BEING THE RICARDOS ‘ซิต-คอมยอดนิยมในอดีต’ / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์
Glen Wilson/ © 2021 Amazon Content Services LLC

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

BEING THE RICARDOS

‘ซิต-คอมยอดนิยมในอดีต’

 

กำกับการแสดง

Aaron Sorkin

 

นำแสดง

Nocole Kidman

Javier Bardem

J.K. Simmons

Nina Arianda

Tony Hale

 

ผู้เขียนโตขึ้นสมัยเมื่อโทรทัศน์เพิ่งเริ่มเข้ามาอยู่ในบ้านเรือนใหม่ๆ และกลายเป็นสื่อข้อมูลข่าวสารและการบันเทิงประจำบ้าน เพิ่มขึ้นจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อภาพยนตร์

สมัยบุกเบิกของสื่อโทรทัศน์ผิดกับสมัยนี้เหมือนอยู่กันคนละโลก คือมีช่องทีวีให้เลือกดูเพียงไม่กี่ช่อง แถมไม่ได้ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เปิดรายการก่อนย่ำค่ำไปจนถึงเวลาปิดตอนดึกดื่นเที่ยงคืน

หนึ่งในซีรีส์ฝรั่งที่ได้ดูและยังจำได้คือ I Love Lucy นำแสดงโดยลูซิลล์ บอลล์ และเดซี อาร์นาซ สามีในชีวิตจริงของเธอ ทั้งสองเล่นเป็นสามีภรรยาชื่อริกกี้ และลูซี่ ริคาร์โด โดยมีตัวละครประกอบที่เห็นหน้าค่าตาเป็นประจำ คือ เฟร็ด และ เอเธล

น่าจะเป็นละครซิตคอมเรื่องแรกที่ผู้เขียนได้ดูละมัง ความยาวครึ่งชั่วโมง ออกอากาศอาทิตย์ละวันเท่านั้น

ใช่แต่ว่าจะเป็นละครฮิตในเมืองไทยเท่านั้น แต่หนังบอกตั้งแต่ต้นเรื่องว่า I Love Lucy เป็นรายการสุดยอดฮิตที่มีคนติดตามดูถึง 60 ล้านคนในอเมริกา

ว่ากันว่าถนนหนทางในอเมริกาว่างเปล่าเหมือนเมืองร้างในคืนวันจันทร์ ห้างสรรพสินค้าต้องเปลี่ยนวันลดราคาจากวันจันทร์ ซึ่งรายการออกอากาศ ไปเป็นวันอื่นในช่วงสัปดาห์

ตอนนั้นได้ยินข่าวโด่งดังเรื่องลูซิลล์ บอลล์ ถูกเรียกตัวไปให้การต่อหน้าคณะกรรมาธิการที่ดูแลเรื่องการกระทำที่ “ไม่เป็นอเมริกัน” หรือพูดง่ายๆ คือ ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ติดตามรายละเอียดและผลการสอบสวนที่ตามต่อมา

โตขึ้นอีกหน่อยจึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ “ลัทธิแม็กคาร์ธี” ในอเมริกา รวมทั้ง “บัญชีดำของบุคคลในฮอลลีวู้ด” ที่มีการหมายหัว จับกุม สอบสวน ให้การซัดทอด และลงโทษ โดยขยายผลเป็นวงกว้าง จนเป็นที่หวาดกลัวกันทั้งวงการ

และได้รับการขนานนามว่าเป็น “ยุคสมัยแห่งการล่าแม่มด” ในประวัติศาสตร์สมัยใหม่

 

หนังเรื่อง Being the Ricardos นำเสนอช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่คอลัมนิสต์ข่าวซุบซิบ วอลเตอร์ วินเชลล์ ทิ้งระเบิดลงตูมเรื่องที่ว่า ดาราขวัญใจจากละครยอดนิยมเป็นคอมมิวนิสต์!

เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่อนาคตของลูซิลล์ บอลล์ แขวนอยู่บนเส้นด้าย ซึ่งกินความไปถึงว่าละครชุดนี้จะต้องจบสิ้นตามเธอไปด้วย หากว่าเธอถูกตัดสินว่าเป็นคอมมิวนิสต์จริง

หนังให้ความกระจ่างแก่เราตั้งแต่แรกเริ่มเลยว่า เงื่อนงำอย่างเดียวที่โยงลูซิลล์เข้ากับพรรคคอมมิวนิสต์ในอเมริกาคือแบบฟอร์มที่เธอลงนาม ซึ่งกาเครื่องหมายในช่องที่บอกว่าเป็นคอมมิวนิสต์

และลูซิลล์บอกสามี-ซึ่งห้ามไม่ให้เธอป่าวประกาศให้ใครอื่นรู้-ว่าเธอทำไปเพื่อเอาใจคุณตาที่เลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กหลังจากพ่อเสียชีวิตไป คุณตาเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยอุดมการณ์เพื่อความเสมอภาคสำหรับคนยากไร้ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ โดยที่เดซี สามีของเธอ บอกให้เธอบอกไปว่า เธอกาช่องผิดในแบบฟอร์มเพราะยังเป็นเด็กอยู่

ซึ่งประเด็นนี้ ลูซิลล์คัดค้านแบบหัวชนฝาโดยปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธอเผอเรอทำพลาดไปสมัยยังเด็กอยู่ เพราะนอกจากจะให้ภาพลักษณ์ว่าเธอเป็นคนโง่เง่าเซอะซะเหมือนคนปัญญาทึบแล้ว ยังจะเป็นการทรยศต่อคุณตาผู้มีพระคุณคุ้มหัวผู้ต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมในสังคมอีกด้วย

 

ท่ามกลางความประหวั่นพรั่นพรึงใจของลูซิลล์ สามี และทีมงานละครทุกคน ซึ่งไม่มีทางแน่ใจได้ว่าเรื่องราวจะบานปลายไปสักแค่ไหน

ลูซิลล์จะถูกจับกุมดำเนินคดี และละครจะถูกแบนไปเลยหรือเปล่า

หนังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบวันต่อวันในสัปดาห์ของการทำงานจากจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่การเตรียมงานถ่ายละคร การประชุมเขียนบท การประชุมนั่งอ่านบท บล็อกกิ้ง (การกำหนดตำแหน่งนักแสดงในฉาก) การกำกับมุมกล้อง ตลอดไปจนถึงการตีความและการปรับปรุงบทให้ดีขึ้นอีก จนถึงวันศุกร์เมื่อมีการถ่ายทำในโรงถ่ายต่อหน้าคนดูที่ได้รับเชิญจำนวนหนึ่ง

ระหว่างนั้น หนังยังมีแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เช่น การพบกันครั้งแรกของลูซิลล์ (นิโคล คิดแมน) ซึ่งเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงพอสมควรแล้ว กับเดซี อาร์นาซ (ฮาเวียร์ บาร์เด็ม) ซึ่งเป็นนักดนตรีและหัวหน้าวงดนตรีที่เปิดแสดงในคลับ ผู้มีภูมิหลังคือเป็นผู้อพยพลี้ภัยคอมมิวนิสต์มาจากคิวบา

ความรักและการแต่งงานของทั้งสองคนในวงการบันเทิงซึ่งต่างก็มีคิวยุ่งเหยิงยาวเหยียดจนวันๆ แทบหาเวลาเจอหน้ากันไม่ได้ โดยที่เดซียังไม่ยอมทิ้งความสำราญแบบชีวิตหนุ่มโสดแต่เดิมของเขา

และเมื่อที่สุดถึงที่สุด ลูซิลล์ก็ใช้โอกาสทองที่ลอยมาเข้ามือ ในการดันให้สามีในชีวิตจริงมารับบทสามีในละครชุด I Love Lucy

ทั้งนี้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าเดซีเป็นคนละตินอเมริกันนะ คนดูจะไม่ยอมรับหรือทำใจได้ยากต่อการที่สาวอเมริกันทั้งแท่งอย่างลูซี่ ไปแต่งงานอยู่กินกับคนเชื้อสายฮิสแปนิก ซึ่งพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแปร่งหูสำหรับคนอเมริกัน

ลูซิลล์ยืนกรานแบบกระต่ายขาเดียวเพื่อรักษาชีวิตแต่งงานให้อยู่รอดปลอดภัย และทำได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เดซี อาร์นาซ กลายมาเป็นริกกี้ ริคาร์โด ในละครยอดนิยม

และได้พิสูจน์ตัวว่านอกจากการเล่นบทตลกได้ดีแล้ว เขายังมีความสามารถเชิงธุรกิจที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้หลายครั้งหลายหน

 

และเมื่อเกิดปัญหาที่ลูซิลล์ตั้งท้องในระหว่างที่ซีรีส์ยังครองความนิยมสุดยอดอยู่ ทางแก้ที่ผู้บริหารและสปอนเซอร์ใหญ่เลือกจะใช้คือ การหาอะไรมาบังท้องของลูซี่ไว้ไม่ให้คนดูเห็น ซึ่งลูซิลล์ก็เถียงว่าจะให้เธอถือแจกันดอกไม้บังท้อง หรือยืนหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้หรือโซฟาทุกฉากคงไม่ดีแน่

ทางแก้ที่สองสามีภรรยาทั้งในและนอกจอเสนอคือให้ลูซี่ตั้งท้องเสียเลย ซึ่งก็เกิดเสียงคัดค้านกันขรมอีกว่า คำว่า “ตั้งท้อง” เป็นคำต้องห้ามสำหรับทีวี เพราะคนดูผู้หญิงย่อมไม่อยากถูกเตือนให้นึกถึงอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้วิงเวียนอาเจียนไม่หยุดเป็นแน่

และนอกจากนั้น ยังจะทำให้คนดูนึกต่อไปอีกถึงกิจกรรมทางเซ็กซ์ที่ทั้งสองมีร่วมกันจนนำไปสู่การตั้งครรภ์

ต้องระลึกไว้ด้วยว่านี่เป็นยุคสมัยที่ทีวีมีกฎสำหรับการถ่ายทำฉากในห้องนอนว่าสามีภรรยาต้องแยกกันนอนคนละเตียง เนื่องจากละครโทรทัศน์เป็นสื่อความบันเทิงในครอบครัวซึ่งอาจมีเด็กเล็กอยู่ด้วย!!!

เห็นๆ อยู่เลยว่าเรตติ้งสมัยก่อนเข้มข้นเคร่งครัดกันแค่ไหน และลูซิลล์กับเดซีมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้บุกเบิกในวงการมากแค่ไหน

 

หนังมาจบลงในวันศุกร์ ซึ่งมีการถ่ายทำต่อหน้าคนดู พร้อมกับข่าวหนังสือพิมพ์ที่ยังไม่ยอมเลิกรากรณีลูซิลล์เป็นคอมมิวนิสต์ ความสามารถเชิงธุรกิจและการประชาสัมพันธ์ของเดซีปรากฏชัดอีกครั้ง เมื่อเขาเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมชมเป็นพิเศษ และจัดการต่อสายถึงเจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอขณะนั้น ให้พูดเสียงดังฟังชัดต่อหน้าผู้ชมและสื่อมวลชนว่า ผลการสอบสวนล้างมลทินทั้งหมดให้แก่ลูซิลล์ บอลล์ โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย

ลูซิลล์รอดพ้นจากขบวนการล่าแม่มดไปได้ แต่เธอก็ไม่สามารถรักษาชีวิตแต่งงานให้ตลอดรอดฝั่งได้ในที่สุด เนื่องจากมีสามีเจ้าชู้และใช้ชีวิตสำเริงสำราญไม่ยอมเลิก

ขอเสริมท้ายอีกนิดว่า คุณูปการที่สามีภรรยาคู่นี้ทำให้แก่วงการอย่างหนึ่ง คือการร่วมกันก่อตั้งสตูดิโอผลิตละคร ชื่อ Desilu ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่ามาจาก เดซี + ลู (ซิลล์) และสตูดิโอนี้เป็นผู้ผลิตซีรีส์เด่นๆ ที่กลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีแฟนติดตามมาจนทุกวันนี้ คือ Mission Impossible และ Star Trek

ถ้ามีโอกาส ก็หาดูกันนะคะ สำหรับ Being the Ricardos อ้อ นี่ยังไม่ได้พูดถึงการแสดงอันน่าจับตาของนิโคล คิดแมน ฮาเวียร์ บาร์เดม และ เจ.เค. ซิมมอนส์ เลยค่ะ