‘แฮมสเตอร์’ ติดโควิด-19 อุปสรรค ‘ซีโร่โควิด’ ของฮ่องกง/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

‘แฮมสเตอร์’ ติดโควิด-19

อุปสรรค ‘ซีโร่โควิด’ ของฮ่องกง

 

กลายเป็นเรื่องที่คนรักสัตว์ทั้งหลายไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ สำหรับการสั่งฆ่า “แฮมสเตอร์” จำนวนมาก หลังจากพบว่า มีพนักงานร้านขายสัตว์เลี้ยง ที่ชื่อ “ลิตเติล บอสส์” ติดโควิด-19 และคาดว่า อาจจะเป็นการติดเชื้อมาจากหนูแฮมสเตอร์ในร้าน ที่นำเข้ามาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ จนนำไปสู่การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในแฮมสเตอร์ และพบว่า มี 11 ตัวที่ติดเชื้อ

ทำให้ทางการฮ่องกงต้องมีการสั่งให้ผู้คนห้าม “จูบ” สัตว์เลี้ยงของตัวเองอย่างเด็ดขาด พร้อมกับฆ่าสัตว์เลี้ยงตระกูลหนูทั้งหลาย โดยมีการกำจัดเบื้องต้นไปทั้งสิ้น 2,512 ตัว

โดยในจำนวนนี้เป็นแฮมสเตอร์ถึง 2,229 ตัว

รวมทั้งสั่งห้ามนำเข้า และหยุดการขายทั้งหมดในทันทีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนนำหนูแฮมสเตอร์ที่ซื้อมาจากร้านขายสัตว์ท้องถิ่น ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2564 มามอบให้กับทางการ เพื่อดำเนินการกำจัดทิ้งด้วยวิธีที่มีมนุษยธรรม

และขออย่าได้นำสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ไปทิ้งไว้ตามท้องถนน

 

มาตรการกำจัดหนูแฮมสเตอร์ดังกล่าว สร้างกระแสความไม่พอใจสำหรับคนรักสัตว์อย่างมาก โดยสมาคมป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ (เอสพีซีเอ) ในฮ่องกง ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า รู้สึกตกใจและเป็นห่วงเกี่ยวกับคำประกาศในการกำจัดสัตว์เล็กกว่า 2,000 ตัว ที่ไม่ได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์

อย่างไรก็ตาม ทางการฮ่องกงเองออกมาประกาศว่า มาตรการฆ่าสัตว์เล็กเหล่านี้เป็นไปเพื่อการป้องกันไว้ก่อน แม้ว่าจะยังไม่ได้มีหลักฐานว่ามีสัตว์ที่ติดเชื้อแพร่เชื้อไปยังมนุษย์ได้ก็ตาม

โดยหลายต่อหลายคนที่เลี้ยงแฮมสเตอร์เอาไว้ ต้องรีบนำสัตว์เลี้ยงของตัวเองไปส่งมอบให้กับทางการฮ่องกง ตามคำสั่งของทางการ

ขณะที่บนโลกโซเชียลมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อรับเลี้ยงแฮมสเตอร์ที่เจ้าของไม่ต้องการแล้ว หรือจำใจจะต้องทิ้งพวกหนูแฮมสเตอร์ หลังจากมีเจ้าของแฮมสเตอร์จำนวนมาก อยากจะทิ้งสัตว์เลี้ยงของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม จากการที่เจ้าของส่งมอบสัตว์เลี้ยงให้ทางการ ก็มีการตรวจพบว่า มีแฮมสเตอร์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัวที่ติดโควิด-19 ด้วย ซึ่งถือเป็นการพบแฮมสเตอร์ที่คนนำไปเลี้ยงแล้วติดโควิด-19

 

ที่ผ่านมา เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นอกเหนือจากพบในมนุษย์แล้ว ก็ยังเคยพบในสัตว์ด้วย โดยพบทั้งในสุนัขและแมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พบในแฮมสเตอร์ โดยทางการฮ่องกงได้มีการตรวจหาเชื้อในกระต่าย และชินชิลล่าด้วย แต่ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด

โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นมีนโยบายชัดเจนว่า เกาะฮ่องกงจะต้องปลอดซึ่งโควิด-19 หรือที่เรียกว่า นโยบาย “ซีโร่โควิด” ที่หลายคนมองว่า เป็นภารกิจทางการเมืองที่ไร้ประโยชน์ และการพบแฮมสเตอร์ติดโควิด-19 ก็ถือเป็นอุปสรรคที่กีดขวางเป้าหมาย “ซีโร่โควิด” ของรัฐบาลฮ่องกง

เพราะฉะนั้น ทันทีที่พบแฮมสเตอร์เลี้ยงติดโควิด-19 ก็ออกแถลงการณ์ย้ำอีกครั้งว่า ขอแนะนำอย่างแข็งขันอีกครั้งให้สาธารณชนมอบหนูแฮมสเตอร์ที่ซื้อจากร้านขายสัตว์ท้องถิ่นในวันที่ 22 ธันวาคม 2564 หรือหลังจากนั้นต่อทางการโดยเร็วที่สุด เพื่อดำเนินการกำจัดทิ้งด้วยวิธีที่มีมนุษยธรรม

 

ทั้งนี้ นางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวเอาไว้ว่า เข้าใจบรรดาเจ้าของแฮมสเตอร์ที่ไม่พอใจมาตรการของทางการ หากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือการจำกัดวงของการแพร่ระบาด ไม่ให้ลุกลามบานปลาย จนเป็นภาระต่อระบบสาธารณสุข

ขณะที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในฮ่องกงก็ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละกว่าร้อยราย โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการเข้มงวดมาตการต่างๆ มากขึ้น

โดยนางหล่ำยังได้แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับเทศกาลวันตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง พร้อมขอให้ชาวอ่องกงพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกันหลายๆ คน

ด้วยยุทธศาสตร์ “ซีโร่โควิด” ของรัฐบาล ที่ต้องการทำให้เกาะฮ่องกงปลอดซึ่งเชื้อโควิด-19 ตอนนี้จึงมีมาตรการเข้มงวดต่างๆ มากมาย ทั้งปิดโรงเรียน ยิม ส่วนร้านอาหารต้องปิด 18.00 น.

ความพยายามที่จะทำให้ฮ่องกงปลอดซึ่งโควิด-19 ดูจะเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อย