เรื่องสั้น : เหมือนอย่างไม่เคยรู้จักกัน

มิถุนายน 2557

ฟางข้าวจบประโยคสุดท้ายของเพลง Rolling in the Deep ลงพร้อมกับยกมือขวาชี้มายังกล้องแสงไฟบนเวทีกะพริบวิบวับเป็นจังหวะสลับซับซ้อน เสียงคนดูในห้องส่งปรบมือและร้องกรี๊ดกร๊าดดังสนั่นตามแบบฉบับแฟนคลับที่พบเห็นได้ทั่วไปตามคอนเสิร์ต กล้องโคลสใบหน้าของฟางข้าวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย ขณะดวงตาพราวประกายล้อแสงไฟ พิธีกรชายหญิงเริ่มก้าวออกมาหาเธอจากสองฟากเวที

“ไม่เห็นจะได้เรื่องเล้ย”

เคนพูดกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพลางกดรีโมตปิดทีวี ทั้งที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เขายังเชียร์ฟางเป็นบ้าเป็นหลัง แถมยังล็อบบี้เพื่อนๆ ญาติๆ ให้กดโหวตเธอชนิดทุ่มสุดตัว ตอนนั้นถ้าใครติว่าฟางร้องไม่ดี เสียงไม่เพราะเมื่อไรเป็นต้องเจอเคนสวนกลับเป็นชุด

เราผิดเองที่ไม่เชื่อแบ๊งค์ เคนคิด แบ๊งค์เป็นเพื่อนสนิทของเคน เขาบอกตั้งแต่วันแรกๆ ที่รู้ว่าเคนคบกับฟางว่ามันเป็นเรื่องยากมาก เพราะฟางทั้งสวยทั้งรวย เป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวที่ดีพร้อม ทั้งพ่อทั้งแม่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ขณะที่เคนแม้จะไม่ถึงกับยากจนแต่ก็เป็นคนต่างจังหวัด มีพื้นเพเป็นชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง

นอกจากนั้น บุคลิกทั้งสองยังขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ฟางทั้งอ่อนหวานน่ารัก ขณะเคนหยาบกระด้างและเย็นชา พูดจาติดจะกระโชกโฮกฮาก พวกผู้หญิงในห้องไม่มีใครชอบเคนสักคน แบ๊งค์บอกว่าไม่ว่าจะในแง่ไหนมุมไหน ทั้งสองคนไม่ควรจะคบกันได้เลย

นั่นสิ เคนเองก็แปลกใจ เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฟางเลือกเขา ทั้งที่เธอเป็นถึงดาวโรงเรียน เป็นถึงนักร้องในวงดนตรีที่ประกวดชนะรางวัลใหญ่ มีคนรุมจีบเธอมากมาย จะว่าไปแล้ว ก่อนคบกัน เคนเองก็ไม่เคยพูดกับฟางเลยนับตั้งแต่ ม.4 ที่ทั้งสองคนเริ่มอยู่ห้องเดียวกัน แต่นั่นไม่ใช่เป็นเพราะว่าเคนไม่ชอบเธอหรอกนะ ตรงกันข้าม เขาหลงรักเธอมาตลอด

เคนเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมาถือไว้ในมือ บางเวลาเขาก็อยากหายสาบสูญไปเฉยๆ จากโลกใบนี้ ฉันอยากหายไปจากโลก เขาคิดประโยคเดิมซ้ำๆ หลับตา ลืมตา ปิดตู้เย็น ทรุดกายลงนั่งบนพื้นห้อง วันนี้เปิดเทอมวันแรก ชีวิตมหาลัยปีหนึ่งของเขาช่างเริ่มต้นได้งดงามจริงๆ

“ให้เจ้าจงไปได้ดี ให้เจ้าจงไปได้ดี”

เสียงเพลง เปิดเทอมรอรัก ของ สายัณห์ สัญญา กังวานอยู่ในใจเคน พ่อของเขาชอบเพลงนี้มากและมักเปิดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่บ้านต่างจังหวัดจนเคนจำได้ขึ้นใจตั้งแต่เด็ก เคนคิดว่ามันช่างเหมาะกับเขาเหลือเกินในช่วงเวลานี้

ธันวาคม 2556

“นี่ นายได้ข่าว เนลสัน แมนเดลา หรือเปล่า?”

ฟางถามขณะย่อตัวมุดช่องว่างของรั้วลวดหนามตามเคนเข้าไปในเขตสถานอนุบาลเด็กเล็กที่ถูกทิ้งร้าง

“อือ เห็นแล้วล่ะ หลายวันแล้วนี่ คนแชร์กันเต็มหน้าฟีดเลย”

“ที่เนี่ยเหรอ? อืมม์ๆๆ ดูดีนี่ เหมาะกับนายดีนะ” ฟางพูด ยืดตัวขึ้นยืนและมองบริเวณรอบๆ อาคารร้าง

“หมายความว่าไงวะ?”

เคนถามยิ้มๆ ขณะนั้นทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หน้าตึกชั้นเดียวเตี้ยๆ ทอดตัวเป็นแนวยาวระหว่างลิ้นจี่หลายต้น ตึกนั้นทรุดโทรมและเต็มไปด้วยใบไม้ใบหญ้าที่งอกระกะลุกลามเข้าไปในส่วนอาคาร ซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับความเงียบสงัดและอากาศที่ร่มรื่นชื้นเย็น ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทั้งลึกลับและโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก

“แกแก่มากแล้วใช่มั้ย?” ฟางถาม

“ใคร? แมนเดลาน่ะเหรอ? คงใช่มั้ง”

“เงียบดีนะ”

ฟางพูดขณะทั้งคู่เดินสำรวจไปรอบๆ ตัวอาคารร่มครึ้ม ที่ด้านหลังตึก ฟางพบชิงช้าสีแสดเก่าคร่ำที่เนื้อสีหลุดลอกออกเกือบหมดแล้ว แต่ยังแข็งแรงและใช้งานได้ดี

“ตรงเนี้ยเหรอ?” ฟางหันกลับไปถามเคน

“อืมม์ ตรงนี้แหละ” เคนตอบเบาๆ พลางเสมองไปทางอื่น

“มันดูเป็นนายมากๆ เลยนะ ที่แบบนี้เนี่ย” ฟางพูดด้วยสีหน้าที่แกล้งทำเป็นเคร่งขรึมจริงจังขมวดมุ่นคิ้วเรียวงามพลางนั่งลงบนชิงช้า เริ่มใช้เท้ายันที่นั่งไกวไปด้านหลังเล็กน้อย

“นายว่าที่นี่มีผีมั้ย? กลางคืน” ฟางถาม

“ไม่รู้สิ มีมั้ง แต่ทำไมต้องเฉพาะกลางคืนล่ะ กลางวันผีมีไม่ได้เหรอ?”

“บ้า ผีที่ไหนออกมาตอนกลางวัน?”

“เยอะแยะ”

“พูดจาเพ้อเจ้อ”

ทั้งคู่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เคนเดินไปที่ชิงช้าและนั่งลงข้างฟาง มีเสียงนกร้องดังมาจากกิ่งก้านต้นลิ้นจี่ ลมอ่อนๆ พัดโบกโบยต้องร่างคู่รัก แสงแดดโรยสีจางผ่านตาข่ายกิ่งไม้ใบไม้เป็นจุดแต้มตรงโน้นตรงนี้

“นายว่าที่นี่เคยมีพวกคดีฆาตกรรมอะไรแบบนั้นหรือเปล่า? แบบในหนังน่ะ” ฟางพูด

“แบบในหนังเนี่ยนะ?” เคนเกือบหัวเราะ

“เมี้ยวๆ” เสียงฟางร้อง

ชั่ววาบความคิด เคนคิดว่าฟางกำลังจะกลายร่างเป็นแมว แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นแมวดำตัวหนึ่งเดินออกมาจากมุมอาคารร้าง มันร้องรับเสียงเมี้ยวของฟางและกระโดดอย่างรวดเร็วขึ้นบนตักของเธอ

“เฮ้ย! ตีสนิทกันเร็วไปหรือเปล่านี่เราเนี่ย” ฟางหัวเราะ พูดกับแมว

“นี่ไงผีแมว” เคนบอก

สิงหาคม 2558

เคนออกจากโรงหนังราวบ่ายโมงกว่าๆ ในห้างสรรพสินค้ามีผู้คนบางตา อาจเพราะเหตุระเบิดเมื่อเร็วๆ นี้ก็เป็นได้ เคนเดินผ่านหน้าร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่าหลายร้าน ลงบันไดเลื่อน และเห็นภาพของฟางปรากฏขึ้นบนจอทีวีขนาดยักษ์ที่แขวนลอยอยู่ระหว่างชั้น

เคนเคยเห็นเอ็มวีเพลงนี้มาก่อนแล้วและคิดว่ามันทำออกมาได้แย่มาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ณ ขณะนี้ ขณะที่มันปรากฏขึ้นบนจอขนาดใหญ่ยักษ์ เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ฟางในจอภาพช่างมีเสน่ห์ ผมยาวเป็นลอนของฟางทำให้เคนรู้สึกเหมือนกับว่านั่นไม่ใช่ฟางที่เขาเคยรู้จักเลยแม้แต่น้อยนั่นไม่ใช่ฟางคนเดิม ไม่ใช่นักร้องเสียงดีที่เขาเคยรู้จัก กระทั่งว่าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเขาด้วยซ้ำ มีบางอย่างเปล่งประกายออกมาจากร่างของเธอ

เขาเลิกกับฟางได้ปีกว่าแล้ว เคนคิดถึงครั้งสุดท้ายที่คุยกัน นั่นเป็นช่วงก่อนเขาเข้าเรียนมหา”ลัยไม่นานนัก เขาถามฟางว่าเธอจะจัดการกับเรื่องเรียนอย่างไร ฟางตอบว่าเธอจะใช้วิธีสอบเทียบในภายหลัง และอาจจะเข้าเรียนมหา”ลัยในปีหน้า หรือปีถัดไป ไม่รู้สิ เธอไม่แน่ใจหรอก ตอนนี้เธอยังไม่อยากคิดถึงอะไรทั้งสิ้น เธออยากโฟกัสกับงานตรงหน้าและทำมันให้ดีที่สุด

เคนแสดงความยินดีกับเธอจากใจจริง เขารู้ว่านี่เป็นความฝันของฟางมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ที่จริงมันเป็นความฝันของคนจำนวนมหาศาลทีเดียว แต่มีน้อยกว่าน้อยคนจะก้าวไปถึงจุดที่ฟางอยู่ ณ ขณะนี้ได้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ควรแสดงความยินดีกับเธอล่ะ? ฟางกำลังอยู่บนเส้นทางสู่ความฝันของเธอ เคนชมว่าในรายการอาทิตย์ที่แล้วเธอร้องได้ดีมาก และรับประกันได้เลยว่าเธอจะต้องชนะแน่ๆ

“นายไม่โกรธเราแน่นะ?” ดูเหมือนฟางจะถามอย่างนั้น

“ไม่เลย เราเข้าใจทุกอย่างนะฟาง เราเข้าใจ” เคนพูดด้วยน้ำเสียงสงบเย็นและนุ่มนวลเป็นพิเศษราวกับว่าตนเองกำลังเป็นฝ่ายเกลี้ยกล่อมฟางให้เดินจากไปกระนั้น

“เราขอโทษ”

ระหว่างที่อยู่บนรถไฟฟ้า เคนเปิดเฟซบุ๊กดูโน่นนี่ไปเรื่อยตามความเคยชิน เห็นอารมณ์ความรู้สึกหลายประเภทแล่นผ่านสายตาจากบนลงล่าง ทั้งสุข สนุก เหงา เศร้า โกรธ ความเกรี้ยวกราดของหลายคนในห้วงเวลานี้ไม่พ้นไปจากเรื่องการเมือง

เคนคลิกไปที่หน้าเพจของฟางข้าว และพบว่าเธอเพิ่งลงรูปใหม่เมื่อตอนเช้ามืด ฟางนอนและตื่นกี่โมงกันนะ คนเป็นดาราเขาคงมีชีวิตอีกแบบที่ไม่เหมือนเราแน่ๆ ที่จริงจากการตามดูเฟซบุ๊กของฟางเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เคนแปลกใจและตระหนักชัดว่าความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนช่างมากมายมหาศาล บนหน้าไทม์ไลน์ของฟางเต็มไปด้วยภาพสวยๆ จากสถานที่หรูหรา บางครั้งมีภาพที่ฟางถ่ายคู่กับดาราคนดัง ชายบ้าง หญิงบ้าง ภาพฟางสวมคอสเพลย์ มีภาพจากกองถ่าย ภาพจากต่างประเทศ เคนเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าฟางเลี้ยงหมาด้วย ไม่รู้พันธุ์อะไร ตัวเล็กๆ ขนปุกปุยน่ารัก

ในท่ามกลางความเป็นไป ขณะหน้าฟีดของเคนเต็มไปด้วยเรื่องราวของมิตรสหายที่ถูกทางการจับกุมหรือข่มขู่คุกคาม แต่ในหน้าไทม์ไลน์ของฟางกลับเต็มไปด้วยภาพคอนเสิร์ตที่ฟางไปร่วมร้องเพลงด้วย อันเป็นคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยกองทัพ ว่าด้วยความสุข ความสามัคคี ความสงบเรียบร้อย ฯลฯ

ขณะบนหน้าไทม์ไลน์ของเคนมีบทความวิชาการ ในไทม์ไลน์ของฟางกลับมีแต่ภาพเธออวดสีเล็บ อวดลิปสติก อวดต่างหู ล่าสุด สัปดาห์ที่แล้ว ฟางเพิ่งลงรูปตัวเองในชุดบิกินี ซึ่งถึงแม้จะอยู่ในสระน้ำและไม่เห็นสัดส่วนทรวดทรงนัก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เคนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าฟางจะทำ นั่นเป็นอีกแง่มุมของฟางที่เคนไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นมาก่อน

เหมือนอย่างเราไม่เคยรู้จักกัน เคนคิด

มกราคม 2559

ชีวิตปีสองในมหา”ลัยไม่มีอะไรแตกต่างออกไป มีก็แต่เรื่องความตายของแบ๊งค์ ไม่มีใครรู้ว่าแบ๊งค์เคยอยากจะหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้เหมือนที่เคนเคยคิดหรือเปล่า แต่แบ๊งค์ก็หายไปแล้ว หายไปแล้วตลอดกาลทั้งที่เขาคงไม่เต็มใจ ในรถคันที่ขับโดยเพื่อนรุ่นน้อง

คนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ถึงเพื่อนรุ่นน้องของแบ๊งค์จะขับรถเร็วมากจริงแต่ก็ไม่ได้ทำผิดกฎจราจรอย่างอื่น และฝ่ายที่ผิดจริงๆ ก็คือรถสปอร์ตที่ขับสวนเลนพุ่งตรงเข้ามาหาพวกแบ๊งค์ ซึ่งทำให้คนขับรถตกใจเบี่ยงออกข้างทางอย่างกะทันหันจนชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง ส่งผลให้ทุกคนในรถเสียชีวิตแทบจะในทันที ยกเว้นคนขับเพียงคนเดียวที่รอดมาอย่างเหลือเชื่อ และยังบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนรถสปอร์ตที่ไม่รู้ว่าคนขับเมาหรือหลับในนั้นแล่นจากไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มีใครทันเห็นป้ายทะเบียน เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นเวลาร่วมเที่ยงคืนแล้ว เผลอๆ จนป่านนี้ คนขับรถสปอร์ตนั่นคงยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นสาเหตุให้เด็กวัยรุ่นเสียชีวิตไปถึงสามคน

เรื่องอัปลักษณ์กว่านั้น คือการที่แบ๊งค์เป็นคนเดียวในรถที่มีใบขับขี่ ทางเจ้าของรถ (พ่อของเพื่อนรุ่นน้องที่รอดชีวิต) จึงขอร้องให้ทางครอบครัวแบ๊งค์ให้การเท็จกับทางตำรวจว่าแบ๊งค์เป็นคนขับรถคันนั้น เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหากับทางบริษัทประกันภัย ซึ่งครอบครัวของแบ๊งค์ก็ยอมทำตาม เพราะเห็นว่าไหนๆ คนก็ตายไปแล้ว

ผลสุดท้าย ในบันทึกข้อความของเจ้าหน้าที่ ผู้ขับขี่ยานพาหนะซึ่งนำไปสู่มรณกรรมของสามชีวิตจึงเป็นแบ๊งค์ ผู้ที่ตายไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย

วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันเช้า และเรื่องของแบ๊งค์ก็วนเวียนอยู่ในหัวของเคนจนแทบไม่รับรู้สิ่งที่อาจารย์สอนในคลาส เขากลับถึงบ้านตั้งแต่ก่อนบ่ายโมงด้วยอาการเลื่อนลอย ลืมกระทั่งว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย มานึกได้ตอนที่เข้ามาในบ้านแล้ว จะเดินกลับไปปากซอยก็ร้อนแดด จึงตัดสินใจเข้าครัวหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาจากในตู้ ตั้งน้ำร้อน รินใส่ชามบะหมี่ ปิดชาม นั่งรอเวลาให้ครบสามนาที

ตอนนั้นเองที่เคนเหลือบไปเห็นนิตยสารแฟชั่นวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยริมหน้าต่าง คงเป็นของน้าสะใภ้ เคนหยิบมันเปิดพลิกไปพลิกมาเพื่อฆ่าเวลาอย่างไม่ใส่ใจนัก จนกระทั่งพบว่าตรงกลางเล่ม มีบทสัมภาษณ์ฟางข้าว ภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่บนหน้าเปิดบทสัมภาษณ์เป็นภาพฟางในชุดราตรีสีดำสนิท ยืนอยู่ท่ามกลางดอกกุหลาบสีแดงที่เกลื่อนกลาดอยู่ในฉากหลัง ดวงตาของฟางเป็นประกายสีเขียวมรกต ดูงดงาม ห่างไกล และไม่มีวันอาจเอื้อมถึง

แบ๊งค์พูดถูก เขากับฟางเป็นคู่รักที่ไม่มีวันเป็นไปได้

สายตาเคนกวาดผ่านไปยังบทสัมภาษณ์บางช่วงบางตอน

[ผู้สัมภาษณ์ : มีที่เที่ยวที่ฟางข้าวชอบหรือว่าอยากไปเป็นพิเศษไหม?

ฟางข้าว : ตอนนี้ไม่เลยค่ะ อย่างที่บอกไปเมื่อครู่ว่างานฟางเยอะมากมาตั้งแต่กลางปีแล้ว ดังนั้น พอมีโอกาสหยุด ฟางก็เลยมักจะอยากอยู่บ้านสงบๆ กับคุณพ่อคุณแม่มากกว่า]

เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน! เคนเลิกคิ้ว ก็เธอเคยบอกเราไม่ใช่หรือ ว่าเกลียดบรรยากาศเคร่งครัดในบ้านแล้วพ่อกับแม่ของเธอก็น่ารำคาญจะตาย

[ผู้สัมภาษณ์ : แล้วที่มีข่าวว่าคบกับดาราหนุ่มชื่อดังนี่เรื่องจริงหรือถูกกุ?

ฟางข้าว : ไม่จริงหรอกค่ะ ตอนนี้ฟางไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย อยากเพ่งความสนใจไปที่งานอย่างเดียว]

แหมๆๆ ตอบตามฟอร์แมตเป๊ะๆ เลยนะ เคนประชดประชันในใจ

[ผู้สัมภาษณ์ : ได้ข่าวว่าทางต้นสังกัดคาดหวังกับฟางข้าวมากจนถึงกับลงทุนจ้างโค้ชมาจากเกาหลีเลยใช่ไหม?

ฟางข้าว : ใช่ค่ะ ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ สำหรับฟาง มาตรฐานของเขาเป็นคนละแบบกับของเราเลย

ผู้สัมภาษณ์ : เหนื่อยไหม?

ฟางข้าว : ก็มีบ้างค่ะ บางเวลา

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วเวลาเหนื่อยหรือท้อใจทำอย่างไร? มีวิธีคลายเครียดให้ตัวเองไหม?

ฟางข้าว : อืมม์… ก็นึกถึงชิงช้าเก่าๆ แล้วก็แมวสีดำ (หัวเราะ)]

“ฮึ! อีบ้า”

เคนหลุดปากสบถ พลางน้ำตาก็ร่วงไหลลงบนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกอย่างไม่อาจข่มกลั้น