ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ
ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
ERRATA
สำรวจสะเก็ดประวัติศาสตร์การเมืองหลากสัญชาติ
ผ่านบทสนทนาระหว่างผลงานศิลปะสี่พิพิธภัณฑ์ (จบ)
ผลงานสำคัญอีกชิ้นในนิทรรศการ ERRATA คือ And Then There Were None (Tomorrow we will become Thailand.) (2016) ของ อริญชย์ รุ่งแจ้ง ที่พูดถึงประวัติศาสตร์ที่เป็นผลพวงของสงครามเย็น ด้วยการนำเสนอเรื่องราวของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจต่อเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของนักศึกษาสถาบันโปลีเทคนิค ในเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ในปี 1973 ด้วยการใช้ภาพวาดที่มีต้นแบบจากหนังสือพิมพ์เป็นสื่อในการนำเสนอ
หรือผลงานของ ทัศนัย เศรษฐเสรี ที่ใช้กระดาษสีสันฉูดฉาดหลากสี ปะติดปิดทับภาพข่าวเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนจากภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ เพื่อตีแผ่ความพยายามของรัฐในการปิดบังซ่อนเร้นความจริงในประวัติศาสตร์ด้วยมหรสพและความบันเทิงอันตื่นตาตื่นใจ
ผลงานที่ใช้สื่อหนังสือพิมพ์อีกชิ้นที่น่าสนใจมากคืองานของ อ.ประมวญ บุรุษพัฒน์ ศิลปินไทยที่ทำงานในแนว Photo Conceptual คนแรกๆ แต่คนไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่
ผลงานชิ้นนี้เป็นภาพถ่ายถุงห่อถั่วฝักยาวที่ อ.ประมวญไปเจอในตลาด
ที่แซบก็คือถุงห่อถั่วฝักยาวนี้พับขึ้นจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ที่ อ.อภินันท์ โปษยานนท์ เขียนถึงนิทรรศการของโจเซฟ บอยส์ ที่มาแสดงในเมืองไทยโดยสถาบันเกอเธ่
ผลงานสะสมของพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่าสื่อสิ่งพิมพ์เคยมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์มากแค่ไหน
เมื่อพูดถึงสงครามเย็น ซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งของการปฏิวัติทางความคิดต่างๆ เราก็เลยต้องเอาศิลปินผู้เป็นเจ้าพ่อแห่งการปฏิวัติอย่างโจเซฟ บอยส์ มาแสดง โดยมีทั้งวิดีโอบันทึกผลงาน I Like America and America Likes Me (1974) (ศิลปะแสดงสดที่บอยส์เข้าไปอาศัยอยู่ในห้องปิดล็อกร่วมกับหมาป่าไคโยตี้วันละแปดชั่วโมง) หรือภาพถ่ายผลงาน Save the woods (1972) (ที่บอยส์และลูกศิษย์จำนวน 50 คน เข้าไปทำกิจกรรมประติมากรรมสังคมด้วยการกวาดใบไม้ในป่ากราเฟนแบร์เกอร์ (Grafenberger) ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี เพื่อประท้วงเทศบาลเมืองที่วางแผนจะโค่นป่าพื้นเมืองแห่งนี้ทิ้งเพื่อสร้างสนามเทนนิส) ที่สำคัญช่วงเวลาของนิทรรศการครั้งนี้ยังตรงกับวาระครบรอบ 100 ปี ของโจเซฟ บอยส์ อีกด้วย
อิทธิพลทางความคิดของบอยส์ยังส่งต่อถึงศิลปินไทยรุ่นหลังหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นที่เรานำผลงานมาแสดงในนิทรรศการนี้อย่าง วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร ที่ทำงานล้อเลียนผลงานศิลปะแสดงสดกับหมาป่าไคโยตี้ของบอยส์ด้วยผลงานวิดีโอแสดงสดชื่อ Beuys and a Coyote: The Silent Relationship (2019) ที่เธอแสดงกับนกแก้ว สัตว์เลี้ยงของเธอ
หรือผลงานของ กมล เผ่าสวัสดิ์ ที่เป็นหมุดหมายสำคัญของศิลปะแสดงสดและงานศิลปะแบบคอนเซ็ปชวลอาร์ตในประเทศไทย ที่เป็นงานสะสมของพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยม (อีกเหมือนกัน)
และผลงานของ แดนสรวง สังวรเวชภัณฑ์ ที่ทำงานในประเด็นเกี่ยวกับระบบนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมในผลงานชุด The Last Homosepien ที่ทำในยุค 2000 ซึ่งมีความเป็นดิสโทเปีย (Dystopia) ที่มาก่อนกาลมาก ถึงกลับมาดูงานของเขาในยุคนี้ก็ยังมีความล้ำสมัยอยู่
นอกจากนี้ ยังมีส่วนของผลงานศิลปะแสดงสดของศิลปินหญิง เพราะเรามองว่าในยุคสงครามเย็น ประวัติศาสตร์ศิลปะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของศิลปินเพศชายผิวขาว เราเลยเรียกส่วนนี้ว่า Reclaiming Brown Woman’s Body เริ่มต้นด้วยผลงานของ อามันดา เฮง เจ้าแม่ศิลปะแสดงสดของสิงคโปร์ ที่เป็นวิดีโอบันทึกการทำงานศิลปะแสดงสดการทำความสะอาดในประเทศไทย ซึ่งล้อไปกับผลงาน Save the woods ของโจเซฟ บอยส์ และยังเสียดเย้ยถึงความรักความสะอาดสุดขีดของคนสิงคโปร์เมื่อเปรียบเทียบกันคนไทยด้วย
หรือผลงานของ อูลริเก้ โรเซนบาค ลูกศิษย์ของโจเซฟ บอยส์ ที่ตั้งคำถามถึงประเด็นที่ผู้หญิงตกเป็นวัตถุทางเพศ หรือเป้าของการจ้องมอง (Male gaze) ของเพศชาย ด้วยวิดีโอบันทึกการเต้นรำเพื่อตัวเองหรือ Dance for woman ด้วยการเต้นหมุนเป็นวงกลมและตั้งกล้องวิดีโอบันทึกไว้ด้านบน ซึ่งเป็นการคารวะปนล้อเลียนผลงานที่เล่นกับการหมุนของมาร์เซล ดูชองป์ ด้วย
หรือผลงานของศิลปินหญิงที่บ้าพลังมากๆ อย่าง เมลาติ ซูร์โยดาร์โม อย่าง Exergie – Butter Dance การแสดงสดเต้นรำบนก้อนเนยที่ลื่นมากๆ และ กวิตา วัฒนะชยังกูร ที่แปลงตัวเองให้กลายเป็นล้อปั่นด้ายไม่หยุด
ศิลปินหญิงเหล่านี้พยายามใช้ร่างกายตัวเองทำในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ขึ้นมา
ผลงานอีกชิ้นที่สนุกคืองานของศิลปินปากีสถาน ไนซ่า คาน ที่พูดถึงวัฒนธรรมของทหารในปากีสถานที่เข้มข้นมากๆ เขาพูดถึงความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับเสื้อเกราะของทหาร
หรือผลงาน The Class (2005) วิดีโอบันทึกการแสดงสดสอนหนังสือให้ศพ ของ อารยา ราษฎร์จําเริญสุข ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี เป็นผลงานที่เรายืมมาจาก Dc Collection
หรือผลงานวิดีโอบันทึกการแสดงสดของ คไว สัมนาง ศิลปินเขมร ที่ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเองตอนที่ถูกฝรั่งเศสปกครอง ซึ่งฝรั่งเศสใช้เขมรเป็นแหล่งปลูกยางพาราจนกลายเป็นหนึ่งในห้าประเทศที่ส่งออกยางพาราเยอะที่สุดในโลก ด้วยวิดีโอจัดวางบันทึกภาพศิลปินเดินดุ่มเหมือนเป็นผีเร่ร่อนพลางเอาน้ำยางพาราราดหัวตัวเอง ประกอบประติมากรรมที่ชาวบ้านในพื้นที่ปลูกยางพาราในจังหวัดรัตนคีรีแกะสลักจากไม้ยางพาราที่นั่น
หรือผลงานของ ส้ม ศุภปริญญา ที่ตามรอยการล่าอาณาคมของฝรั่งเศสในอดีตนำมาจับคู่เปรียบกับการที่ประเทศจีนที่เข้ามาขยายพื้นที่สัมปทานเขื่อนและระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเหมือนลัทธิอาณานิคม (Neocolonialism) หรือสงครามเย็นใหม่ (New Cold War)
หรือผลงานของ เอฟ. เอ็กซ์. ฮาร์โซโน หนึ่งในกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะยุคใหม่ของอินโดนีเซีย แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนจีนที่เป็นคาธอลิค ซึ่งอินโดนีเซียในยุคซูการ์โนจะรังเกียจและต่อต้านคนจีนอย่างมาก ในยุคนั้นมีการปิดโรงเรียนจีน หรือแม้แต่ฆ่าคนจีนเพราะกลัวคอมมิวนิสต์ เขาทำงานชุดนี้ขึ้นมาด้วยการคัดลายมือเป็นชื่อจีนของตัวเอง ส่งมาทำเป็นงานวิดีโอจัดวางขึ้นมาเพื่อระลึกถึงโศกนาฏกรรมที่กระทำโดยรัฐที่ค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป
หรือผลงานของ อำพรรณี สะเตาะ ที่เป็นภาพถ่ายย้อนกลับไปดูโศกนาฏกรรมในประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านดุซงญอ จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกกระทำโดยภาครัฐในข้อหากบฏ
นอกจากผลงานศิลปะ ในนิทรรศการนี้ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ในรูปของข้อมูลอย่างต้นฉบับบทวิจารณ์ศิลปะของนักวิจารณ์ศิลปะร่วมสมัยคนสำคัญของเมืองไทยอย่าง ถนอม ชาภักดี ที่เขียนด้วยลายมือล้วนๆ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมเก็บสะสมเอาไว้
ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ในนิทรรศการนี้คือผลงานของศิลปินแสดงสดชาวอเมริกันตัวพ่ออย่าง บรูซ นาวมัน ที่ไม่ต้องมาแสดงสดด้วยตัวเอง แต่เขียนเป็นชุดคำสั่งให้ผู้ชมทำการแสดงด้วยตัวเอง
กระดาษชุดคำสั่ง (ที่ผู้ชมสามารถหยิบเอากลับไปทำศิลปะแสดงสดตามคำสั่งที่บ้านได้) ที่ว่านี้ ทาง Flick Collection ที่เรายืมผลงานมาเขาเคร่งครัดมากว่าเราต้องส่งตัวอย่างของชนิดกระดาษที่ใช้ตีพิมพ์ที่ถูกต้องก่อนที่จะติดตั้งผลงาน
และต้องจัดวางงานให้ได้ตามแบบที่เขาสั่งเป๊ะๆ เลย
ในช่วงสุดท้ายของการจัดแสดงนิทรรศการ ERRATA ยังมีการจัดกิจกรรม “Mit-Meeting / มิตรฯ ติ้ง” เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 25 ปี กิจกรรม “สัปดาห์ร่วมทุกข์” โดยมิตร ใจอินทร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะ เชียงใหม่จัดวางสังคม
โดยมีศิลปิน วิทยากร นักวิชาการ เชฟ หมุนเวียนมาจัดกิจกรรมทั้งการเสวนา การฉายหนัง ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06:00 น. ของวันที่ 24 ธันวาคม ถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2564 อีกด้วย
นิทรรศการ ERRATA : COLLECTING ENTANGLEMENTS AND EMBODIED HISTORIES จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2022 นี้
เปิดให้เข้าชมวันศุกร์-จันทร์ เวลา 10.00-18.00 น. (ค่าเข้าชม บุคคลทั่วไป 150 บาท, เด็กและผู้สูงอายุ 100 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.maiiam.com