เกมต่อสู้ แพ้-ชนะ อยู่หรือไป/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

เกมต่อสู้ แพ้-ชนะ อยู่หรือไป

 

พักยกแค่แป๊บเดียว หน่อยหนึ่ง “พรรคพลังประชารัฐ” เรื่องวุ่นๆ ไม่จบง่าย เกิดรายการคลื่นแทรก มีมติขับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรค และกลุ่ม ส.ส.จำนวน 21 คน ออกจากพรรค

ผีก็ร้าย ความไข้ก็ตามมา มีลูกติดพันต่อยอดมาจากการพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมสงขลา เขต 6 กับชุมพร เขต 1 แบบ “หมดรูป”

การลงมติตะเพิดเกิดขึ้นแบบโดยพลัน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค เรียกประชุมแกนนำและกรรมการบริหารพรรคหารือที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ โดยอ้างสาเหตุที่ต้องขับ เพราะคณะบุคคลเหล่านั้น “ทำผิดวินัยและจรรยาบรรณร้ายแรง ทำให้พรรคไม่มีประสิทธิภาพ”

เป็นความผิดตามข้อบังคับพรรค (5) โดยขับออกด้วยเสียงข้างมากจำนวน 63 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 78 คน เข้าเกณฑ์ 3 ใน 4 เมื่อสัมฤทธิผล “ร.อ.ธรรมนัส” และกลุ่ม 21 คนซาโยนาระแล้ว ต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน

ไม่เช่นนั้น จะขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. และ ส.ส.เขตก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม

ตามรายงานข่าวการขับ “ร.อ.ธรรมนัส” และพวกจำนวน 21 คน พ้น “พปชร.” ดราม่าแบบสุดติ่งกระดิ่งแมว มีการยกมือโหวต 2 รอบ หะแรก เห็นด้วย 30 คน งดออกเสียง 19 คน ต้องโหวตขับกันรอบที่ 2 เพราะเสียงไม่ผ่านเกณฑ์

แถมหัวหน้าแก๊งที่ถูกไล่ออก ต้องเดินยกมือไหว้โน้มน้าวคณะกรรมการบริหารพรรคช่วยอนุเคราะห์ให้ลงมติขับ เพื่อเร่งให้ปัญหายุติ สุดท้ายการออกเสียงจึงออกมาเข้าเกณฑ์ ตามตัวเลขข้างต้น

พลันที่การขับสะเด็ดน้ำ “ร.อ.ธรรมนัส” โพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณประชาชนที่ห่วงใย พร้อมติดแฮชแท็กทิ้งท้าย คล้ายเยาะเย้ยว่า “ไปอยู่พรรคไหนดีครับ”

และไม่กี่นาทีต่อมา ความจริงประจักษ์ว่า “ผู้กอง” กับคณะ จะแห่นาคไปลงหลักปักฐานกันที่บ้านหลังใหม่ชื่อ “พรรคเศรษฐกิจไทย” ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าพร้อมแล้ว

เมื่อเอ็กซเรย์รังใหม่ทุกองคาพยพ คอการเมืองพากันครางฮือ ประเด็นคือ สถานที่ตั้งอยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง 3 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เจ้าของไม่ใช่ใครที่ไหน “คนกันเอง”

เป็น “เสี่ยโต-อภิชัย เตชะอุบล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ กระเป๋าใบเขื่องของประชาธิปัตย์ ที่แตกคอกับกลุ่มอำนาจใหม่ และผันมามีความใกล้ชิดกับเครือข่ายบ้านป่ารอยต่อฯ

ปัจจุบัน “พรรคเศรษฐกิจไทย” ตามข้อมูลที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มี “นายประสงค์ วรารัตนกุล” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค “นายเมธาวี เนตรไสว” เป็นเลขาธิการพรรค

มีข่าวลือกิ๊บเก๋ด้วยว่า ในไม่ช้าไม่นาน “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ประธานยุทธศาสตร์ พปชร. จะเข้ายึดหัวหาดนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค “เสี่ยโต” เป็นแม่บ้านพรรค ที่เว้ากันสนั่นตรงที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” น้องเลิฟ “ลุงป้อม” จะได้รับนิมนต์มานั่งแป้นประธานที่ปรึกษาพรรค

สรุป เกมนี้จบลงที่ “พล.อ.ประวิตร” วิน-วิน บินเหนือเมฆ ถือดาบ 2 เล่ม ถ่างขาคุม 2 พรรค ทั้ง “พปชร.” ที่ตัวเองเป็นหัวหน้า และ “เศรษฐกิจไทย” ที่ลูกข่ายคุมเชิง

 

แต่สวนทางกัน สถานะของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แปรสภาพเป็น “เป็ดง่อย” เนื่องเพราะหากคำนวณจากสัดส่วนของรัฐบาลผสม 19 พรรรค มีฐานเสียงอยู่จำนวน 270 ที่นั่ง

แยกย่อยซอยยิกประกอบด้วย “พปชร.” แกนนำ มี ส.ส.อยู่ 118 เสียง ลดเหลือ 97 เสียง “ภูมิใจไทย” 61 เสียง “ประชาธิปัตย์” 48 เสียง “ชาติไทยพัฒนา” 12 เสียง “รวมพลังประชาติไทย” 5 เสียง “พลังท้องถิ่นไท” 5 เสียง “เศรษฐกิจใหม่” 4 เสียง พรรคเล็กอีก 10 กว่าเสียง ฐานสนั่นเต็มถังอยู่ที่ 270 ที่นั่ง

เดิมรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” มีฐานเสียงมากกว่าฝ่ายค้านร่วมจำนวน 217 เสียง อยู่ที่ 53 ที่นั่ง

การแตกดังโพละของ พปชร. ย่อมทำให้ “ตู่ 2/5” เสียวตาปลา เพราะเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ เกินครึ่งอยู่เพียงน้อยนิด ต้องลุ้นระทึกกันทุกนัดที่มีการประชุมสภา พิจารณาวาระ หรือ พ.ร.บ.สำคัญ กะพริบตาไม่ได้

ขณะที่เกมนี้ “บิ๊กป้อม” ต่างหากเล่าที่แปลงหลาวเป็น “นายพราน” คุมสภาพได้อยู่หมัด เช่นเดียวกับ “กลุ่มผู้กองมนัส” และพวกพ้อง จะมีอิทธิฤทธิ์สูงส่ง มีข่าวว่า ไม้ตายแรกที่ยื่นเสนอขอที่นั่งระนาบว่าการ 2 เก้าอี้ ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบตามสัดส่วน 21 เสียง เหนือกว่า 12 ที่นั่งของชาติไทยพัฒนาเกือบครึ่ง

แต่นิยามของการเมือง ไม่ใช่โรงลิเก หรือละครเวที ที่ใครคิดจะสร้างจินตนาการเพ้อฝันดุจเทพนิยาย จะเล่นและกำกับบทยังไงก็ได้ มันไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงามอย่างนั้นหรอก

เรื่องซึ่งตรงกันข้าม หะแรก ยุ่งเลยเพ่… เมื่อ “สมศักดิ์ พันธุ์เกษม” 1 ใน 21 ส.ส.ที่ปรากฏนามว่าถูกขับ ประกาศผางขอให้ พปชร.ทบทวนมติพรรค อ้างว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกร้อง และมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ให้มีการปรับโครงสร้างแต่อย่างใด”

ตามด้วยสองตระกูล “ช่างเหลา” จากจังหวัดขอนแก่น “วัฒนา-เอกราช ช่างเหลา” 1 เขตกับ 1 บัญชีรายชื่อ จากกลุ่ม 21 ถูก “พรรคภูมิใจไทย” ที่กำลังขยายอาณาจักร แผ่อิทธิพลในภาคอีสาน เล่นบทจับปลาในอ่าง คว้าไปอีก 2 หน่อ

ยังมี “เครือข่ายเสธ.หิฯ” ที่ทำงานลับให้กับ “นายตู่” มาตลอด ก็ฝากเลี้ยงต้อย ปะปนละคนอยู่ในก๊วน 21 คนที่ถูกขับอีก 3 พระหน่อ ข่าวคลุกวงในระบุชื่อมาเสร็จสรรพ ประกอบด้วย “สัญญา นิลสุพรรณ” ส.ส.นครสวรรค์ “สุรชาติ ศรีบุศกร” ส.ส.พิจิตร “มนัส อ่อนอ้าย” ผู้แทนพิษณุโลก

เอกภาพที่ได้มาจากความฝัน ไม่มีวันยืนยง ที่ดีดลูกคิดรางแก้ว เห็นตัวเลขแล้วเคลิ้มยอด 21 คน เหลืออยู่จริงๆ แค่ 16 ราย

ขณะเดียวกัน สัดส่วนที่เหลือ เริ่มลังเล น้ำไหลเอื่อยตามกระแส นกอยากบินกลับรัง

ยิ่งมีข่าวว่า “กลุ่มพรรคเล็ก” อีกจำนวน 9 คนจะไหลไปหลอมรวมกับ “ก๊วน 21” สมทบทุนกันแล้ว แปรสภาพเป็นพรรคขนาดกลางได้ในบัดดล

ต่างพากันถอดใจ ชักจะไม่สนุกด้วย เหนือสิ่งอื่นใดเลย คือ ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม เกมของการต่อสู้ แพ้-ชนะ อยู่หรือไป ของจำนวนนักรบ ไม่ใช่อุดมการณ์

“กล้วย” เป็นปัจจัยชี้ขาด ทำไปทำมา “ลุงป้อม” จบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกครั้ง การเมืองมันลูกกลมๆ หยั่งงี้แหละนายจ๋า