ทดสอบ ‘อีซูซุ มิว-เอ็กซ์’ MY2022 ‘พีพีวี’ เพื่อครอบครัว ‘ขับนุ่ม-เร่งดี’ / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

ทดสอบ ‘อีซูซุ มิว-เอ็กซ์’ MY2022

‘พีพีวี’ เพื่อครอบครัว ‘ขับนุ่ม-เร่งดี’

 

ค้างคามาพักใหญ่ๆ กับบททดสอบ “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” (Isuzu MU-X) ที่ผมมีโอกาสทดลองขับไปทริปต่างจังหวัด

“มิว-เอ็กซ์” จัดเป็นรถพีพีวี หรือปิกอัพดัดแปลงที่ขายดีขึ้นชื่อของค่ายอีซูซุ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร และระบบขับเคลื่อนมีแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ

คันที่ได้มาทดสอบเป็นตัวท็อป เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ภายนอกนี่ต้องบอกว่าไม่ธรรมดานะครับ เพราะคว้ารางวัลการออกแบบดีเด่น “Good Design Award 2021” (G Mark) จากประเทศญี่ปุ่น สาขารถยนต์นั่ง จากสถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Institute of Design Promotion (JDP)

ไม่เพียงเท่านั้น ยังการันตีความปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐานความระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนของ ASEAN NCAP

ส่วนรุ่นโมเดลเยียร์ 2022 ที่ผลิตจากไทยส่งไปขายที่ออสเตรเลีย ทดสอบการชนโดย “Australasian New Car Assessment Program” (ANCAP) ได้รับความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวเช่นกัน

โดยคะแนนสูงสุดคือการป้องกันผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ ได้มากถึง 87% และป้องกันผู้โดยสารที่เป็นเด็ก 85%

ระบบช่วยป้องกันความปลอดภัย หรือ SAFETY ASSIST ได้คะแนน 84% เป็นต้น

เรียกว่ากวาดรางวัลทั้งการดีไซน์ และความปลอดภัยมาครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ

 

เพ่งพิศรูปร่างหน้าตาภายนอกดูบึกบึน ใหญ่โต แต่ไม่ได้ยาวจนอึดอัด ส่วนความสูงพอประมาณ ต้องเหนี่ยวมือจับแล้วก้าวขึ้นบันไดข้างขึ้นไป

กระจังหน้าแบบ World Cross Flow ไฟหน้า Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature พร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED

ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Winglet Signature เพิ่มมิติเด่นด้วยโคมไฟ 3-Line LED

เส้นข้างตัวถัง และเส้นโครเมียมขอบกระจก ล้ออัลลอยไดนามิกดีไซน์ ขนาด 20 นิ้ว(รุ่นรองลงไปเป็นขนาด 17-18 นิ้ว)

ประตูท้ายปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ สามารถสั่งการผ่านกุญแจรีโมตได้ด้วย

ห้องโดยสารไม่ต่างจากเอสยูวีหรูๆ เลย ออกแบบด้วยแนวคิด Fine, Rich & Impressive Craftsmanship

โดยเฉพาะการใช้สีเบาะ “Saddle Brown” น้ำตาล ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ ซึ่งสีนี้ยังแทรกอยู่ตามคอนโซลหน้าตัดสลับกับพื้นผิวโครเมียม

พวงมาลัยแบบสปอร์ตพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มี Sequential Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์สะดวกเพียงปลายนิ้ว

คอนโซลหน้าเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง จัดวางเรียบหรูพร้อมเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยหยุดรถอยู่กัยที่โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้

เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยี COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบตามการใช้งาน

ระบบ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay พร้อมลำโพง 8 จุด รอบคัน

Dual Zone Air Conditioning ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกซ้าย-ขวา

รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger ช่องต่อ AC Power Socket 220V และช่องต่อ DC 12V

 

รุ่นนี้มีปุ่มสตาร์ต-สต็อป มาให้ด้วย เสียงเครื่องยนต์คำรามแว่วเข้ามาในห้องโดยสารพอประมาณ แต่รับได้ครับเมื่อคิดว่านี่คือเครื่องยนต์ดีเซล แม้ตอนแรกผมที่ชินกับการขับรถเก๋งมากกว่า จะมีอาการนิดๆ แต่พอขับไปสักพักเริ่มชิน

เบาะนั่งโอบกระชับดีมากๆ บวกกับพวงมาลัยทรงสวยและการตกแต่งภายในที่ดูหรูหรา ไม่บอกไม่รู้ว่าเป็นพีพีวี

เรือนไมล์ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน เช่นเดียวกับจอกลางขนาดบิ๊กไซซ์เห็นเต็มตา ปุ่มปรับต่างๆ เป็นสีเงินวางเรียงอยู่ด้านล่าง

หัวเกียร์นี่ชอบมากเพราะไม่มีฟิลลิ่งของรถพีพีวีเลย ปุ่มปรับต่างๆ รวมถึงปุ่มหมุนเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าวางอยู่ใกล้มือ

ช่วงล่างนุ่มนวลมากๆ เป็นแบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ พร้อมเหล็กกันโคลง

ด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone ด้านหลังแบบ 5-Link Suspension

พวงมาลัยเบามือมากแม้เป็นผู้หญิงก็ขับได้ง่ายๆ ไม่ต้องสาวจนกล้ามขึ้น

ความคมถือว่าปานกลาง ผมไม่ติดใจเพราะนี่คือรถครอบครัว คงไม่มีใครซื้อรถรุ่นนี้ไปซิ่งสนั่นเมือง

เสียงลมเข้ามาไม่มากนัก จะมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่รู้สึกในตอนแรกเท่านั้น

แต่ด้วยความสบายมือของพวงมาลัย ช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้ผมชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคนชอบรถนุ่มๆ อยู่แล้ว

 

การเข้าโค้งหากหนักๆ มีอาการโยนบ้างเล็กๆ

อัตราเร่งช่วงต้นทำได้ดี กดเป็นพุ่ง และพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ระดับ 130-140 ก.ม. มาในเวลาไม่นานนัก

ผมทำความเร็วไว้สูงสูดเยอะพอประมาณ แต่ช่วงท้ายๆ เริ่มบี้ไม่ค่อยขึ้นเพราะทางหมดเสียก่อน

การเรียกอัตราเร่งช่วงกลางมีอาการรอนิดๆ หากใครไม่เร้าใจปรับเป็นเกียร์แบบแมนน่วลก็ไม่ได้ว่า

ออปชั่นไฮเทคต่างๆ เป็นอีกจุดเด่นของ “มิว-เอ็กซ์” ไม่ว่าจะเป็น

ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า AEB ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ

BSM ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งอยู่ในบริเวณจุดอับสายตาทั้งสองด้าน

RTCA ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ เมื่อมีรถกำลังวิ่งผ่านบริเวณด้านหลังขณะถอยรถยนต์

LDW ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน เมื่อรถกำลังวิ่งออกจากเลนขณะที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว

SRS Airbags แอร์แบ็ก 6 ตำแหน่ง

และที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นล่าสุดคือ “Turn Assist with AEB” ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา

ระบบนี้บอกเลยว่าสำคัญและจำเป็นมากๆ เพราะคนขับรถที่ผมเคยประสบพบเจอ เวลาขับเข้าซอยหรือถนน 2 เลนแคบๆ รถที่เลี้ยวขวามักชอบเลี้ยวแบบตัดเลนล้ำเข้าไปในเลนของรถอีกทางหนึ่ง

ลองสังเกตดูครับเวลาขับรถเข้าซอยหากเจอรถเลี้ยวขวา แทบจะเกิน 70-80% จะเลี้ยวตัดเลน เอาง่ายเข้าว่า แทนที่จะตีวงเพื่อเลี้ยวขวาเข้าเลนของตัวเองทางช่องซ้ายของถนนอีกเส้น

ระบบนี้จึงช่วยได้เยอะหากผู้ขับขี่เผอเรอเลี้ยวตัดเลน แล้วเกิดไปจ๊ะเอ๋กับรถที่แล่นออกมาตามเลนของเขาพอดี

 

“มิว-เอ็กซ์” ยังมีระบบ ACC ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go ตั้งง่ายๆ ที่ด้านขวาของพวงมาลัย ปรับระยะห่างจากรถคันหน้า และตั้งความเร็วที่ต้องการ กล้องที่ติดอยู่กระจกบานหน้า จะตรวจจับรถคันหน้าแล้วเพิ่ม-ลดความเร็วตามอัตโนมัติ

สะดวกและสบายอย่างมากเวลาขับทางไกล หรือขับขี่ในเมืองที่จราจรติดขัด แต่ต้องระวังนิดหนึ่ง หากมีรถมาแทรกเลน กล้องอาจตรวจจับไม่ทัน ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังสักหน่อย

ความโอ่โถงของรถรุ่นนี้บอกว่าสบายมากๆ ใหญ่โตโอฬาร แถว 2 นั่งสบายไม่ต่างจากเก๋งหรู ส่วนแถว 3 หากไม่มีคนนั่งพับเก็บเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้

“อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” เป็นรถที่เหมาะกับครอบครัว หรือหากใครขับลำพังและชอบรถนิ่มๆ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

รุ่นท็อปเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,599,000 บาท

ส่วนรุ่นอื่นๆ เริ่มต้น 1,199,000-1,499,000 บาท