ถึงจุดแตกหัก แต่ไม่ต้องรัฐประหาร ใช้ ส.ว.และการซื้อ ส.ส.หลังเลือกตั้ง/หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว

มุกดา สุวรรณชาติ

 

ถึงจุดแตกหัก

แต่ไม่ต้องรัฐประหาร

ใช้ ส.ว.และการซื้อ ส.ส.หลังเลือกตั้ง

 

การเมือง 2565 ความขัดแย้งในกลุ่มอํามาตยาธิปไตย

ในยุคก่อนๆ พวกเผด็จการที่เข้ามาปกครองใช้วิธีการแบบตรงๆ คือนำกำลังทหารเข้ามายึดอำนาจและตั้งตนเองเข้ามาเป็นผู้ปกครอง

ในยุคหลังเมื่อคนไม่ยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะหลังการรัฐประหาร 2549 จึงได้มีการใช้บุคคลและองค์กรต่างๆ เข้าร่วม ตั้งแต่ม็อบมวลชนทั่วไป ปัญญาชนคนชั้นสูง อำนาจจากกฎหมาย อำนาจจากปืน องค์กรตามกฎหมาย องค์กรนอกกฎหมาย

การทุ่มกำลังทั้งหมดออกมาเพื่อจะยึดอำนาจรัฐ เป็นปฏิบัติการที่ทำติดต่อกันมาสิบกว่าปีแล้ว

การเคลื่อนไหวใหญ่ระลอกสุดท้ายตั้งแต่ปลายปี 2556 และรัฐประหาร 2557 จนถึงปัจจุบันนับเป็นการเคลื่อนไหวที่ระดมฝ่ายอนุรักษนิยมทุกสายงานมากที่สุด ใช้ทุนเยอะที่สุด และน่าจะใช้เวลายาวนานที่สุด

การต่อสู้ยืดเยื้อ ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร เพราะเป้าหมายคือต้องการสร้างระบอบอํามาตยาธิปไตย

สถานการณ์การเมืองตั้งแต่ 2549-2565 ฝ่ายประชาธิปไตยจึงต้องตั้งรับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่อำนาจและผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร สุดท้ายเมื่อเข้าสู่อำนาจนานเข้าพวกเขาก็แย่งอาหารกันเอง

ปรากฏการณ์ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ ถึงจุดต้องแยกวง

ที่บอกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะคุมทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคใหม่นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ยอมง่ายๆ แต่จะใช้ยุทธวิธีกึ่งสู้กึ่งถอย…คือ

1. คงจะสู้เพื่อแย่งอำนาจในพรรคพลังประชารัฐก่อน ในขณะเดียวกันก็เตรียมทางถอยออกไปตั้งพรรคสำรองไว้ ถ้าสู้จนชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐได้สำเร็จก็จะใช้พรรคนี้เป็นพรรคการเมืองหลักในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ถ้าสู้แล้วยึดอำนาจในพรรค พปชร.ไม่ได้ก็จะนำ ส.ส.จำนวนหนึ่งถอยไปอยู่ในพรรคตั้งสำรองไว้ ซึ่งน่าจะมีอย่างน้อย 2 พรรค

2. กึ่งสู้กึ่งถอย ระดับสองคือ พยายามยืดอายุรัฐบาลออกไปให้นานที่สุด แต่ถ้าจะยืดก็ต้องยอมถอยบ้าง เพื่อปรับ ครม. แบ่งกระทรวงให้กับสายของ พล.อ.ประวิตร เพื่อประคองรัฐบาลไว้ให้ได้อีกระยะหนึ่ง คิดว่าต้องทำแน่เร็วๆ นี้ เพราะผลประโยชน์ร่วมยังมีมากมาย แต่เกมในสภาบังคับ ถึงปรับ ครม.แล้วคงจะยืดอายุได้ไม่นาน

3. คำว่ากึ่งสู้กึ่งถอยยังหมายถึง ประยุทธ์ต้องสู้โดยการมีพรรคเพื่อลงรับเลือกตั้ง เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ด้วยความเชื่อโพลที่เชลียร์

แต่ถ้าผลออกมาจริงหลังเลือกตั้ง พรรคที่ตนเองเข้าไปเป็นแกนนำได้ ส.ส.มาไม่มากพอ และกระแสไม่ให้สืบทอดอำนาจแรงขึ้น คงถอยก่อนเข้าชิง… ไม่กล้าให้ใครเสนอชื่อเข้าไปชิงนายกฯ ในสภาให้อับอาย

 

ช่วงเวลาแบบนี้ ไม่มีการรัฐประหาร

เพราะสถานการณ์ตอนนี้ส่วนใหญ่อยากเลือกตั้ง ทุกฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองมีโอกาสชนะ ไม่เหมือนยุคที่พรรคไทยรักไทยเฟื่องฟูที่มองว่าเลือกไปก็แพ้ เมื่อมองอนาคตกลุ่มหรือพรรคต่างๆ ก็คิดว่ายังไงก็ได้ ส.ส.บ้าง และมีโอกาสร่วมรัฐบาลผสม จึงเต็มใจที่จะเลือกตั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไร้อำนาจ

ที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มีบทเฉพาะกาลให้ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนสามารถเลือกนายกฯได้ นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายอํามาตยาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า เมื่อได้เปรียบในเกมสภา จึงไม่อยากเป็นแบบพม่า แต่อยากโชว์ว่าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

แต่ ส.ว. 250 คนครั้งหน้า ส.ว.คนไหนจะเลือกนายกฯ ตามคำขอของใคร คาดว่าจะไม่ไปทางเดียวกันทั้งหมด งานหน้าแม้แต่ ส.ว.ก็จะได้รับการแจกกล้วย

ส่วนฝ่ายประชาธิปไตย ผู้วิเคราะห์คิดว่า การยืนอยู่ในเกมการเลือกตั้งเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายประชาธิปไตย เป็นเกมที่นานาชาติยอมรับให้ผู้ชนะเป็นตัวแทนของประชาชนและของประเทศ การสู้ในเกมนี้ต้องพยายามกำหนดยุทธศาสตร์ให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และฝ่ายการเมือง

แม้แนวทางการต่อสู้ผ่านการเลือกตั้งยังเป็นทางเลือกหลัก แต่กฎหมายต้องยุติธรรม ฝ่ายที่อยากสร้างระบอบอํามาตยาธิปไตยยังครองอำนาจรัฐอยู่ มีการสนับสนุนจากองค์กรและผู้มีอำนาจอย่างแข็งขัน สามารถกำหนดเวลาของการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงกฎหรือตัดสินไปในทางใดก็ได้

การแก้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายจึงยังเป็นเรื่องจำเป็นอันดับแรก

 

ฝ่ายอํามาตยาธิปไตยเขียนกฎหมาย

เปิดช่องให้แย่งชิงอำนาจ

เริ่มตั้งแต่การให้มี ส.ว.แต่งตั้งของพวกเขาขึ้นมาเองครึ่งหนึ่ง (250 คน) ของจำนวน ส.ส.และยังสามารถเลือกนายกฯ ได้

เท่านั้นยังไม่พอ มีการพลิกแพลงวิธีการเลือกตั้งต่างๆ เพื่อจะให้ตนเองได้เปรียบในการเลือกตั้ง ส.ส.

จากนั้นก็ยังอาศัยอำนาจจากองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้พรรคฝ่ายค้านเคลื่อนไหวลำบากหรือมีความผิดได้ จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ถึงกับถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือยุบพรรค

ถ้าหากเลือกตั้งมาแล้วคะแนนเสียงยังไม่พอเพียง ยังมีวิธีการที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามย้ายมาอยู่ฝ่ายตนเองเพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้

นับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง 2562 ข่าวการโยกย้ายพรรคการเมืองและข่าวคราวการซื้อขาย ส.ส. กระทั่งมีศัพท์คำว่ากล้วยและงูเห่าเกิดขึ้น การใช้เงินและอำนาจ ตำแหน่งต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมืองและเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งนี้จะทำลายระบอบประชาธิปไตย จำเป็นต้องหาวิธีป้องกัน

ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นแบบแบ่งเขตหรือปาร์ตี้ลิสต์ มีคุณค่าจากคะแนนของประชาชนที่เป็นผู้เลือก

ประชาชนเลือกจากอะไร?

เลือกจากคุณสมบัติของคนนั้น

เลือกเพราะคิดว่าคนนั้นอยู่ในพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์แบบที่เขาต้องการ

เลือกเพราะอยู่ในพรรคที่มีนโยบายที่จะให้ประโยชน์แก่ประชาชนในกลุ่มนั้นๆ

แต่หลังจากได้เป็น ส.ส.กลับสามารถย้ายข้างเปลี่ยนอุดมการณ์ เป็นกล้วย

 

การแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบ

ควรจะแก้ไขข้อบกพร่องนี้

ส.ส.ไม่ใช่นักกีฬาฟุตบอลที่ฝึกมาจนเก่งแล้วคิดจะย้ายทีมอย่างไรก็ได้ เรียกค่าตัวเท่าไหร่ก็ได้ ความสำคัญที่มาเป็น ส.ส.ได้คือเสียงโหวตของประชาชนนับหมื่นนับแสนต่อ 1 คน

เมื่อมีความขัดแย้งใดๆ ในการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ ส.ส.จะต้องให้ประชาชนตัดสินใจเท่านั้น

ส.ส.มีสิทธิ์ลาออก มีสิทธิ์ป่วย อาจตายได้ และอาจทำความผิดโดนคดีหรือถูกขับออกจากพรรค

องค์ประกอบการเป็น ส.ส.มาจากคนและพรรค เมื่อสิ้นสุดทางใดทางหนึ่ง คนนั้นก็สิ้นสภาพ ส.ส. ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้งคนใหม่เข้ามาแทน ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าเขาจะเลือกใครหรือพรรคใดเข้ามาเป็นตัวแทน

ส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์นั้นมาจากคะแนนเสียงรวมของพรรคการเมืองที่สังกัด ถ้ามีการลาออกอย่างเต็มใจจากการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต ก็สามารถเลื่อนบุคคลอันดับถัดไปในพรรคขึ้นมาแทนได้ แต่ถ้าเป็นความขัดแย้ง ถึงขั้นต้องขับออกจากพรรคการเมือง องค์ประกอบการเป็น ส.ส ก็สิ้นสุด คนนั้นไม่ควรมีสิทธิ์ย้ายไปอยู่พรรคอื่น แต่พรรคก็ไม่ควรมีสิทธิ์ตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ใหม่เข้ามาแทน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างพรรคและ ส.ส.ในพรรคที่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาจนอยู่ร่วมกันไม่ได้

วิธีนี้จะทำให้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่คิดจะย้ายพรรคย้ายขั้วจะไม่สามารถทำได้ ในขณะเดียวกันพรรคก็ไม่อาจบีบให้ ส.ส.โดยการขับออกไปง่ายๆ เพราะต้องสูญเสียโควต้า ส.ส.ไปหนึ่งที่เช่นกัน

ส่วนการตั้ง ส.ส.ทดแทน ควรจะเลื่อนลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่มีคะแนนสูงสุดซึ่งจัดลำดับสำรองไว้ที่ 101 102 103 ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนก็ตามขึ้นมาแทน

ถ้ายังซื้อขาย ส.ส.หลังเลือกตั้งได้ง่ายๆ ย้ายพรรคง่าย ยุบพรรคตัวเองแล้วย้าย แบบนี้จะเลือกตั้งไปทำไม มันก็เหมือนหลอกประชาชน

เลือกตั้งปีเสือ พี่ป้อม… ที่ดูแลน้องๆ มาตลอดจะได้แสดงบารมีให้รู้ว่า “อย่าแหย่เสือหลับ”