เปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย ชูไม่ซ้ายสุดขั้ว-ไม่ขวาสุดโต่ง และไม่หนุน ‘ลุงตู่’ เป็นนายกฯ/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

เปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย

ชูไม่ซ้ายสุดขั้ว-ไม่ขวาสุดโต่ง

และไม่หนุน ‘ลุงตู่’ เป็นนายกฯ

19 มกราคม ได้ฤกษ์เปิดตัว พรรค “สร้างอนาคตไทย” อย่างเป็นทางการ นำทีมโดย 2 อดีตรัฐมนตรี จากแก๊งสี่กุมาร “อุตตม สาวนายน” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

หลังที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ส่งสัญญาณและความเคลื่อนไหวออกมาตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถึงการกลับเข้าสู่สนามการเมืองอีกครั้ง

โดยระบุว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาตลอด 1 ปีครึ่ง เห็นว่าประเทศเผชิญกับปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน ทั้งมิติทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จากความห่วงใย ความกังวลที่มีต่อประเทศเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลของการรวบรวมกลุ่มคนจากหลากหลายสาขาอาชีพในทุกภาคส่วน ทุกเพศ ทุกวัย มาร่วมระดมความคิดเห็น เพื่อช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ

จึงเกิดเป็นพรรค “สร้างอนาคตไทย” ขึ้นมา เพื่ออาสาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทยในการร่วมสร้างอนาคตประเทศให้เกิดขึ้น

 

แน่นอนว่า การที่ “อุตตม” และ “สนธิรัตน์” มาร่วมกันจับมือจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ทั้งที่เคยมีบทบาทสำคัญในการร่วมเป็นรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ครั้งนี้ สปอตไลต์จึงพุ่งจับตามาเป็นพิเศษ

เพราะก่อนหน้าเปิดตัวพรรคเพียงไม่กี่วัน “สุพล ฟองงาม และ “สันติ กีระนันทน์” สายตรง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ตัดสินใจยอมทิ้งเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ควงคู่ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เพื่อมาร่วมเปิดตัวกับพรรคสร้างอนาคตไทยในครั้งนี้ด้วย

สำหรับพรรค “สร้างอนาคตไทย” 2 อดีตรัฐมนตรีกลุ่มสี่กุมารระบุว่า ชูจุดขายสำคัญว่า จะไม่เป็นแค่พรรคการเมืองอย่างเดียว หรือเป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง แต่จะเป็นพรรคที่รวมตัวของประชาชนหลากหลายภาคส่วน มาระดมกำลังเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศและสร้างอนาคต

พรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นหนึ่งในเสาหลักของพรรคการเมืองไทย อยู่บนจุดเปลี่ยนผ่านของปัญหา เปิดกว้างคนทุกกลุ่ม แนวทางสร้างพรรคจะไม่ใช่เพื่อเลือกตั้ง สร้างขึ้นเพื่อยึดโยงกับประชาชน เน้นสร้างนักการเมืองที่พร้อมบริหารประเทศ สร้าง ส.ส.ที่มีอุดมการณ์ทำงานเพื่อบ้านเมือง และสร้างคนรุ่นต่อไปเพื่อเข้าสู่งานการเมือง

อีกจุดเด่นที่สำคัญของพรรคสร้างอนาคตไทย คือเป็นพรรคที่มาเพื่อแก้ปัญหา มีนโยบายเด่นชัด ระดมคนรู้ คนเก่งที่สุดในแต่ละด้านมาร่วมงาน เข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ฟื้นเศรษฐกิจ วางรากฐานเพื่ออนาคตของคนไทย เพื่อความมั่นคง ยั่งยืน

อีกมิติใหม่ของพรรคคือ จะระดมความเห็นของประชาชนแต่ละเรื่อง มาร้อยเรียงเป็นนโยบายอีกด้วย รวมทั้งจะเป็นพรรคที่ชูแนวทางไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกง ไม่ปล้นชาติ และไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ขอถอยห่างจากการเมืองสีเสื้อ แบ่งสี แบ่งขั้วกันอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ส่วนความแตกต่างของพรรคสร้างอนาคตไทยกับพรรคการเมืองอื่น ที่เด่นชัดคือ เน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นภารกิจหลัก สร้างความหวัง ความฝันให้กับประชาชนได้สัมผัสได้จริง

 

เมื่อไล่เรียงรายชื่อบุคคลที่เปิดตัวจะมาร่วมพรรคใหม่นี้มีทั้งอดีตนักการเมืองที่คร่ำหวอดมายาวนาน นักธุรกิจที่มากประสบการณ์ รวมทั้งปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งนายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ กีระนันทน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีต ส.ส.พัทลุง นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการ สทบ. นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือครูเป็ด นักร้องชื่อดัง นายนริศ เชยกลิ่น อดีตผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน นายกำพล ปัญญาโกเมศ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

มีการระบุว่าบุคคลเหล่านี้จะเป็นเพียงกลุ่มคนชุดแรกที่มาร่วมแสดงเจตนารมณ์ในการก่อตั้งพรรค แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยู่ข้างหลังและพร้อมช่วยงานแบบไม่เปิดเผยตัวอีกหลายคนด้วย

ส่วนการเปิดตัวพรรคท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ย่อมถูกจับตามองว่าทิศทางหลังจากนี้ของพรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่

คำตอบของ “อดีตขุนคลัง” ยืนยันชัดเจนแล้วว่า “พวกผมเดินออกมาแล้ว จะไม่หันหลังกลับ” และแคนดิเดตรายชื่อนายกฯ ของพรรคสร้างอนาคตไทยจะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์อย่างแน่นอน

แต่จะมีชื่อคือ หัวหน้าพรรค รวมทั้งรายชื่อบุคคลที่ผ่านการพิจารณาของพรรคว่ามีความเหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกฯ

โดยชื่อของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ก็มีความเหมาะสม เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ

 

ส่วนกระแสข่าวว่าเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคอะไหล่ พรรคนอมินี หรือพรรคเฉพาะกิจของพรรคแกนนำรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่

ทั้ง 2 กุมารประสานเสียงยืนยันหนักแน่นว่า ไม่ใช่แน่นอน พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ใช่พรรคที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ หรือรองรับการสืบทอดอำนาจของใคร พร้อมทั้งประกาศชัดเจนว่า พรรคที่จะทำงานด้วยต้องมีอุดมการณ์สอดรับกับพรรค

แน่นอนว่าทั้งนายอุตตมและนายสนธิรัตน์มีความใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายสมคิดจึงเป็นชื่อที่ถูกจับตามองว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตไทย

แม้การแถลงเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยครั้งนี้จะไร้เงานายสมคิดมาร่วมงานด้วย

แต่ “อดีตขุนคลัง” ก็ยืนยันแล้วว่า “นายสมคิด มีความเหมาะสม และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทอดทิ้งพวกตน แต่ขณะนี้ยังไม่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าเป็นใคร เพราะต้องผ่านกระบวนการสรรหาของพรรค ซึ่งมีกฎเกณฑ์พิจารณาว่าใครที่มีความเหมาะสม และสมานความร้าวฉานที่มีในขณะนี้ได้ และมีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ แก้เศรษฐกิจได้ และเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศ”

ดังนั้น หลังจากนี้ไปต้องรอดูกันว่าชื่อของนายสมคิดจะเข้ามามีบทบาทกับพรรคสร้างอนาคตไทยหรือไม่

และต้องจับตาดูว่าพรรคสร้างอนาคตไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของ 2 กุมาร จะเกิดแรงกระเพื่อมหรือได้รับการตอบรับทางการเมืองมากน้อยเพียงใด

จะสามารถเป็นพรรคทางเลือกใหม่ให้ประชาชนได้จริงหรือไม่

ต้องรอติดตามกัน