เปิดลับวาทะ ‘พี่ป้อม อย่าทิ้งน้อง’ ทำ ‘พี่ใหญ่’ คิดหนัก หลังพลิกเกมขี่ม้า 2 ตัวสู้ ‘บิ๊กตู่’ หวงเก้าอี้ กห. ยื้อดึง ‘บิ๊กน้อย’ ร่วม ครม./รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

เปิดลับวาทะ

‘พี่ป้อม อย่าทิ้งน้อง’

ทำ ‘พี่ใหญ่’ คิดหนัก

หลังพลิกเกมขี่ม้า 2 ตัวสู้

‘บิ๊กตู่’ หวงเก้าอี้ กห.

ยื้อดึง ‘บิ๊กน้อย’ ร่วม ครม.

 

เกมการเมืองของพี่น้อง 3 ป. ชัดเจนขึ้น หลังปรากฏการณ์ 19 มกราคม 2565 และสะท้อนชัดเจนถึงหมากเกมการเมืองของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินกันคนละกระดาน

จุดพีกจุดเปลี่ยนทางการเมืองเกิดขึ้นเมื่อ พล.อ.ประวิตร เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคและตัวแทนภาคอย่างเร่งด่วน ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อลงมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พร้อม 20 ส.ส.พ้นพรรค

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นการร้องขอจาก ร.อ.ธรรมนัส ที่ตัองการจะแยกวง ย้ายพรรค ด้วยเพราะสุดจะอดทนกับฝ่ายตรงข้ามในพรรค ที่เล่นเกมกดดัน โยนบาป ทำให้แพ้เลือกตั้งซ่อมที่สงขลา ชุมพร 16 มกราคม 2565 เพราะคำปราศรัย

โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้ชื่อว่าเป็น รมต.สายจันทร์โอชา เดินเกมรุกให้พรรคทำโพลสำรวจว่า พรรคพลังประชารัฐคะแนนนิยมตกต่ำเพราะ ร.อ.ธรรมนัส ใช่หรือไม่ จนเกิดเหตุการณ์แชตไลน์หลุด

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายสนับสนุนใน พปชร.เริ่มขยับ กดดันให้มีการปรับโครงสร้างพรรคอีกครั้ง ซึ่งเป็นภาคต่อของ “ว.5” กับแกนนำพรรค พปชร.สายจันทร์โอชา ที่เซฟเฮาส์ข้างบ้านพักใน ร.1 รอ.

พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง จึงเตรียมการเรื่องจัดตั้งพรรคใหม่ไว้ โดยไปเทกโอเวอร์พรรคเศรษฐกิจไทย ไว้ก่อนแล้ว

จึงพลิกเกมให้พรรคมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และ 20 ส.ส.ในก๊วนออก เพื่อให้คงสถานภาพ ส.ส. แล้วให้สมัครเข้าพรรคเศรษฐกิจไทย

แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะใช้กลยุทธ์ในการบล็อกตัว ส.ส. เจรจาต่อรองไม่ให้ลาออกไปกับ ร.อ.ธรรมนัสแล้วก็ตาม

โดยวางตัวให้บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก ลาออกจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ไปเป็นหัวหน้าพรรค และมี ร.อ.ธรรมนัสเป็นรองหัวหน้าพรรค เสี่ยโต นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์ นายทุนพรรค ที่มาเป็นขาประจำบ้านป่ารอยต่อฯ มาพักใหญ่แล้ว มาเป็นเลขาธิการพรรค และมีข่าวบิ๊กป๊อด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย พล.อ.ประวิตร เป็นที่ปรึกษา แต่อีกด้านมีข่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาทอาจจะไม่เข้ามา

ที่ทำให้ภาพของพรรคเศรษฐกิจไทย กลายเป็นพรรคของ พล.อ.ประวิตรอีกพรรคหนึ่ง แต่ล้วนเป็นคนที่มีปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น

แม้แต่ พล.อ.วิชญ์ รุ่นพี่ ตท.11 ที่ พล.อ.ประวิตรเคยดันให้ขึ้น 5 เสือ ทบ. นั่ง ผช.ผบ.ทบ. เพื่อให้เป็น ผบ.ทบ.ขัดตาทัพก่อน พล.อ.ประยุทธ์ รุ่นน้อง ตท.12 ที่ตอนนั้นมีอายุราชการอีกตั้ง 4 ปี

แต่บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หนุน พล.อ.ประยุทธ์ พาสชั้นปีละยศ จากแม่ทัพภาคที่ 1 พลโทปีเดียว ขึ้นพลเอก เสธ.ทบ. และขึ้นพลเอก อัตราจอมพล นั่งรอง ผบ.ทบ. และขึ้น ผบ.ทบ.เลย นั่งยาวถึง 4 ปี ก่อนที่จะรัฐประหารก่อนเกษียณปี 2557 อยู่ในอำนาจมาจนปัจจุบัน

ตรงนี้ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์จึงซาบซึ้งในตัว พล.อ.อนุพงษ์เป็นอย่างมาก และจดจำไว้ว่า ครั้งหนึ่ง พล.อ.ประวิตรเคยจะหนุน พล.อ.วิชญ์ให้เป็น ผบ.ทบ. เพราะหากตอนนั้น พล.อ.อนุพงษ์ยอมตามใจ พล.อ.ประวิตร ทาง พล.อ.ประยุทธ์ก็คงจะต้องถูกแขวนรอ และอาจไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. และอาจไม่มีวันนี้

ขณะที่คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร มีเรื่องคาใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ หลังเจอสายตรงถามเรื่องแผน “ธรรมนัส” ล้มนายกฯ ในสภา ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ปลายสายปฏิเสธ ไม่เกี่ยวข้อง จนเรื่องเข้าหู พล.อ.ประวิตร ที่ก็มีเคือง เพราะกล่าวหาคนที่ใกล้ชิดมากๆ

จนมีข่าวในบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า แกนนำหลายคน และน้องรัก พล.อ.ประวิตรหลายคนไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกต่อไป

และเมื่อ ร.อ.ธรรมนัสถูกรุกไล่จนตัดสินใจที่จะแยกพรรค ทั้ง พล.อ.วิชญ์ และคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร จึงยกทีมออกมาด้วย

มีเรื่องเล่าในบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า หลังแพ้เลือกตั้งซ่อมที่ใต้ และหลัง “ว.5” อีกครั้งของนายกฯ เมื่อ18 มกราคม 2565 พล.อ.ประวิตรมักจะนั่งนิ่งเงียบๆ คนเดียวเสมอๆ ราวกับต้องการใช้ความคิด และทั้งสัปดาห์ พล.อ.ประวิตรไม่เข้าทำเนียบรัฐบาลเลย และหลบสื่อโดยใช้ประชุมออนไลน์แทน

กล่าวกันในบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า ไม่ใช่เพราะผิดหวังกับผลการเลือกตั้ง แต่เพราะพร้อมๆ กันนั้น มีแรงกดดันให้เปลี่ยนเลขาฯ พรรคอีกครั้ง โดยที่ ร.อ.ธรรมนัสก็หมดความอดทน ขอแยกพรรค ถึงขั้นเปิดหน้าซัดพวกที่เคลียร์แล้วไม่ยอมจบ ก็แยกกันเดินดีกว่า

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรยังได้รับทราบจากนายกฯ ว่า มีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถืออย่างมาก ฝากข้อความถึง พล.อ.ประวิตรว่า “อย่าทิ้งน้อง” โดยเป็นข้อความที่ทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องคิดหนัก

ก่อนที่ต่อมา พล.อ.ประวิตรจะงัดแผนขี่ม้า 2 ตัว แยก 2 พรรค ขึ้นมาใช้ ด้วยการขับ ร.อ.ธรรมนัสพร้อม 20 ส.ส.ออก และก็ย่อมโดนใจ พล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายสนับสนุน ที่ต้องการและพยายามมาตลอด

แต่ พล.อ.ประวิตรพลิกเกมด้วยการต่อรองให้เอา 21 ส.ส.ในนามพรรคเศรษฐกิจไทย เข้าร่วมรัฐบาล และให้ปรับ ครม. ให้เก้าอี้ รมต.1-2 ตัว

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อในวันรุ่งขึ้น 20 มกราคม ยืนยันว่าไม่ปรับ ครม. ไม่ยุบสภา ที่เป็นการสะท้อนได้ว่า ณ เวลานั้น นายกฯ ยังไม่รับข้อเสนอของพี่ใหญ่ เพราะจะทำให้ตกเป็นรองทันทีหากเอาพรรคธรรมนัสมาร่วมรัฐบาล กระทบภาพลักษณ์ ทั้งๆ ที่กว่าจะเขี่ยออกไป ไม่ใช่ง่ายๆ

อีกทั้งงานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็คงรับรู้ได้ว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะคราวนี้ พล.อ.ประวิตรยอมเปลี่ยนเลขาฯ พรรค ยอมให้ ร.อ.ธรรมนัสไปง่ายๆ แม้รู้ว่ามีการวางแผนรอไว้แล้ว นายกฯ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินใจ

อีกทั้งกองเชียร์คัดค้านการเอา ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาร่วมรัฐบาล เพราะจะตกเป็นเบี้ยล่าง จึงหนุนให้ยอมเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แต่สามารถหาใช้บริการ ส.ส.งูเห่าได้ และนับถอยหลังยุบสภา

เกมจึงกลายเป็นความพยายามในการดึง 20 ส.ส.ออกจาก ร.อ.ธรรมนัสให้ได้มากที่สุด พร้อมๆ กับการร้อง กกต.ให้พิจารณามติ พปชร.ขับ ร.อ.ธรรมนัส และ 20 ส.ส. ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ถึงขั้นปลุกกระแสว่า มติโมฆะ และให้กลับมาตามเดิม

แต่ในขณะนั้น พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า มติ พปชร.ถูกกฏหมาย เพราะหารือ กกต.แล้ว ทั้ง 21 ส.ส.แยกไปพรรคใหม่แล้ว

ก่อนที่ต่อมา 25 มกราคม ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปเยือนซาอุดีอาระเบีย สร้างผลงาน เพิ่มแต้มนั้น พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์สื่อ ยืนยันว่าพรรคใหม่จะร่วมรัฐบาล ยังสนับสนุนรัฐบาล ไม่ต้องห่วง เสียงรัฐบาลไม่มีปัญหา

พร้อมตั้งโพเดี้ยมแถลง ยืนยันความสัมพันธ์ 3 ป.อีกครั้งว่า ไม่ได้ทะเลากับนายกฯ นายกฯ มาหาและคุยกันทุกวัน

ซึ่งก็เป็นจริง ตั้งแต่ 20 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากินข้าวเย็นกับ พล.อ.ประวิตรที่บ้านป่ารอยต่อฯ 3 วันติด ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์ ที่นายกฯ ไปตีกอล์ฟกับเพื่อนสนิท ตท.12

โดยในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม พล.อ.วิชญ์มาหารือกัน ซึ่งคาดว่าทุกอย่างลงตัว ไม่มีปัญหา ร.อ.ธรรมนัสจึงขอลาไปพักผ่อนที่ยุโรปพร้อมภริยา และลูกชาย ยาว 10 วัน

จึงมีกระแสข่าวการปรับ ครม.ออกมาจากบ้านป่ารอยต่อฯ ที่สอดรับกับท่าทีของ พล.อ.ประวิตรที่ดูมั่นใจว่า นายกฯ จะยอมเดินตามเกมของตนเอง ในการเอาพรรคเศรษฐกิจไทยมาร่วมรัฐบาล เพราะยืนยันว่า ไม่ได้ให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็น รมต.

โดยได้เสนอชื่อ พล.อ.วิชญ์ และนายอภิชัย ให้นายกฯ พิจารณาจัดหาเก้าอี้ รมต.ที่เหมาะสม

แม้ขณะนี้ จะมีเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ และ รมช.แรงงาน ว่างจากการที่นายกฯ ปลด ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมล ไปตั้งแต่ 9 กันยายน 2564 แต่ พล.อ.ประวิตรเสนอให้พรรคเศรษฐกิจไทยควรจะได้เก้าอี้ รมว. เพราะมี 21 ส.ส.

โดยก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า พปชร.จะเอา 2 เก้าอี้ รมช.นี้ไปแลกกับ รมว.ทรัพยากรฯ กับนายวราวุธ ศิลปอาชา หรือแลกกับ รมว.เกษตรฯ กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในโควต้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะระยะหลังนายกฯ ก็สนิทสนมกับนายเฉลิมชัย

จึงไม่ใช่จะยอมกันง่ายๆ

หาก พล.อ.ประยุทธ์ยอมเพิ่มพรรคเศรษฐกิจไทยเข้าร่วมรัฐบาล ตามที่ พล.อ.ประวิตรพลิกเกมกดดันกลับมา แต่นายกฯ จะไม่ยอมปล่อยเก้าอี้ รมว.กลาโหมแน่ เพราะนายกฯ ไม่ต้องการเสียกองทัพที่เป็นแบ๊กอัพหนุนหลังไป และกองทัพถือเป็นฐานอำนาจสำคัญที่จะไม่มีทางให้ พล.อ.วิชญ์ที่เคยมีปัญหาคาใจกันมานั่งครอง

แม้ว่าตัวนายกฯ เองจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลงานกลาโหม เพราะมอบบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ดูแลแทนมาตลอด นายกฯ เข้ากลาโหมแค่เดือนละครั้ง เวลาประชุมสภากลาโหมก็ตาม ด้วยบทบาทนายกฯ ที่ไม่ค่อยว่าง จึงทำให้ห่างเหินกับ ผบ.เหล่าทัพ และเกิดระยะห่างทางใจขึ้น

แต่ พล.อ.ประยุทธ์รู้เกมของ พล.อ.ประวิตร ว่าต้องการกลับมาคุมกลาโหม เพราะหากให้ พล.อ.วิชญ์เป็น รมว.กลาโหม ก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประวิตรเป็น รมว.กลาโหม มาคุมอำนาจกองทัพ และการแต่งตั้งโยกย้ายทหารอีกครั้ง

หากย้อนดูเส้นทางเดินของ พล.อ.วิชญ์ แม้จะไม่ใช่เส้นทางเหล็ก แต่เติบโตมาในสายวงศ์เทวัญ และกองทัพภาคที 1 โดยเป็น ตท.11 จปร.22 รุ่นพี่ พล.อ.ชัยชาญที่เป็น ตท.16 จปร.27 และก็เคยเป็น ผบ.ทหารพราน ผบ.มทบ.14 ผบ.มทบ.11 แม่ทัพน้อยที่ 1 ผช.ผบ.ทบ. และประธานที่ปรึกษา ทบ.

แต่บรรดานายทหารในกองทัพฟันธงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ยอมคาย หรือปล่อยเก้าอี้ รมว.กลาโหมแน่ ทั้งๆ ที่จะกระทบโควต้า รมต ของพรรคอื่นน้อยมาก ไม่ต้องไปแลกกระทรวงกัน

 

ขณะที่ฝ่าย พล.อ.วิชญ์นั้นมีความเคลื่อนไหว ในการเปิดเพจทางการ พร้อมเขียนจดหมายเปิดใจว่า เพราะถึงเวลาจำเป็นของบ้านเมือง ผมก็ต้องยอมออกมายืนเบื้องหน้า จากที่ชอบทำงานเบื้องหลัง เพื่อหวังสร้างความปรองดอง

ลดความขัดแย้ง สร้างสามัคคี ทำให้ประเทศไทยกลับมาสงบสุข ให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาปรองดอง ร่วมกันสร้างสิ่งดีๆ

ความสุข รอยยิ้ม จะปรากฏในที่สุด

อีกทั้ง พล.อ.วิชญ์เติบโตเคียงข้าง พล.อ.ประวิตรมาตลอด และถือเป็นนายทหารที่มีบารมี อีกคนหนึ่งในบรรดาน้องเลิฟของบิ๊กป้อม จึงมีฐานกองหนุนทั้งในสาย บูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญ และถือเป็นราชนิกูลที่มาอยู่ในสนามการเมือง และถูกมองว่าเป็นทายาททางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร แทน พล.อ.ประยุทธ์

ดังนั้น จึงยากที่ พล.อ.ประยุทธ์จะยอมยกเก้าอี้ รมว.กลาโหม สร้างบารมีอำนาจให้ พล.อ.วิชญ์คู่แข่ง แถมทั้งมีความชัดเจนมากขึ้นว่า พล.อ.ประวิตรมีแผนทางการเมืองอย่างไร

จนมีการมองว่า พรรคเศรษฐกิจไทยที่ พล.อ.วิชญ์จะเปิดตัวเป็นหัวหน้าพรรค หลัง กกต.ให้การรับรองมติในการขับ 21 สส. ให้เรียบร้อยเสียก่อนนั้น เป็นพรรคสำรองของ พล.อ.ประวิตรที่ตั้งไว้รอเวลา

เพราะ พล.อ.ประวิตรรู้ดีว่า ในไม่ช้า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามายึดพรรคพลังประชารัฐ และเป็นหัวหน้าพรรคเองหลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัสย้ายออกไปพ้นหูพ้นตาแล้ว

อยู่แค่ว่า พล.อ.ประวิตรจะยื้อเก้าอี้หัวหน้าพรรค พปชร.ไปได้นานแค่ไหน หรืออาจจะไม่ยอมลุกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค นั่งกั๊กต่อไปก็เป็นได้

 

แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองหมากกระดานนี้ของ พล.อ.ประวิตร ว่า เตรียมพร้อมทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกฯ โดยมีทั้ง พล.อ.วิชญ์ และคนในครอบครัววงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ สำรอง หรือแม้แต่ตัว พล.อ.ประวิตรเองก็ตาม แม้เจ้าตัวจะเคยประกาศมาหลายครั้งแล้วว่า จะไม่เป็นนายกฯ และไม่เคยคิดอยากเป็นนายกฯ

โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัสที่ซุ่มเงียบ เก็บเนื้อเก็บตัว จนบินเงียบไปยุโรป ท่ามกลางกระแสข่าวลือ มีนัดหมายสำคัญ

ดังนั้น จึงตัองจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยอมทำตามแผนพี่ใหญ่ ยอมปรับ ครม. ยื้ออายุรัฐบาล ยื้ออายุของ 3 ป. ให้ยังคงประคองสัมพันธ์อยู่ด้วยกันต่อไปก่อน ยังไม่แตก รอนับถอยหลังสู่วันแตกหัก ที่รออยู่ ทันทีหากมีการยุบสภา และเลือกตั้งใหม่

เมื่อนั้น ทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็ก คงจะเปิดหน้าสู้กันแบบไม่ต้องแคร์ภาพลักษณ์ในอดีต 3 ป.เลยก็เป็นได้