นกับลูกพรรคว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะสามารถกวาดเก้าอี้ได้ 150 เสียง และขอให้อยู่ด้วยกันไปก่อนไม่ต้องลาออก และขณะนี้มีสมาชิกมาสมัครเข้าพรรคเป็นจำนวนมาก

เรียกได้ว่า “บิ๊กป้อม” พยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกพรรคในทุกวิธีการ เพื่อประคับประคองให้รัฐบาลสามารถอยู่รอดจนครบวาระในเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งก็คงต้องจับตาจะมี “บิ๊กเนม” คนดังไหลเข้าพรรค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ส.ส.ของพรรค พปชร.บ้าง

 

ขณะที่เรื่องภายในพรรค พปชร.ยังไม่ทันจะสงบราบเรียบ รอยร้าวภายในพรรคร่วมรัฐบาลก็ทำท่าจะปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบเต็มคณะ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์ 7 รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำโดย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. พร้อมด้วย “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. แท็กทีมรัฐมนตรีในสังกัดของพรรค ภท. ลาการประชุม ครม.โดยพร้อมเพรียงกัน

ในลักษณะ “บอยคอต” ไม่เข้าร่วมรู้เห็นกับที่ประชุม ครม. ที่มีวาระขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เสนอโดย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เจ้าของเรื่อง เนื่องจากรัฐมนตรีสังกัดพรรค ภท.มีข้อกังวลในเรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขยายสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทบีทีเอสไปอีก 30 ปี สุ่มเสี่ยงที่จะขัดกฎหมายได้

คอการเมืองจึงฟันธงตรงกันว่า เสถียรภาพของรัฐบาลผสม อาจจะมีรอยร้าวเกิดขึ้นได้

สอดรับกับภาพ ร.อ.ธรรมนัสนำ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังที่มีที่นั่งอย่างเป็นทางการในสภา และได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ได้เข้าประชุม ครม. แต่เข้าร่วมประชุมสภา อย่างเป็นกันเอง

อย่างนี้จะเข้าทางปริศนาทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัสที่เคยโพสต์ว่า the enemy of my enemy is my friend หรือ ศัตรูของศัตรูคือมิตร

รวมทั้ง #การเมืองวุ่นวายเพราะใคร นั้นหมายถึงใคร จะเขย่าเสถียรภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้อยู่รอดจนครบวาระได้หรือไม่