Water Lilies ล่องลอยเหนือปฏิกูล/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

มีเกียรติ แซ่จิว

 

Water Lilies

ล่องลอยเหนือปฏิกูล

 

ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า การรู้จักใครคนหนึ่งก็เหมือนกับเราได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือที่มีเรื่องราวของใครคนหนึ่งอยู่ในนั้น

ซึ่งเรื่องราวใน Water Lilies ก็ไม่ต่างจากหนังสือเล่มหนึ่งที่ ‘มารี’ หญิงสาวร่างเล็กได้เปิดอ่านและเข้าไปทำความรู้จักโลกของ ‘นักระบำใต้น้ำ’ โดยมีสาวสวยหุ่นดีอย่าง ‘ฟลอริแอนนา’ กัปตันทีมเป็นที่ถูกตาต้องใจแต่แรกเห็น

ตอนแรกมารีเพียงแต่มาดู ‘แอนน์’ เพื่อนสาวร่างท้วมของเธอเข้าร่วมกับแข่งขัน แต่พอเจอฟลอริแอนนาเพียงเท่านั้น เธอก็เหมือนถูกสะกดและดึงดูดให้อยากเข้าใกล้ขึ้นมาทันที

หนังใช้ ‘ความรู้สึก’ หรืออารมณ์เป็นตัวกำหนดแรงปรารถนาบางอย่างส่งผ่านขณะที่เธอกำลังรอแอนน์หลังการแข่งขันจบลงด้วยการกำกุญแจแน่นแล้วถูไถพื้นผิวคอนกรีตอย่างเลื่อนลอย

หากนำทฤษฎีของซิกมุนด์ ฟรอยด์ เข้ามาจับ ‘กุญแจ’ ที่มีลักษณะเป็นแท่งเปรียบได้กับ ‘องคชาต’ และ ‘มารี’ ที่กำกุญแจแน่น ก็คงกำลังหลงใหลในตัวฟลอริแอนนา จึงเกิดอาการอยากที่จะ ‘ถูไถ’ ตัวหล่อนขึ้นมา (หากสังเกตร่องรอยบากของผิวคอนกรีตก็มีลักษณะคล้ายโยนี)

และเพียงไม่นานนัก เพื่อนคนสนิทก็วิ่งตาลีตาลานออกจากห้องแต่งตัวมา ‘ดับฝัน’ จินตนาการที่กำลังล่องลอยของเธอ

หนังเล่าอาการ ‘เก็บงำ’ ความรู้สึกของมารีผ่านกุญแจที่กำลังถูกไถ แต่ให้ภาพที่ ‘เปิดเผย’ ของแอนน์ผ่านร่างที่เปลือยอล่างฉ่างในห้องแต่งตัว ซึ่งตอนแรกเธอนึกว่าไม่มีใครแล้ว ทว่า ‘ฟรังซัวร์’ หนุ่มหล่อนักโปโลฯ ก็บังเอิญเปิดประตูเข้ามาเจอเธอล่อนจ้อนเข้าพอดี

และนั่นก็คงเพียงพอแล้วที่จะบอกลักษณะนิสัยของคนทั้งคู่

แอนน์มักเข้านอกออกในบ้านของมารีได้เสมอ (หรือเรียกว่า ‘ห้องของมารี’ น่าจะถูกกว่า เพราะเราจะไม่เห็นรูปทรงทางกายภาพของบ้านเลยตลอดทั้งเรื่อง) เป็นเพื่อนสนิทเพื่อนเล่นกันมา เธอรู้แต่เพียงว่ามีมารีที่ไปไหนไปกัน เล่นอะไรก็เล่นตามกัน เพราะมารีไม่เคยปฏิเสธเพื่อน

แอนน์จึงมีมารีเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่คบหาและปรึกษาปัญหาหัวใจอยู่เสมอ

แต่ตัวละครของมารีนั้น กลับเป็นขั้วตรงข้ามในการไม่พูดไม่เผยความรู้สึกเหมือนแอนน์ เธอเข้าไปทำความรู้จักกับฟลอริแอนนาลับหลังแอนน์ และยื่นเงื่อนไขทำข้อตกลงระหว่างกันว่า หากพาเธอเข้าชมรมเพื่อดูการซ้อมระบำใต้น้ำ เธอจะยอมทำทุกอย่าง

ฟลอริแอนนาจึงคบหามารีด้วย ‘ผลประโยชน์ต่างตอบแทน’ เพื่อใช้มารีเป็นข้ออ้างกับครอบครัวในการออกไปหาฟรังซัวร์แฟนหนุ่ม

Water Lilies จึงเป็นหนังที่เรียกได้ว่า ‘ดูง่าย อ่านง่าย’ ก็คงจะไม่ผิด เพราะหากพิเคราะห์ตามตัวบทที่ว่าด้วย ‘รักแรก’ ของมารีที่มีต่อนักระบำใต้น้ำอย่างฟลอริแอนนา แต่ฟลอริแอนนากลับไปชอบชายหนุ่มอย่างฟรังซัวร์ หนุ่มหล่อที่เป็นที่หมายตาของแอนน์เพื่อนร่างท้วมของมารี

แต่หากดูอย่างวิเคราะห์ตีความตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ ก็จะเห็นถึงขั้วความต่างของตัวละครทั้งสี่ที่ไม่สามารถ ‘เปลี่ยนขั้วสลับข้าง’ กันได้ ทั้งคู่ของเพื่อนสนิทอย่าง ‘มารีกับแอนน์’ และคู่รักที่กำลังคบหาดูใจอย่าง ‘ฟลอริแอนนากับฟรังซัวร์’

ซึ่งเห็นได้ตั้งแต่เรื่องของสรีระรูปร่างของมารีที่เป็นหญิงร่างเล็ก เก็บกดความรู้สึก ขาดความมั่นใจในตัวเอง

ส่วนแอนน์นั้นก็โตเกินตัว เนื้อนมโตเกินไว ร่างกายจึงอวบอัดไปด้วยก้อนไขมันที่บ่งบอกว่ามีมากเกินพอดี (ตอนที่เธอยืนอยู่กับมารีหรือเพื่อนๆ ร่วมชมรม เธอจึงดูตัวใหญ่ผิดปกติกว่าคนอื่น)

มารีจึงรู้สึกสนอกสนใจและอยากดึงดูดขั้วตรงข้ามอย่างฟลอริแอนนาที่มีรูปร่างสูงโปร่งและน่าค้นหามากกว่า ขณะเดียวกันรูปร่างของฟลอริแอนนาก็มีแรงดึงดูดให้บรรดาชายหนุ่มทุกคนอยากเข้าใกล้ไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับรูปร่างน่ามองซิคแพ็คแน่นของฟรังซัวร์ ที่แอนน์ก็อยากได้เข้ามาแนบเนื้อชิดใกล้ไม่ต่างกัน

แต่ทว่าหนุ่มหล่อสาวสวยก็คงเป็นของคู่กันมากกว่าในความเป็นจริง

 

การอยากเป็นเหมือนหรืออยากเข้าครอบครอง ‘กลืนกิน’ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งนั้น จึงเป็นกฎขั้วตรงข้ามที่เรามักพบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง และการเข้าหาทำนองนี้ก็มักจะถูก ‘ผลักออก’ เพราะขั้วที่ต่างกันอยู่เสมอ

เราจึงเห็นว่าเมื่อมารีพยายามเข้าหาฟลอริแอนนา เธอก็พร้อมจะถูกผละออกไปหาใครคนอื่นได้อยู่บ่อยครั้ง โดยในทุกครั้งหนังมักนำเสนอ ‘เส้นนำสายตา’ ที่มารีมองฟลอริแอนนาเดินห่างออกไปจนลับสายตา (ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือในครั้งถัดๆ มาที่เธอไปหาฟรังซัวร์ มารีจะมองฟลอริแอนนาจนเดินหลุดเฟรมภาพไปก่อนจะกลายเป็นความว่างเปล่า)

หรือในตอนที่ฟลอริแอนนาไปเต้นยั่วหนุ่มใหญ่คนหนึ่งในผับ มารีจะออกมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว (เธอถูกผลักออกอีกครั้ง) และในฉากต่อเนื่องที่กำลังนัวเนียกันอยู่ในรถยนต์ มารีก็ถูกกระจกรถกั้นขณะกำลังเคาะเรียกให้ฟลอริแอนนาออกมา

มารีจึงเป็นตัวละครที่อยู่ใกล้ได้เพียงไม่นานและมักจะถูกผลักให้ออกห่างอยู่เสมอ (ฉากหนึ่งที่ทั้งสองเดินไปแล้วนั่งลงพูดคุยแลกเปลี่ยนความในใจ Center ตรงกลางของฉาก ก็ยังเป็น ‘เส้นตัด’นำสายตาคนดูแบ่งแยกคนทั้งสอง)

นอกจากกุญแจที่แสดงถึงความปรารถนาเบื้องลึกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงอาการเสียใจที่ไม่สมปรารถนาคือตอนที่มารีรู้สึกผิดหวังที่เห็นฟลอริแอนนาไปกับฟรังซัวร์ เธอปีนขึ้นไปบนเสาสูงแล้วยืนร้องไห้อยู่บนนั้น ‘เสา’ รูปทรงแท่งที่ตั้งตระหง่าน

ภาพความเสียใจที่แสดงออกด้วย ‘น้ำตา’ ที่ไหลออกมา จึงไม่ต่างไปจากการคลึงเคล้นองคชาตและหลั่งล้นความต้องการภายใน เมื่อไม่สมหวัง เธอก็เล่นกับจินตนาการเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยทำกับกุญแจ

 

ความลับใต้สระน้ำ

“ลงมาในน้ำสิ จะได้เห็น”

ครั้งแรกตอนฟลอริแอนนาพามาดูการฝึกซ้อม มารีได้แต่ยืนมองการออกจังหวะท่าทางของทีมนักระบำใต้น้ำอยู่ริมสระ เธอกระโดดลงน้ำตามคำชวนและดำดิ่งลงใต้น้ำมอง ‘อีกครึ่ง’ ที่เมื่อตอนอยู่บนบกมองไม่เห็น และไม่นานนัก มารีจึงค่อยๆ เขยิบฐานะความสัมพันธ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฟลอริแอนนา (เข้านอกออกในบ้านของกันและกัน) ได้มาเห็นโลกทั้งในและนอกสระน้ำของเธอว่าช่าง ‘แตกต่าง’ กันเหลือเกิน

ในฐานะหัวหน้าชมรมฟลอริแอนนาพาทีมคว้าชัยชนะได้อย่างยอดเยี่ยม สง่างาม ด้วยความพร้อมเพรียงของทุกคน เวลาอยู่ในสระเธอซ้อมกับลูกทีมทุกคนอย่างขยันขันแข็ง ดูมีภาวะผู้นำอย่างล้นเหลือ

แต่พออยู่ในห้องแต่งตัว เธอกลับไม่พูดคุยกับใคร และเป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนบางคนด้วยซ้ำ

เพื่อนคนหนึ่งเคยถึงกับค่อนแคะตอนที่เธอ ‘กินกล้วย’ อย่างตรงไปตรงมาว่า เธอคงชอบเรื่องอย่างว่า และเธอก็ตอบชัดเจนอย่างไม่ปฏิเสธว่าเธอชอบ จนเพื่อนคนนั้นรีบลุกเดินหนีไป

หรือในฉากที่ครูฝึกคนหนึ่งอยากจะมานวดผ่อนคลายให้เธอในห้อง (ขณะมารีกำลังทาสีผมให้อยู่) เธอก็บอกให้มารีออกมาคอยข้างนอก และระหว่างที่รออยู่นั้น ก็มีเพื่อนอีกคนพูดทำนองประชดประชันว่า

“เพื่อนเธอทำสระสกปรกอีกแล้ว”

ฟลอริแอนนาในสายตาของเพื่อนบางคน จึงเหมือนเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจที่ลอยปนเปื้อนอยู่ในน้ำ และมารีก็เป็นคนหนึ่งที่ยอมนอนจมอยู่ใต้น้ำ โดยร่วมรับรู้เห็นความเป็นไปภายนอกสระอย่างอดทนข่มกลั้นอยู่หลายครั้งหลายครา (รวมถึงฉากหนึ่ง มารียอมแม้กระทั่ง ‘เปิดบริสุทธิ์’ ด้วยนิ้วมือของเธอเองให้ฟลอริแอนนาตามคำขอ เพื่อที่เธอจะได้ไปนอนกับฟรังซัวร์โดยไม่รู้สึกผิด และให้ฝ่ายชายรู้ว่าเธอผ่านโลกมาแล้ว (ฉากดังกล่าวชวนน่าพะอืดพะอมมากกว่าสนองความต้องการทางเพศ)

มารีนั่งร้องไห้มองภาพฉากดังกล่าวอยู่ริมถนน เงยหน้ามอง ‘หน้าต่าง’ ที่ปิดกั้นไม่ให้เธอเห็นว่าทั้งสองกำลังร่วมรักกันอยู่ เธอถูกผลักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า สูญเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า จนตัวเธอเริ่มรู้สึกได้ว่าเหนื่อยเหลือเกินกับการวิ่งไล่ตามสิ่งที่คนอื่นมองว่าสกปรก แต่เธอกลับมองว่าสะอาด เพียงเพราะเธอกลั้นหายใจอยู่ใต้น้ำ ไม่ยอมโผล่พ้นขึ้นจากผิวน้ำ

กระทั่งแอนน์มาบอกเล่าเรื่องราว ‘เสียตัว’ ในคืนเดียวกันว่า ฟรังซัวร์มาร่วมรักกับเธอ และกล่าวถึงฟลอริแอนนาว่าเธอไม่ยอมมีอะไรด้วย มารีจากที่นอนหดหู่มาทั้งคืนกลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เธอจะไม่ปกปิดในสิ่งที่หัวใจเธอรู้สึกมาตลอดให้ฟลอริแอนนาได้รู้

ท่ามกลางงานปาร์ตี้เมามัน ชายหนุ่มหญิงสาวเริงรื่นสุดเหวี่ยง มารีจึงเดินปราดเข้ามาหาฟลอริแอนนา (ซึ่งกำลังยืนอยู่กับ ‘ผู้ชายคนใหม่’) เพื่อขอไปคุยธุระส่วนตัวในห้องน้ำ พร้อมเปิดใจพูดเรื่องสำคัญ แต่ทว่ามารีไม่ทันเผยความในใจ ฟลอริแอนนาก็เข้ามา ‘จูบอย่างดูดดื่ม’ รอยลิปสติกเลอะปาก จากนั้นเธอก็ตีตัวออกห่าง ‘ผลักออก’ เหมือนทุกครั้ง

ถึงตอนนี้มารีคงต้องยอมรับความจริงว่า เธอไม่มีวันจับขั้วความต่างให้มาเข้าคู่กันได้

เช่นเดียวกับแอนน์ที่เพิ่งไปเข้าห้องกับฟรังซัวร์มาอีกรอบ ฝ่ายชายนึกว่าจะได้สนุกกันอีกครั้ง แต่ที่ไหนได้เธอกลับไม่ยอมเป็นของเล่นของเขาอีกเหมือนเคย เธอถ่มน้ำลายใส่ปากเขาราวกับคายสิ่งสกปรกลงถังขยะ แล้วผละตัวเองออกห่างอย่างรู้ตัวว่า ถึงแม้เธอเจ้าเนื้อ ไขมันล้น ไม่สวยเซ็กซี่เหมือนคนอื่น แต่เธอก็มีศักดิ์ศรี

ในฉากท้ายๆ เราจึงได้เห็นมารีวักน้ำในสระขึ้นมาเช็ดคราบรอยลิปสติกออกจากสิ่งสกปรก จากนั้นเธอก็กระโดดลงไปทั้งชุดไปรเวตจมดิ่งลงไปใต้น้ำ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาเกาะที่ขอบสระและเห็นเท้าคู่หนึ่งอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริง แอนน์ยิ้มให้มารีแล้วกระโดดลงน้ำตาม (ซึ่งนี่จึงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่คนทั้งสองไม่ได้สวมชุดว่ายน้ำที่ ‘รัดแน่น’ ลงสระ จึงอุปมาเปรียบได้กับความรักที่ ‘คลายออก’ อย่างแท้จริง)

บทสรุปใน Water Lilies จึงไม่ต่างจากการหยุดละวางจากทุกสิ่ง ก็ในเมื่อวิ่งแล้วเหนื่อยก็จงหยุดวิ่ง และเมื่อกลั้นหายใจอยู่ในน้ำนานเกินพอ ก็จงโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเอาอากาศหายใจ ก่อนที่จะสำลักน้ำตาย

บทเรียนแรกรักในครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดจบที่ ‘จุติ’ ขึ้นมาใหม่ เมื่อคนทั้งสองลอยเหนือน้ำขึ้นมาเคียงคู่กัน