พ่ายหมดรูป/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

พ่ายหมดรูป

 

ต้องยอมรับว่า ผลของศึกเลือกตั้งซ่อม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “เขต 9 กทม.หลักสี่-จตุจักร” แทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า

“นายสุรชาติ เทียนทอง” ลูกรัก “ป๋าเหนาะ-เสนาะ เทียนทอง” เจ้าพ่อวังน้ำเย็น พรรคเพื่อไทย แจ้งเกิดอีกครั้งสำเร็จ ได้รับเลือกตั้งคะแนนเป็นลำดับ 1 จำนวน 29,416 คะแนน

ลำดับ 2 “นายกรุณพล เทียนสุวรรณ” พรรคก้าวไกล 20,361คะแนน ลำดับ 3 “นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” พรรคกล้า 20,047 คะแนน

ขณะที่ “นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ภรรยา “นายสิระ เจนจาคะ” แชมป์เก่าจากพลังประชารัฐ ห้องเครื่องของการเลือกตั้งซ่อมคาบนี้ เข้าป้ายในลำดับที่ 4 ด้วยคะแนน 7,906 คะแนน

ในทางการเมือง ถือว่ามีผลสะเทือนเป็นอย่างสูงมากต่อ “พปชร.” เพราะเป็นพรรคต้นสังกัดบัญชีชื่อที่ชักส่ง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีหัวหน้าพรรคชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นรองนายกฯ

ถ้าคะแนนแพ้-ชนะ ออกมาสูสีก้ำกึ่ง ทิ้งกันไม่มาก ก็คงทำใจ แต่นี่ทิ้งห่างกันหลายช่วงตัวราว 2 หมื่นคะแนน ขาดท้ายทั้งที่การเลือกตั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2562 “นายสิระ” ผู้เป็นสามีลงสมัครพรรคเดียวกัน ชูบุคคลคนเดียวกัน แต่หนังคนละม้วน ได้รับเลือกมาเป็นลำดับที่ 1 ด้วยคะแนน 34,907 คะแนน เท่ากับแต้มหล่นน้ำไปถึง 27,000 คะแนน

น่าตกใจยิ่ง เพราะศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 เป็นความพ่ายแพ้เป็นคำรบที่ 3 ติดต่อกันของ “พปชร.” ต่อเนื่องมาจาก “สงขลา เขต 6-ชุมพร เขต 1” ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงเดือน

พ่ายแพ้หมดรูป ทั้งที่ตัวเองกุมความได้เปรียบไว้ในมือทุกประตู ไม่ว่า “อำนาจรัฐ” ที่หยิบมาใช้สอยอย่างสิ้นเปลืองพร่ำเพรื่อ เกินขอบเขต ปืนกลกระบอกเดียวรัวกระสุนแบบไม่อั้น สามารถ “ยึดเมือง” มาได้ง่ายดาย เมื่อครั้งทำศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2562

แต่ตอนนี้ราชสีห์กลายเป็นลูกแกะ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ขณะที่ฝั่งผู้ชนะ คือ “เพื่อไทย” นำเอาศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มากำหนดกติกาเดินเกมในอนาคต โดนอนุมานว่า 1 ที่นั่ง ไม่ว่าแพ้-ชนะ จากเขต 9 ไม่มีมรรคผลต่อทางการเมือง ระดับได้-เสียอะไรมากนัก

จึงไม่ได้ทุ่มทุนสร้าง ชนิดเอาเป็นเอาตาย ใช้ “กระสุน” น้อยนิด หวังเอาผลของคะแนนที่ออกมา นำมาเป็นปัจจัยเพื่อวัดกระแสนิยมพรรค ทำ “ตรงกันข้าม” กับคู่แข่งบางหมายเลข

มีข่าวว่าก่อนเลือกตั้ง “เพื่อไทย” สุ่มทำผลสำรวจกระแสนิยมในเขตเลือกตั้ง คะแนนแยกออก 2 กองจาก 2 พื้นฐานทางความคิด ปรากฏว่า สัดส่วนที่ 1 ได้ร้อยละ 65 ขณะที่อีกฝั่งได้ร้อยละ 35

คนที่จะชนะศึกเลือกตั้งซ่อม ได้ร้อยละ 40 ของผู้ใช้สิทธิ์ อันดับ 2 ได้ 25 ขณะที่ซีกส่วนของร้อยละ 35 พรรคที่ได้ลำดับ 3 ได้ร้อยละ 20-25 อันดับตัวเลขแปรปรวนที่ 10-15

เมื่อหยิบผลคะแนนศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 9 ที่เพิ่งจบลงหมาดๆ มาจับหาคู่ปริศนา เอา “เพื่อไทย+ก้าวไกล” และเอา “พปชร.+กล้า” ตัวเลขใกล้เคียงกับผลคาดการณ์ล่วงหน้า

 

ปรากฏการณ์ “ศึกเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9” ทำให้ฐานตัวเลขสนับสนุนรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หายไปอีก 1 ที่นั่ง ในสัดส่วนของ “พปชร.” หัสเดิม เต็มถังที่ 118 เสียง

หักลบจากการที่พรรคมีมติขับในกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ไป 21 เสียง จึงเหลือยอดสุทธิ 96 ที่นั่ง ขณะที่ยอดรวมของพรรคฝ่ายค้าน เดิมตัวเลขวิ่งอยู่ที่ 208-211 แต่เมื่อยกยอดจำนวน ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้จำนวน 475 คน เต็มตุ่มเกินครึ่งหนึ่งอยู่เกือบ 30 ที่นั่ง รัฐบาล “บิ๊กตู่” ดูประหนึ่งยังไม่มีปัญหา ยังหายใจได้คล่องคอ

แต่นั่นแหละ การประสานของวิป+แกนนำพรรคร่วม จะทำงานแบบลวกๆ เหมือนขายก๋วยเตี๋ยวย่อมไม่ได้ จำนวน ส.ส.ห่างกันไม่กี่เสียงเยี่ยงนี้ ประมาทเป็นตายได้ทุกวินาที

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ขณะนี้ พปชร.แกนนำ พรรคแตกกันเป็นริ้วปลาช่อนแม่ลา แต่ 2 เกลอจากพรรคร่วม ทั้ง “ภูมิใจไทย” และ “ประชาธิปัตย์” ลำดับที่ 2 ฐานเสียง 61 กับ 48 เสียง ต่างนั่งบนภูดูเสือกันกัด สงบเยือกเย็นเหมือนภูผา สบายใจเฉิบ

ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องคว่ำเรือ แจวกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ สนุกยิ่งกว่าชาวประมงออกทะเล จับปลา ตกหมึก ได้เต็มที่ เตะเลี้ยงไปเยี่ยงนี้ ยุบสภา หรืออยู่ครบเทอมได้เมื่อไหร่

“ภูมิใจไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” จะแปรสภาพเป็น “น้ำปลาแท้ ตราเด็กสมบูรณ์” รับประกันซ่อมฟรี อ้วนพี ไม่มีผอม

ขณะเดียวกัน “พปชร.” หลังศึกเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา-ชุมพร-กทม.เขต 9 ชั่วโมงนี้ถือว่าหุ้นตกระดับตลาดแตก ส.ส.ในสังกัดโดนของ กอดคอกันตายหมู่ไปหลายราย อาการโคม่า พะงาบๆ ใกล้เดตสะมอเร่อยู่อีกหลายคน ไหนจะมีกลุ่มที่โดนขับออก กองกำลังลดฮวบจาก 118 เหลือ 96 คน

“พี่น้อง 3 ป.” ที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน บริวารเป็นพิษ มองหน้ากันไม่ติด ดังที่เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า มิต่างอะไรกับ “แก้วที่ร้าวแล้ว” ความรักความผูกพันซ่อมยาก นำกลับมาใช้งานได้ ยังไงก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

“2 ป.” ระหว่าง “ป.ประยุทธ์” กับ “ป.ประวิตร” เจอคนรอบข้างเป่าหู เกาหลัง ตอกไข่ใส่สี เริ่มเชื่อทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็น “พี่-น้อง 2 ป.” ถึงจะเคยรักกันขนาดไหน ก็มีโอกาสแตกหัก

เป็นธรรมดาของ “ป่าใหญ่” ที่ประกอบไปด้วยพืชคาม หยูกยา และหญ้าแพรกทั้งหลาย เหมือน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่หล่อรวมมาทั้งคนดี-ไม่ดี เขี้ยวลากดิน ผสมปนเปอยู่ด้วยกัน

ตอนหลังๆ พากัน “ดีแตก” ทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน สนามการเมืองไม่ใช่สนามรบ “พล.อ.” กับ “ร.อ.” มีจำนวน 1 เสียงเสมอกัน

“พปชร.” มีแนวโน้มสูงมากที่ “2 ลุง” คือ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป้อม” จะต้องแยกกันเดินอย่างเด็ดขาด ต้นสังกัดคือ “พรรค” มีข่าวว่าจะเปลี่ยนม้ากลางศึก “พล.อ.ประวิตร” อาจจะก้าวลงจากหลังเสือ เปิดทางสะดวกให้ “พล.ต.อ.” หักมุมจากสนามผู้ว่าฯ กทม. มาสืบอำนาจต่อ

ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องรอวัดดวง ว่าจะโดน “เรือใบ” เจาะยางจอดกลางทางหรือไม่ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ก่อน

แล้วค่อยตัดสินใจ เอายังไง