วันเด็ก 2565 : เด็กท้วมอย่าท้อ/คลุกวงใน พิศณุ นิลกลัด

พิศณุ นิลกลัด

คลุกวงใน

พิศณุ นิลกลัด

Facebook : @Pitsanuofficial

 

วันเด็ก 2565 : เด็กท้วมอย่าท้อ

 

วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา

คำขวัญวันเด็ก 2565 จากนายกรัฐมนตรี คือ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”

การเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กส่งผลดีทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ช่วยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง

มีงานศึกษาจัดทำโดยยูเอฟฟ่า (UEFA) หรือสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปร่วมมือกับยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เบอร์มิ่งแฮม (University of Birmingham) สำรวจเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปีขึ้นไป จำนวน 4,128 คน จาก 6 ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ก อังกฤษ เยอรมนี สเปน โปแลนด์ และตุรกี

พบว่า เด็กผู้หญิงที่เล่นฟุตบอล จำนวน 80% มีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่าเด็กผู้หญิงที่ไม่เล่นกีฬา

ในขณะที่เด็กผู้หญิงซึ่งเล่นกีฬาชนิดอื่น จำนวน 74% มีความมั่นใจในตัวเองสูงกว่า เด็กผู้หญิงที่ไม่เล่นกีฬาเลย

จากรายงานสำรวจระดับชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา จัดทำโดยร็อกซ์ (ROX) หรือ Ruling Our Experiences ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาความมั่นใจของเด็กผู้หญิง

ได้ทำการสำรวจเด็กผู้หญิงวัยเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (Grade 5) ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (Grade 12) ทั่วสหรัฐอเมริกาจำนวน 10,678 คน

เพื่อศึกษาว่าการเล่นกีฬามีประโยชน์ต่อเด็กผู้หญิงในด้านใดบ้าง

การสำรวจพบว่าเด็กผู้หญิงที่เรียนอยู่ระหว่างเกรด 5 ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (เกรด 9) จะเป็นช่วงวัยที่สูญเสียความมั่นใจในตัวเองลงไปเยอะมาก เนื่องจากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและฮอร์โมน รวมถึงแรงกดดันจากเพื่อนผู้หญิงและสังคมภายนอก ทำให้มีความกังวลในรูปลักษณ์ของตัวเอง ต้องการดูดีในสายตาคนอื่นและต้องการเป็นที่ยอมรับ

แม้แต่ผู้หญิงที่ชอบเล่นกีฬาก็เจอกับปัญหาการขาดความมั่นใจเหมือนกัน

แต่การสำรวจพบว่าเด็กผู้หญิงที่เล่นกีฬาจะมีความมั่นใจกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไป 8% และมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็นมากกว่าคนอื่นๆ 11%

นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงที่เล่นกีฬาส่วนใหญ่จะไม่นำเรื่องรูปลักษณ์ตัวเองมาเป็นประเด็นที่สำคัญในชีวิต มีความต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองน้อยกว่าเด็กผู้หญิงทั่วไป 16%

เด็กๆ ที่รูปร่างไม่สูงเพรียว แต่มีความรักในการเล่นกีฬา หรือมีความฝันที่จะเป็นนักกีฬา อย่าได้น้อยใจหรือหมดหวังว่ารูปร่างไม่ให้ หรือไม่เหมาะกับการเป็นนักกีฬา

มีสองยอดนักกีฬาระดับโลกที่เคยอ้วนมาก่อน แต่ตอนนี้เป็นนักกีฬาอาชีพที่ประสบความสำเร็จมาก

แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) ยอดนักเตะทีมสเปอร์ส เคยเป็นคนจ้ำม่ำมาก่อน และถูกทีมอาร์เซนอลปล่อยตัวไปสมัยเป็นนักเตะเยาวชน

เลียม เบรดี้ (Liam Brady) ตำนานนักเตะทีมอาร์เซนอล ที่เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการศูนย์พัฒนานักเตะเยาวชนของอาร์เซนอล ยอมรับว่าทำผิดพลาดที่ตัดสินใจปล่อยตัวแฮร์รี่ เคน ตอนอายุ 8 ขวบ สมัยยังเป็นนักเตะเยาวชนของอาร์เซนอล

เพราะตอนนั้น แฮร์รี่ เคน ดูจ้ำม่ำ หรือชับบี้ (Chubby) ไปหน่อย ไม่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอล

 

เลียม เบรดี้ กล่าวถึงแฮร์รี่ เคน ว่า ตอนนั้นเคนจ้ำม่ำและดูไม่เหมือนนักกีฬา แต่นั่นคือความผิดพลาดของเรา แม้แต่สเปอร์สเองก็เถอะ ยังปล่อยให้ทีมลีกล่างยืม ใช้งานตั้ง 3-4 ครั้ง ทว่าด้วยความมุ่งมั่นของเคน เขาสร้างเส้นทางของตัวเองให้กลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเคนสมควรได้รับ

แฮร์รี่ เคน ย้อนเล่าถึงอดีตตอนอายุ 8 ขวบ หลังจากถูกอาร์เซนอลปล่อยตัวว่า แม้จะอายุเพียงแค่ 8 ขวบตอนโดนปล่อยตัว แต่ทุกครั้งที่เขาลงแข่งกับอาร์เซนอล เขาก็ตั้งใจเล่นเต็มที่ เพราะต้องการพิสูจน์ให้อาร์เซนอลเห็นว่าตัดสินใจผิด

แฮร์รี่ เคน บอกว่า การที่เขาถูกอาร์เซนอลปล่อยตัวจากทีมเยาวชนนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะสร้างแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่เขาไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต

จากเด็กที่เคยจ้ำม่ำ ตอนนี้แฮร์รี่ เคน เป็นยอดนักฟุตบอลหุ่นเพรียว สูง 188 เซนติเมตร หนัก 86 กิโลกรัม เป็นส่วนสูง น้ำหนักที่ลงตัวมาก

 

ทอม เบรดี้ (Tom Brady) วัย 44 ปี ยอดนักอเมริกันฟุตบอล NFL ตำแหน่งควอเตอร์แบ็กที่เพิ่งย้ายมาเล่นให้กับทีมแทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส (Tampa Bay Buccaneers) เมื่อปี 2020 หลังจากเล่นให้กับทีมนิวอิงแลนด์ เพทริออทส์ (New England Patriots) ยาวนานถึง 20 ปี ตั้งแต่ปี 2000-2019 นำทีมได้แชมป์ซูเปอร์ โบลว์ (Super Bowl) ถึง 7 สมัย ก็เคยเป็นเด็กอ้วนมาก่อน และก็ไม่ได้เป็นนักอเมริกันฟุตบอลที่โดดเด่นมากสมัยเป็นนักเรียน

โดยโค้ชฟุตบอลชื่อ ทอม แม็กเคนซี่ (Tom MacKenzie) ซึ่งเป็นโค้ชของทอม เบรดี้ สมัยเป็นนักเรียนและเล่นให้กับทีมไฮสกูล เล่าว่า ครั้งแรกที่เห็นทอม เบรดี้ เล่นอเมริกันฟุตบอล ทอม เบรดี้ เชื่องช้ามาก และเป็นเด็กจ้ำม่ำ ไขมันค่อนข้างเยอะ

แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ย่อท้อ ทอม เบรดี้ จากเด็กอ้วนก็กลายเป็นยอดควอเตอร์แบ็ก ที่ได้แชมป์ซูเปอร์ โบลว์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์

ดังนั้น ขอให้เด็กทุกคนที่หุ่นไม่ให้ แต่ใจรัก จงรักษาความฝันเอาไว้ แล้วไปให้ถึงฝัน