ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM)
‘ความรัก ละมุนละไม’
ในนิยายเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า
ช่วงนี้ ผมกำลังหมกมุ่นและดื่มด่ำกับซีรีส์จีน “8 เทพอสูรมังกรฟ้า” เวอร์ชั่นปี 2013 เวียนซ้ำไปมา โดยเฉพาะตอนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
บางคนอ่านนิยายแล้วไม่กล้าดูซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยาย เพราะเกรงว่าจินตนาการที่สวยงามจะถูกทำร้ายให้บอบช้ำ
บางคนได้ดูแล้วประทับใจในเวอร์ชั่นหนึ่ง ก็ไม่อยากดูเวอร์ชั่นอื่นแล้ว เพราะรู้สึกว่า ไม่อาจมีเวอร์ชั่นใดที่เหนือล้ำเทียบเท่าได้
ผมเองก็มีอคติ และคิดว่า 8 เทพอสูรมังกรฟ้า เวอร์ชั่นปี 1996 ที่ได้ดูสมัยหนุ่มๆ นั่นคือที่สุดแล้ว
การได้พบพานใครสักคน หรือซีรีส์ดีๆ เรื่องใหม่ บางครั้งก็อยู่ที่วาสนา
ครั้งแรกที่ได้ดู ผมรู้สึกไม่ชอบ เพราะเฉียวฟงในปี 2013 ดูไม่เข้มแข็งยิ่งใหญ่เท่ากับเฉียวฟงในปี 1996 จึงคิดจะละทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
แต่เป็นเพราะผมได้ไปเจออะไรบางอย่างที่น่าสนใจ จึงทำให้ยังอยู่ในวังวนต่อไป จนกระทั่งเกิดความประทับใจมากมายในหลายเหตุการณ์ และบทสนทนาของตัวละครในเรื่อง สุดท้าย เวอร์ชั่นปี 2013 ก็กลายเป็นอันดับ 1 ในใจของผมอย่างไม่คาดคิด
บางทีอาจเป็นเพราะนักแสดงสาวๆ มีความสวยงามหยาดเยิ้มกันแทบทุกคน ก็เป็นไปได้!!!
ซีรีส์ที่ล้ำเลิศ แทนที่จะทำลายอรรถรสของการอ่านนิยาย กลับทำให้ผมกลับไปอ่านนิยายซ้ำอีกหลายครั้ง และค้นพบสิ่งดีๆ ที่เคยละเลยไป
ผมไม่อาจหยิบยกทุกอย่างมาเล่าได้ แต่ก็อยากจะเริ่มนำเสนอเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับ “ความรัก”
1.ความรักที่เริ่มจากความบังเอิญ และพลังดื้อรั้น
เฉียวฟงรู้จักกับอาจูได้เพียงไม่นาน ยังไม่มีอะไรที่จะพัฒนาไปเป็นความรักได้
ความบังเอิญ หรือวาสนา จึงต้องเข้ามาช่วยเหลือให้ทั้งคู่รักกัน
อาจูปลอมตัวเป็นพระในวัดเส้าหลิน เหตุการณ์พลิกผันทำให้เธอถูกทำร้าย เหลือลมหายใจรวยริน เฉียวฟงช่วยเหลือเธอออกมาจากวัด เพราะต้องการจะสอบถามความจริงบางประการ ที่อาจกระทบถึงชีวิตของเขา สุดท้าย ความจริงที่ได้ ไม่มีประโยชน์นัก แต่อาจูกลับเพิ่มภาระให้กับชีวิตเขา ที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต
เขาตัดสินใจพาอาจูเข้าไปพบกับหมอเทวดา “เซียมู่หัว” ให้รักษาอาการบาดเจ็บ โดยรู้ทั้งรู้ว่า จะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าชาวยุทธ์มากมาย ที่กำลังต้องการเข่นฆ่าเขาด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรง
สุดท้าย เฉียวฟงแทบเอาชีวิตไม่รอด
“เจ้าฝึกปรือพลังฝีมือที่ไร้ผู้ต่อต้านได้ ไฉนยอมพลีชีวิตเพื่อสตรีผ่ายผอมนางหนึ่ง นางกับเจ้ามิใช่ญาติ มิใช่สหาย ไร้บุญคุณ ไร้น้ำใจ ทั้งมิใช่หญิงงามล่มเมืองอันใด เพียงแต่เป็นหญิงรับใช้อันต้อยต่ำนางหนึ่งเท่านั้น ในโลกไหนเลยมีตัวโง่งมเช่นเจ้า?”
เฉียวฟงกล่าวว่า
“ผู้มีพระคุณสั่งสอนถูกต้อง เฉียวฟงใช้ร่างกายที่มีประโยชน์ กระทำเรื่องราวที่ไร้ความหมาย ความจริงไม่สมควร เพียงแต่พลุ่งพล่านดาลเดือด บังเกิดพลังดื้อรั้น ไม่ได้ขบคิดถึงผลตามหลังโดยละเอียด” (8 เทพอสูรมังกรฟ้า เล่มที่ 2 หน้า 955-956)
หลังจากเฉียวฟงและอาจูฟื้นฟูร่างกายเป็นปกติ ทั้งคู่ได้มาพบกันอีกครั้ง จากความห่วงใยแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ลึกซึ้งดื่มด่ำ เพราะได้ผ่านความเป็นความตายร่วมกัน
ความอัจฉริยะของกิมย้ง กลับไม่ยอมให้เรื่องราวจบลงแบบนี้
เฉียวฟงต้องการล้างแค้น อาจูไม่เห็นด้วยกับการล้างแค้นมากนัก แต่ยินดีติดตามเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียว
สุดท้าย พวกเขากลับโดนคนหลอกให้ไปตามฆ่าผิดคน และบังเอิญที่อาจูได้รู้ว่า คนนั้นคือพ่อของเธอ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เธอไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเฉียวฟง จึงตัดสินใจอย่างโง่เขลา ด้วยการปลอมตัวเป็นพ่อของเธอ ให้เฉียวฟงล้างแค้น และจบสิ้นชีวิตลงภายใต้น้ำมือของชายคนรัก
การหักมุมแบบนี้ทำร้ายจิตใจของผู้อ่านทุกคน แต่ก็ทำให้ความรักของเฉียวฟงและอาจู ติดตรึงในใจพวกเราไม่ลืมเลือน
ผมประทับใจเมื่อได้อ่านครั้งแรก และยังประทับใจทุกครั้งที่ได้ดูซีรีส์ หรือกลับมาอ่านนิยายอีกครั้ง โดยเฉพาะในเวอร์ชั่น 2013 ที่หาตัวแสดงเป็นอาจูได้ดียิ่ง รวมถึงยังได้ใช้นักแสดงคนเดียวกันเล่นเป็นอาจื่อ น้องสาวของเธอ ที่สุดแสนเลวร้าย แต่เพราะการปรับบทของอาจื่อให้โหดเหี้ยมน้อยลง มีมุมน่ารักๆ มากขึ้น ทำให้ผมเกลียดเธอไม่ลงจริงๆ รวมถึงยังแอบมโนว่า “อาจู” ได้อยู่กับซีรีส์เรื่องนี้ จนกระทั่งถึงตอนอวสาน ที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม
การกลับมาอ่านรอบนี้ ผมประทับใจคำว่า “พลังดื้อรั้น”
ในโลกความจริง ความรักที่เกิดขึ้นของหนุ่มสาว ย่อมมาจากหลากหลายสถานการณ์
แต่ว่าความรักที่เกิดจากการความบังเอิญ และพลังดื้อรั้น อาจจะพบได้ไม่บ่อยนัก
ใครที่ยังไม่มีคู่รัก หรืออยากจะมีโอกาสได้รักกับใครสักคน ก็อาจจะทดลองใช้ “พลังดื้อรั้น” ที่ช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา แบบเดียวกับเฉียวฟงดูสักครั้ง
บางทีคุณอาจได้เจอกับรักแท้
ชีวิตย่อมไม่ใช่นิยาย
การใช้พลังดื้อรั้นเพื่อช่วยใครนั้น ย่อมไม่ควรจะทำให้สังคมเดือดร้อน และควรจะมอบให้กับคนที่เหมาะสม ซึ่งมั่นใจว่าไม่มีพิษมีภัย
เพราะคนที่คุณช่วยเหลือ อาจเป็นพวกไร้น้ำใจ และทำร้ายคุณอย่างเลือดเย็นได้
ยังไม่นับว่า ความรักที่หวานซึ้งของทั้งคู่ ก็ได้จบลงเพราะ “พลังดื้อรั้น” ของเฉียวฟง ที่ยืนยันจะแก้แค้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา
หากเขาลดโทสะลงสักนิด อาจูอาจจะกล้าบอกความจริงกับเขาว่า คนที่เขาจะแก้แค้นนั้น คือพ่อแท้ๆ ของเธอเอง ซึ่งสุดท้าย พ่อของเธอก็เป็นเพียงคนที่ถูกใส่ร้าย ไม่ใช่คนที่มีหนี้แค้นกับเฉียวฟง
2.รักอย่างลุ่มหลง และมีความสุขที่ได้รัก
ความรักของต้วนอี้ เริ่มจากการได้เห็นรูปปั้นหยกในถ้ำแห่งหนึ่ง
หลังจากได้เจอหวังอวี่เยียน หรือแม่นางหวัง ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาละม้ายเหมือนรูปปั้น เขาก็ทุ่มเทความรักให้เธอเพียงผู้เดียว
ผมยอมรับว่า “รำคาญ” คู่นี้มากๆ ตอนที่อ่านนิยาย ก็จะข้ามๆ ในส่วนนี้
ครั้นเมื่อได้ดูเวอร์ชั่นปี 2013 ก็จะทุ่มเทไปที่เรื่องราวของเฉียวฟงมากกว่า
แต่กระนั้น เรื่องราวของต้วนอี้ ก็จะมาคาบเกี่ยวกับเฉียวฟงอยู่ไม่น้อย ดูไปดูมา จึงเริ่มชอบต้วนอี้ และสุดท้ายก็พลันรู้สึกว่า ความรักของต้วนอี้และแม่นางหวัง มีอะไรน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
ความลุ่มหลงของต้วนอี้ อาจจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เขาก็รักของเขา โดยไม่เคยบังคับให้ฝ่ายหญิงมารักตอบแทน ความงมงายยังเลยเถิดไปถึงการเข้าไปร่วมงานคัดเลือกราชบุตรเขยของเมืองซีเซี่ย เพื่อกีดกันไม่ให้มู่หยงฟู่ ซึ่งเป็นคนรักของแม่นางหวัง ได้เป็นราชบุตรเขย และกลับมาครองรักกับแม่นางหวังอีกครั้ง
ในที่สุด เหตุการณ์และความจริงใจของเขา ได้นำพาให้ต้วนอี้สมหวังในความรักกับแม่นางหวัง
(นิยาย ฉบับปรับปรุงใหม่ กิมย้ง ได้เปลี่ยนตอนจบ ให้แม่นางหวังกลับไปดูแลมูหยงฟู่ ที่กลายเป็นคนบ้า แต่ว่าต้วนอี้ก็ยังได้สมหวังในความรักกับมู่หว่านชิง และจงหลิง ซึ่งเป็นสาวงามทั้งคู่)
สิ่งที่ผมนับถือต้วนอี้ ก็คือ เขาไปได้ทุกที่ที่มีแม่นางหวัง เพียงแค่ได้เจอหน้าเธอ เขาก็มีความสุขแล้ว
เขาอาจจะแอบหวัง ที่จะได้เป็นคนรักของแม่นางหวัง แต่ผมเชื่อว่า แม้จะไม่สมหวัง เขาก็ยังมีความสุขมากกว่าความทุกข์
นี่เป็นความรักที่น่าอิจฉายิ่งนัก เพราะจะมีสักกี่คนที่ใจกว้าง และรักได้แบบนี้
ย้อนกลับมามองโลกความจริง
คนที่ยังโสด และอยากมีความรัก อาจเริ่มต้นจากความลุ่มหลงในอะไรสักอย่าง และแสวงหาดูว่าใครที่กำลังลุ่มหลงสิ่งเดียวกับเรา สุดท้าย อาจได้ค้นพบความรักดีๆ จากคนที่ลุ่มหลงอะไรเหมือนกัน ก็เป็นได้
คนที่ชอบใช้วิธีการบังคับ หรือตามตื๊อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจจะลองเปลี่ยนวิธีเป็นการช่วยเหลือ และไม่บังคับ บางทีอาจจะได้รับความสำเร็จ เหมือนกับต้วนอี้
แน่นอนว่า โอกาสมีน้อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทดลอง
คุณอาจจะไม่สมหวังกับคนที่คุณลุ่มหลง แต่เพราะความจริงใจ และไม่บังคับจิตใจคนอื่น สวรรค์อาจเห็นใจ และส่งคนที่ดีกว่ามาให้คุณ ก็เป็นได้
3.รักแบบไม่รู้ตัว และตกกระไดพลอยโจน
ซีจุ๊ เป็นพระเอกคนที่ 3 ในนิยายเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า และเป็นพระเอกที่ผมไม่ค่อยชื่นชอบเท่าไร เมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
ครั้นเมื่อชีวิตได้เติบโตขึ้น จึงเริ่มเหนื่อยล้ากับการแข่งขันในโลกทุนนิยม และอยากจะมีโชคชะตาหนุนส่ง โดยแทบไม่ต้องทำอะไรบ้าง
โดยเฉพาะเมื่อซีรีส์เวอร์ชั่น 2013 ได้คัดเลือกนักแสดงสาวที่สวยบาดใจมาเล่นเป็น “องค์หญิงซีเซี่ย” ผมจึงอยากจะมีโชคดีที่ได้ครองคู่กับเธอเหมือนกับซีจุ๊
ความโชคดีของซีจุ๊เริ่มจากความต้องการช่วยเหลือคนอื่น ด้วยการแกล้งเดินหมากล้อมแบบมั่วๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลับกลายเป็นการเดินหมากที่ถูกต้อง หลังจากนั้น คนที่เขาช่วย ก็ได้มาช่วยเหลือเขาให้เดินหมากต่อไป จนกระทั่งสามารถแก้หมากกลที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้ได้สำเร็จ ซีจุ๊จึงได้รับการถ่ายทอดกำลังภายใน 70 กว่าปีจากเจ้าสำนักสราญรมย์
ต่อมา เขาได้ไปช่วยเหลือเด็กหญิงคนหนึ่งให้รอดพ้นจากอันตราย ปรากฏว่า เด็กหญิงคนนั้นคือ นางเฒ่าทาริกา ที่เป็นยอดฝีมือรุ่นอาวุโส ซึ่งจะกลายร่างเป็นเด็กน้อยทุกเวลา 30 ปี ในห้วงยามคับขันนี้ เธอกลับโดนศัตรูคุกคาม จึงต้องการความช่วยเหลือจากซีจุ๊
ซีจุ๊เป็นหลวงจีน ที่ถือหลักความเมตตา จึงยินดีช่วยเหลือเธอ แต่สิ่งที่เธอให้ทำนั้น ผิดศีลหลายข้อ เธอจึงใช้ทุกวิธีการเพื่อบีบบังคับซีจุ๊ และหนึ่งในนั้นก็คือ การจับตัวองค์หญิงซีเซี่ยให้มาร่วมหลับนอนกับซีจุ๊ในอุโมงค์น้ำแข็งที่มืดมิด
สุดท้าย จากความมึนๆ งงๆ ของซีจุ๊และองค์หญิงซีเซี่ย กลับแปรเปลี่ยนเป็นความรักในเวลาต่อมา
โชคดียิ่งใหญ่แบบนี้ ย่อมยากจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง
แต่กระนั้น ความโชคดีเล็กน้อยถึงปานกลาง มีโอกาสเกิดขึ้นกับชีวิตเราได้หลายครั้ง
การสวมบทบาทคล้ายคลึงกับซีจุ๊ จึงอาจเป็นไปได้
หากทว่า การจะเป็นแบบซีจุ๊นั้น ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ก็คว้าโอกาสได้ แต่ยังต้องมี “จิตเมตตา” ช่วยเหลือผู้อื่น และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ดึงดันแข็งขืนเกินไป
เพื่อนสนิทของผมเกิดลางสังหรณ์ที่เป็นมงคลว่า ผมจะได้พบเจอเนื้อคู่ภายใน 1-2 ปีนี้ โดยเขาได้ย้ำนักย้ำหนากับผมว่า “ให้เปิดใจ อย่าได้แข็งขืน”
เพราะเขารู้จักนิสัยของผมดีว่าเป็นคนอย่างไร
ผมเคารพรักในมิตรสหาย แต่ยังไม่ค่อยจะเชื่อถือคำทำนายของเขาเท่าไรนัก จนกระทั่งได้มาเขียนบทความชิ้นนี้ ถึงตอนที่เกี่ยวกับความรักของซีจุ๊
บางทีสิ่งที่ผมเขียนให้คนอื่นได้อ่านนั้น ก็อาจนำมาปรับใช้กับตัวผมเองได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ผมเขียน อาจจะมีความเพ้อฝันอยู่บ้าง
แต่ผมก็แอบหวังว่า แนวคิดบางอย่าง หรือถ้อยคำบางคำ จะสร้างแรงบันดาลใจ และนำไปสู่ความรักที่สวยงาม ให้กับใครบางคนบนโลกใบนี้