สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/ การยุทธ์มิหน่ายเล่ห์

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

การยุทธ์มิหน่ายเล่ห์

—————-

แม้สำนวนจีน จริงๆ คือ “การศึกมิหน่ายเล่ห์”

แต่เปลี่ยนเป็น การ”ยุทธ์”มิหน่ายเล่ห์ ก็คงไม่ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่

เว้นแต่จะไปถึง ขนาด (ประ)ยุทธ์มิหน่ายเล่ห์

อันนั้นก็ดูจะเป็นการกล่าวหา “ใคร” บางคนมากไปสักหน่อย (ฮา)

แม้ว่า ในการ”สัประยุทธ์”ในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ตอนนี้ ว่าไปแล้วก็มากด้วยเล่ห์และเหลี่ยมการเมือง อย่างยิ่ง

มากชนิดที่ทำให้เราตาค้าง ในความคาดไม่ถึงมาแล้วหลายครั้ง

แถมยังลับลวงพรางบอกสังคม ว่า ยังรักกัน ไม่แตกแยกกัน ไม่สนใจว่าคนจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ

“เล่ห์”มากมายนัก เหล่าจอมยุทธ์เหล่านี้!

ดังนั้น ประชาชน ในฐานะคนดูจึงต้องจับตาเฝ้าดูให้เท่าทันว่าเขาสัปยุทธ์กันอย่างไร

อย่างการเลือกตั้งซ่อมที่สงขลา ชุมพร ใครจะคิดว่ามันถูกนำไปใช้เป็นเกมขับไล่(อย่างเต็มใจให้ขับ)ในพปชร.ได้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นนั้น

ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจาก ผลการเลือกซ่อมเขต 9 กทม.ออกมา

เราอาจได้เห็นอ๊าฟเตอร์ช็อกที่น่าประหลาดใจอีกครั้งก็ได้

ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ ยังไม่ทราบผลว่าเป็นอย่างไร

แต่ไม่ว่า แพ้หรือชนะ ล้วนแต่ส่งสะเทือนตามมาแน่นอน

ถ้าชนะ ก็น่าจับตาว่า ระหว่าง ฝ่าย “รักลุงตู่” กับ “ชอบลุงป้อม” ใครจะได้เปรียบ ใครจะเคลมเป็นผลงานของฝ่ายตนมากกว่า

หรือถ้าแพ้ ฝ่าย”รักลุงตู่”กับ”ชอบลุมป้อม”ฝ่ายใดจะถูกโยนให้รับผิดชอบว่าเป็นต้นเหตุให้เพลี้ยงพล้ำกว่ากัน

เหล่านี้ล้วนจะมีผลต่อการชิงการนำในพปชร.ในอนาคตอย่างแน่นอน

มองในแง่ พปชร. ชนะก่อน

มีความเป็นไปได้สูงที่ฝ่ายรักลุงตู่ จะสามารถเคลมได้ว่า กระแสศรัทธาลุงตู่ยังอยู่ในระดับสูง เพราะผู้สมัครเขต 9กทม.ของพปชร.ชูกระแส”รักลุงตู่”ขึ้นมาหาเสียงก่อน

จนตอนหลังถึงมาเพิ่ม คำว่า “ชอบลุงป้อม”เข้ามาให้ดูดี หรือ สมดุล เท่านั้น

ซึ่งเมื่อกระแส รักลุงตู่ยังขายได้ ก็ย่อมแสดงว่าฝ่ายที่พยายามด้อยค่าลุงตู่ลงด้วยการไม่หยิบมาขาย ซึ่งตอนนี้ถูกขับออกไปอยู่พรรคใหม่ เดินเกมผิด ก็ควรเจียมเนื้อเจียมตัวก้มหน้าก้มตาทำพรรคใหม่ไป ไม่ควรรวมกลุ่มมาต่อรอผลประโยชน์ทางการเมือง เช่นขอเก้าอี้รัฐมนตรีอีกต่อไป

และที่สำคัญไม่ควรทำตนเป็นคู่ขัดแย้งหรือฝ่ายตรงข้ามคอยป่วนในสภาอย่างที่ขู่กันไว้

ตรงกันข้ามควรเป็นเด็กดีและคอยติดสอยห้อยตามกระแส “รักลุงตู่”จะดีกว่า

แต่กระนั้น ฝ่ายชอบลุงป้อม ก็คงไม่ยอมให้ถูกเคลมเช่นนั้นแน่ๆ

คงพยายามสู้กลับด้วยการยืนยันว่า ชัยชนะที่เกิดขึ้นเป็นผลงานการลงพื้นที่ของลุมป้อม ขณะเดียวกันอิทธิฤทธิ์ “หลวงพ่อป้อม”ที่นายสิระ เจนจาคะ อัญเชิญขึ้นคล้องคอ “ขลัง”จนทำให้ มาดามหลี คู่ชีวิตเข้าไปเป็นตัวแทนในสภาต่างหาก

ด้วยภาวะเช่นนี้ ทำให้ถึงพปชร.จะชนะในการเลือกตั้งซ่อม ก็คงไม่ได้ทำให้ ฝ่ายรักลุงตู่ หรือฝ่ายชอบลุงป้อม แฮ๊ปปี้กันสักเท่าไหร่

เพราะต้องมาช่วงชิงความได้เปรียบจากชัยชนะที่เกิดขึ้นให้มากที่สุด

ด้วยมันจะมีความหมายหรือผลประโยชน์ในทางการเมืองในอนาคต

ตรงกันข้าม หากแพ้ขึ้นมา

แน่นอนต่างฝ่าย ต่างคงต้องโยนให้เป็นความรับผิดชอบของอีกฟากอย่างไม่ต้องสงสัย

การชี้นิ้วว่า ลุงตู่ขายไม่ได้

หรือการสวนกลับว่าการที่พล.อ.ประวิตร สลาย”ป้อมปราการ”ออกเป็น 2 ฝั่ง ทำให้พรรคอ่อนแอนำไปสู่ความพ่ายแพ้ คงกระหึ่ม

และนำไปสู่ การ”สัปยุทธ์”ด้วยเล่ห์ โดยมิหน่าย ต่อไปแน่นอน

—————–