พรุ่งนี้อาจเป็นฉัน / เรื่องสั้น : ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

เรื่องสั้น

ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง

 

พรุ่งนี้อาจเป็นฉัน

 

กรุงเทพฯ กำลังฆ่าฉัน ฉันรู้สึกแบบนั้น เหตุการณ์ในรอบหนึ่งเดือนนี้ เพื่อนฉันทั้งสี่คน ต่างโดนเมืองนี้ทำร้ายสะบักสะบอมไม่ต่างกัน ในเมืองที่นิยามว่า ‘ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว’ แต่ทำไมตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแบบนั้น

เริ่มจากเอ เพื่อนฉันคนแรก ยืนรอรถเมล์หน้าห้างแถวสยาม โดนป้ายรถเมล์ล้มทับ บาดเจ็บบริเวณแขนจนต้องเข้าเฝือก ตอนที่เอโทร.มาบอกฉัน ว่าโดนป้ายรถเมล์ล้มทับใส่ ฉันแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ป้ายรถเมล์เนี่ยนะ จะล้มทับใส่ กลางวันแสกๆ กลางเมืองด้วยนะนั่น” ฉันอุทานออกไปแบบนั้น เอบอกว่าจากที่ได้ฟังกู้ภัยที่มาช่วยเหลือเล่าว่าเกิดจากรอยต่อโครงเหล็กของป้ายรถเมล์ที่ขึ้นสนิม ประจวบเหมาะกับวันนั้นลมแรง จึงไม่สามารถรับน้ำหนักของป้ายหยุดรถประจำทางได้ และโชคร้ายที่วันนั้นรถเก๋งของเอเข้าศูนย์เช็กระยะ จึงต้องใช้บริการรถเมล์ และก็ตรงกับวันที่ป้ายรถเมล์ล้มทับใส่พอดี

หลังจากนี้เวลารอรถเมล์ ฉันจะไม่ยืนตรงป้าย ฉันจะเลือกยืนข้างๆ ป้าย กะระยะแรงลมไม่ให้อยู่ในองศาที่จะโดนป้ายล้มทับใส่ เพราะฉันกลัวว่าสักวันอาจเป็นฉัน

 

คนต่อไปคือ บี โปรแกรมเมอร์หนุ่มที่เดินตกท่อระบายน้ำย่านอโศก ขณะเดินออกจากร้านกาแฟมุ่งหน้าไปที่ทำงาน ตอนที่ฉันรู้ข่าว ฉันนึกไปถึงบทเพลง ‘เมด อิน ไทย์แลนด์’ ของวงคาราบาว ที่ท่อนหนึ่งร้องว่า

“ยุคสมัยนี้เป็น กทม. เมืองที่คนตกท่อ”

ฉันค้นเจอในเว็บไซต์วิกิพีเดียว่าเพลงนี้ปล่อยเมื่อปี พ.ศ.2527 กาลเวลาผ่านไปจวบจนถึงปัจจุบันก็ 37 ปีแล้ว แต่กรุงเทพฯ ก็ยังมีคนตกท่ออยู่ ฉันอ่านข่าวเพิ่มเติมว่ามีการร้องเรียนผ่านสายด่วน กทม. หมายเลข 1555 ว่ามีคนตกท่อจำนวนถึง 750 ครั้ง อ้างอิงจากสถิติในปี พ.ศ.2560

นั่นแสดงว่านอกจากบีเพื่อนฉัน ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่ประสบชะตากรรมแห่งการตกท่อ ฉันกลัวว่าสักวันอาจเป็นฉัน

ตำรวจเจ้าของคดีเล่าให้ฟังถึงสาเหตุ ว่าทำไมกรุงเทพฯ ถึงมีคนตกท่อบ่อย เพราะผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับบนทางเท้า หรือจอดรถทับท่อระบายน้ำบนทางเท้า ฝาพักท่อระบายน้ำจึงเสียหาย และเมื่อเหยียบลงไปก็อาจร่วงหล่นลงไปได้ และยังพบว่ามีการขโมยฝาท่อระบายน้ำตามตรอกซอกซอยต่างๆ ส่วนฝาท่อระบายน้ำที่เพื่อนฉันตกลงไป ตอนนี้ซ่อมแซมแล้วเรียบร้อย ได้แต่หวังว่าไม่มีใครตกลงไปอีก

หากเพื่อนฉันไม่ตกลงไป ก็คงมีคนอื่นที่ร่วงหล่นลงไปแทน โชคดีที่มีแค่แผลถลอก ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ฉันยอมรับว่าประหลาดใจ ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเอ เอบอกฉันว่าบีตกท่อระบายน้ำ

ฉันว่าตอนเอโดนป้ายรถเมล์ล้มทับใส่นั้นฉันประหลาดใจแล้ว ตอนที่บีเดินตกท่อระบายน้ำฉันยิ่งประหลาดใจ ทำไมเมืองนี้ช่างมีอะไรให้ฉันประหลาดใจเสียเหลือเกิน กลัวว่าพรุ่งนี้คนอื่นอาจประหลาดใจกับเรื่องของฉันบ้าง

 

ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ซี เพื่อนฉันที่ทำงานเป็นแคชเชียร์ในห้างสรรพสินค้าย่านบางกะปิ ถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนบนทางเท้า ขณะเดินกลับบ้านหลังเลิกงาน ฉันทราบข่าวจากเอและบี ที่โทร.มาไล่เลี่ยกัน ตอนได้ฟังฉันมีแต่ความรู้สึก

“อิหยังวะ!!!”

ฉันได้แต่สงสัยว่าเมืองนี้ความปลอดภัยหายไปไหนหมด นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ที่ฉันรัก นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัวเหมือนที่บอกไว้ กรุงเทพฯ ของฉันต้องไม่ใช่แบบนี้

ตอนที่ฉันไปเยี่ยมซีที่โรงพยาบาล ขาทั้งสองข้างของเธอเข้าเฝือก เธอเล่าให้ฟังว่าเดินกลับบ้านตามปกติ ได้ยินเสียงบีบแตรไล่หลังมา แต่ไม่หลบ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เพราะทางเท้ามีไว้สำหรับเดิน ไม่ได้มีไว้ให้ขี่รถมอเตอร์ไซค์บนนั้น

เธอเดินตามปกติ ก่อนจะได้ยินเสียงสบถและด่าหยาบคาย เสียงเร่งเครื่องยนต์ แล้วเธอก็รู้สึกเจ็บที่ขาร้าวไปถึงแผ่นหลัง ก่อนร่างจะเซและล้มลง เห็นโลกเอียงก่อนความเจ็บปวดจะถาโถมเข้าใส่

น้ำพริกกะปิที่ซื้อไว้กินมื้อเย็นแตกกระจายเลอะทางเท้า ส่วนรถมอเตอร์ไซค์คันที่ชนเธอขับหนีไป เธอจำได้แค่เสื้อกั๊กเก่าสีส้มซีด ศีรษะล้านเลี่ยนไม่สวมหมวกกันน็อก คงเป็นวินมอเตอร์ไซค์เถื่อน นั่นก็เป็นปัญหาของเมืองนี้

ฉันเปิดคลิปจากยูทูบให้ซีดู ข่าวนักศึกษาใจเด็ดยืนขวางกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ขึ้นบนทางเท้า ตรงป้ายรถเมล์ย่านลำสาลี ไม่ไกลจากที่ทำงานของซีนั่นแหละ นักศึกษาหญิงคนนั้นยืนปักหลักและตะโกนไล่รถทุกคันที่ขับขึ้นบนทางเท้า ยืนขวางไว้ไม่ให้กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขี่ผ่าน ก่อนรถมอเตอร์ไซค์จะย้อนกลับไปและขี่ลงถนนตามเดิม

“ฉันก็อยากทำแบบนั้นบ้าง แต่นี่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ รถก็พุ่งชนเต็มๆ”

น้ำเสียงเจือปนความเจ็บปวดของซี ทำฉันสงสารจับใจ ฉันเลื่อนดูท้ายคลิป มีข้อความแปะประกาศจาก กทม. ว่าจะมีการเพิ่มค่าปรับสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนจอดและขับขี่รถบนทางเท้า ปรับเงินเพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาท

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะใจกล้าพอแบบนิสิตสาวคนนั้นไหม หรือกล้าพอที่จะแจ้งความเมื่อเจอคนขับรถบนทางเท้า ฉันไม่อยากเจอแบบซีเพื่อนของฉัน ทุกวันนี้ทำได้แค่เดินลงไปเสี่ยงบนถนน เมื่อได้ยินเสียงบีบแตรไล่หลังตามมา

ฉันอยากให้วันนั้นมาถึง วันที่ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า นั่นแหละกรุงเทพฯ ที่ฉันปรารถนา

 

เฝือกที่ขาของซียังไม่ทันสมานเข้าด้วยกัน เมืองนี้ก็ทำร้ายเพื่อนฉันอีกคน ดี สถาปนิกที่จบด้านผังเมืองมาโดยเฉพาะ เดินสะดุดกระเบื้องซีเมนต์บนทางเท้าแถวแยกคอกวัว ขณะไปร่วมงานเสวนา ‘กรุงเทพฯ ในฝัน’ ที่จัดในหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร

ฉันต้องตกใจกับสิ่งไหนก่อน ที่รู้ข่าวจากเอ บี และซี ที่โทร.มาไล่เลี่ยกัน จนฉันต้องประชุมสายและคุยพร้อมกัน ทุกคนเล่าว่าดีกำลังจะไปร่วมงานเสวนา แต่ด้วยความรีบที่กลัวจะไปสาย จึงเดินสะดุดทางเท้าที่ไม่เรียบ ปากไปฟาดกับป้ายโฆษณาที่ตั้งบนทางเท้าอีกที ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ทางเท้ามีไว้สำหรับเดิน จะมีป้ายโฆษณาบนทางเท้าไว้เพื่ออะไร

ฉันดูภาพจากแฟนเพจกู้ภัยแห่งหนึ่ง ลงภาพดีในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเปรอะเลือดและโคลนเป็นด่างดวง แว่นตาที่กรอบแตก เนื้อตัวถลอกปอกเปิกและฟันหน้าหัก คงเพราะเดินสะดุดแล้วปากไปฟาดกับป้ายโฆษณาเหล็กอย่างจัง ฉันซูมภาพไปดูบนป้ายที่เปรอะรอยเลือดของเพื่อนฉัน ช่างตกร้ายเสียสิ้นดี เพราะนั่นคือป้ายคำขวัญของกรุงเทพมหานาคร ซึ่งเขียนไว้ว่า

“กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง

เมืองศูนย์กลางการปกครอง

วัด วัง งามเรืองรอง

เมืองหลวงของประเทศไทย”

ฉันเห็นภาพนั้นแล้วขมขื่นปนขำขัน หากเป็นเมืองที่เทพสร้างดั่งคำขวัญ ฉันก็อยากให้เทพออกแบบผังเมืองให้ดีกว่านี้ เมืองอะไรที่สถาปนิกผังเมืองโดนเมืองฟาดเข้าเต็มปาก ขณะไปร่วมงานเกี่ยวกับนโยบายของเมืองกรุงเทพฯ ในฝัน

ฉันนึกสงสัยว่าเมืองนี้มีอะไรให้เราใฝ่ฝันกันบ้างไหม? หรือหมดจิตหมดใจจะใฝ่ฝันกันนานแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครเป็นอะไรอีก แต่ก็นึกกลัว กลัวว่าพรุ่งนี้อาจเป็นฉัน

 

และวันที่ฉันกลัวก็มาถึง ฉันชื่ออีฟ และฉันไม่มีเพื่อนชื่ออี คุณผู้อ่านคงจับใจความได้ ว่าหากผู้เคราะห์ร้ายคนต่อไปจะต้องชื่ออี เรียงลำดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพียงแต่ฉันไม่มีเพื่อนชื่ออี เพื่อนสนิทฉันมีแค่สี่คน เอบีซีดี รับเคราะห์จากเมืองนี้ไปหมดแล้ว ถึงคิวของฉันเสียที

เช้าวันนั้นฉันขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของในห้างที่ซีทำงานอยู่ แม้ฉันจะระมัดระวังตัวอย่างดี สวมหมวกกันน็อกพร้อมรัดสายรัดคาง เตรียมใบขับขี่ เช็ดกระจกมองหลังที่เริ่มมัวหมอง เช็กลมยางและเต็มน้ำมันเต็มถัง

แต่ขากลับบนถนนศรีนครินทร์ขาออก ใกล้แยกลำสาลี ฉันขับช้าเพราะแถบนั้นมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม และยามเช้ารถก็พลุกผ่าน ทั้งผู้ปกครองไปส่งเด็กนักเรียนและเข้าทำงาน รวมถึงนักศึกษาที่กำลังมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัย

แล้วฉันก็ร่วงหล่น ความรู้สึกวูบเดียวนั้น ไม่เหมือนกับตกหลุมรัก อันนี้เป็นหลุมเพราะท่อระบายน้ำชำรุด ล้อหน้าของรถมอเตอร์ไซค์จมลงไปในหลุมนั้น โชคดีที่ฉันตกใจกระโดดออกจากรถทัน เข่ากระแทกกับยางมะตอยที่เพิ่งลาดยาง เศษสีดำปักลงบนเข่าสีน้ำผึ้งของฉัน เลือดไหลซิบๆ ซึมบาดแผล

ฉันหันกลับไปมอง รถมอเตอร์ไซค์ของฉันหัวปักลงหลุมและท้ายรถชี้ฟ้า เบาะรถเปิดและขนมปังปอนด์กับแยมที่ซื้อไว้กระจัดกระจายบนถนน อวสานกาแฟเช้า

ฉันได้สติเมื่อผู้คนที่ขับรถตามหลัง มาช่วยประคองฉันนั่งที่ป้ายรถเมล์ ฉันหันไปมองป้ายโฆษณาข้างหลัง คำนั้นยังคงตามมาหลอกหลอน

“กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว”

“ลงตัวที่ไหน ชีวิตดีๆ ที่ลงท่อต่างหาก” ฉันสบถในใจ หวังให้ใครสักคนได้ยิน

พลเมืองดีหลายรายช่วยกันโทร.แจ้งสายด่วน 1669 รอไม่นานรถโรงพยาบาลก็มารับ ต่อให้เมืองนี้จะมีใครเปรียบเปรยว่าแห้งแล้งหรือร้อนอบอ้าว แต่น้ำใจยังคงหาได้เสมอ ในสถานการณ์เช่นนี้

หมอบอกว่าฉันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ทำแผลและฉันก็พักฟื้นแค่หนึ่งวัน

และคราวนี้เป็นฉัน ที่โทร.บอกเพื่อนทุกคน โทร.หาเอ บี ซี และดี บอกว่าฉันขับรถมอเตอร์ไซค์ตกท่อ ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะที่ปลายสาย ฉันรู้ว่ามันฟังดูน่าตลก แต่ถ้าหากฉันตาย คงไม่ตลกแน่ เกิดมาก็ยากเย็นแล้ว แต่ฉันยังไม่อยากตายเพราะขับรถมอเตอร์ไซค์ตกท่อหรอกนะ

ขณะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ฉันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่เอโดนป้ายรถเมล์ล้มทับใส่ บีเดินตกท่อระบาบน้ำ ซีโดนรถชนขณะเดินบนทางเท้า ดีเดินสะดุดทางเท้าจนปากแตก และล่าสุดก็คือฉัน ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ตกท่อ ทุกสาเหตุล้วนเกิดจากเมืองทั้งนั้น

ถ้ากรุงเทพฯ ดี ถ้าการเมืองดี คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับฉันและเพื่อน กรุงเทพฯ ที่ฉันปรารถนา คือกรุงเทพฯ ที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่เล่ามาข้างต้นกับใครเลย ไม่เกิดกับฉัน ไม่เกิดกับเพื่อนของฉัน ไม่เกิดกับทุกคนที่อาศัยในเมืองหลวงแห่งนี้

ฉันเปิดดูลิงก์ข่าวที่บีส่งมาให้ จากเว็บข่าวออนไลน์ เป็นข่าวของฉันเอง จึงกดเข้าไปอ่าน

สาวขี่ จยย.ตกท่อระบายน้ำแยกลำสาลี กทม. หัวปัก ท้ายรถชี้ฟ้า

ฉันดูภาพรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูคู่ใจ หัวปักลงในท่อระบายน้ำ ขนมปังปอนด์กับแยมกระจัดกระจายรอบข้าง เห็นภาพนั้นแล้วหัวเราะทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าจะเห็นข่าวตัวเองในโลกออนไลน์ และยิ่งเป็นข่าวขับรถตกท่ออีก ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับใครเลย ให้เกิดขึ้นกับฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถิดนะ

ฉันรักกรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งโอกาสและความหลากหลายของชีวิต แต่ฉันก็อยากให้กรุงเทพฯ รักฉันบ้าง ได้แต่หวังและภาวนา ขอให้ทุกคนในเมืองปลอดภัย และขอให้ไม่เกิดเหตุการณ์เดียวกับที่เอ บี ซี ดี และฉัน ได้ประสบพบเจอ

เหตุการณ์เหล่านั้นขอให้เกิดกับพวกเราเป็นครั้งสุดท้ายก็พอ