เรื่องราวของอลิซาเบธ แอนน์ ‘ตีนดำ’/ทะลุกรอบ ป๋วย อุ่นใจ

ดร. ป๋วย อุ่นใจ

ทะลุกรอบ

ป๋วย อุ่นใจ

 

เรื่องราวของอลิซาเบธ แอนน์ ‘ตีนดำ’

 

ราวๆ ตีสามของวันที่ 26 กันยายน 1981 จอห์น ฮอกก์ (John Hogg) เจ้าของฟาร์มวัวในมีตทีตส์ ไวโอมิง (Meeteetse, Wyoming) และภรรยาของเขา ลูไซล์ (Lucille) สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเสียงเห่ากระโชกของเชป (Shep) สุนัขคู่ใจที่พวกเขาเลี้ยงไว้

“ผมเดาว่าเชปน่าจะเจอกับเม่น ก็เลยกลับไปนอน” ฮอกก์กล่าว และในตอนเช้า หลังจากที่เดินสำรวจฟาร์ม เขาได้พบกับต้นตอที่ทำให้เชปคลั่งในตอนเช้ามืด ผู้บุกรุกถูกเชปจัดการเสียจนหลังหัก มันเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ หลังยาวๆ หน้าตาแนวๆ ตัวมิ้งก์ หน้าตามอมแมม เหมือนสวมหน้ากากดำ ขาและปลายหางก็มีแต้มดำ

ฮอกก์หยิบซากของเจ้าสัตว์น้อยไปให้ลูไซล์ดู ก่อนที่จะเขวี้ยงมันข้ามรั้วทิ้งออกไปทางหน้าบ้าน แต่ลูไซล์มีแผนอื่นกับซากสัตว์ตัวน้อย เธอขอให้ฮอกก์ออกไปเก็บซากมันกลับมาอีกที

เธออยากจะสตัฟฟ์มันไว้ดูเล่น

“ผมสตัฟฟ์มันไม่ได้ เจ้านี่เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ มันคือเพียงพอนตีนดำ (black-footed ferret หรือ BFF)” นักสตัฟฟ์สัตว์บอกลูไซล์ ก่อนที่จะโทร.แจ้ง จนท.ของรัฐไวโอมิง และสำนักงานจัดการสัตว์ป่าและปลาแห่งสหรัฐ (US Fish and Wildlife service) ว่าพวกเขาได้พบสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์

ที่จริง แม้จะมีความพยายามเพื่อสำรวจตามหาเพียงพอนตีนดำกันอย่างมากมายเพื่อการอนุรักษ์ แต่หลังจากปี 1978 ก็ไม่มีใครเคยได้เห็นพวกมันอีกเลยในธรรมชาติ เพียงพอนตีนดำนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

“เช้าวันนั้น เจ้าตัวนี้มันมากินเศษเหลือจากชามข้าวของเชป เชปมันเลยกัดเอา” ฮอกก์บอก ที่จริงต้องบอกว่าเป็นโชคร้ายของเพียงพอนน้อย

แต่อาจจะเป็นโชคดีของเผ่าพันธุ์ของพวกมัน เพราะหลังจากวันนั้น ก็เกิดกระแสคลั่งเฟอร์เร็ตในมีตทีตส์

ภาพอลิซาเบธ แอนน์ เพียงพอนตีนดำโคลนตัวแรกของโลก ภาพโดย USFWS

ปั๊มน้ำมันในเมืองเริ่มทำเสื้อยืดลาย BFF ขาย ตามด้วยโปสการ์ด

ตัวลูไซล์เองก็ตัดสินใจเพิ่มเมนูนักเก็ต เฟอร์เร็ตในคาเฟ่ของเธอ ซึ่งเป็นเมนูขายดีในเวลาต่อมา “ที่จริงมันคือนักเก็ตไก่” เธอบอก

แม้แต่ทีมซอฟต์บอลหญิงของเมืองก็ถูกตั้งชื่อว่าทีมเฟอร์เร็ตตส์ (Ferrettes) และในส่วนของการอนุรักษ์ มีการก่อตั้งคณะที่ปรึกษาเพื่อทำงานอนุรักษ์เพียงพอนตีนดำ (black-footed ferrets advisory team) ขึ้นมาเพื่อสำรวจและเริ่มแคมเปญเพื่อการอนุรักษ์ พวกเขาลงสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด

ถือเป็นข่าวดี ดูเหมือนว่าเพียงพอนตีนดำฝูงสุดท้ายที่พวกเขาได้พบเจอนั้น กำลังพยายามปรับตัวเพื่อการอยู่รอด

ที่สำคัญ ในแถบนี้ น่าจะมีประชากรเพียงพอนตีนดำอยู่มากถึงหลักร้อยตัว ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่

เดวิด เบลิตสกี้ (David Belitsky) นักชีววิทยาประจำทีมอนุรักษ์ BFF เผยว่าในช่วงยุค 50 ตอนที่ประชากรแพรรี่ด๊อก ที่เป็นอาหารอันโอชะของพวก BFF นั้นลดจำนวนลงจนถึงขั้นวิกฤต ประชากรเพียงพอนตีนดำก็ค่อยๆ ลดหายไปด้วยเช่นกันจนแทบไม่เหลือ

พอถึงช่วงปลายยุค 60 ประชากรเพียงพอนตีนดำก็แทบหาไม่ได้แล้วในสหรัฐ มีพบเหลืออยู่บ้างก็แค่ในฟาร์มแถบๆ เซาธ์ดาโกตา (South Dakota)

เพียงพอนตีนดำจากเซาธ์ดาโกตานี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มที่จะเข้าใจชีววิทยาของพวกมันมากขึ้น แต่ในไม่กี่ปีต่อมา เผ่าพันธุ์ของพวกมันก็หายไปอย่างเป็นปริศนา (ไม่เหลือสักตัว)

นี่เป็นเหมือนโอกาสที่สอง ที่ให้พวกเราได้ช่วยอนุรักษ์เผ่าพันธุ์ของเพื่อนร่วมโลกชนิดนี้ให้คงอยู่

พวกนักวิทยาศาสตร์เริ่มติดตามศึกษาพวกมันอีกครั้ง และไม่กี่ปีหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ เมื่อประชากรของ BFF ในมีตทีตส์เริ่มลดลงอย่างฮวบฮาบ

พวกเขาจึงตัดสินใจริเริ่มโครงการผสมพันธุ์เพียงพอนตีนดำ (black-footed ferret breeding program) ขึ้นมา

แต่ก่อนอื่น พวกเขาต้องหาวิธีรไล่จับเพียงพอนตีนดำมาให้ได้เสียก่อน

เพียงพอนตีนดำกำลังล่าแพรรี่ด๊อก ภาพโดย USFWS

“การจับเพียงพอนตีนดำนั้นไม่ได้ยากอะไร ก็แค่ใส่กับดักรูปท่อที่เข้าออกได้ทางเดียวเข้าไปในรูแพรรี่ด๊อกก็แค่นั้น โดยปกติแล้วเพียงพอนจะวิ่งเข้าไปในกรงเองเลย” เบลิตสกี้กล่าว

แม้จะดูเหมือนง่าย แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจับเพียงพอนตีนดำจากมีตทีตส์ได้เพียงแค่ 18 ตัว และที่เจ็บปวดกว่านั้นคือหลังจากที่พยายามกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูพวกมันเป็นอย่างดี มีแค่ 7 ตัวที่รอด และเริ่มผสมพันธุ์ให้ลูกหลานรุ่นต่อๆ มา

แม้จะเลี้ยงรอดน้อยกว่าครึ่ง แต่ก็ต้องถือว่าโครงการนี้ประสบผลสำเร็จอย่างมหาศาล เพราะในเวลานี้ ประชากรเพียงพอนตีนดำในสหรัฐอเมริกานั้นได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลักหลายหมื่นตัว

บางตัวก็ได้ถูกปล่อยกลับเข้าไปในธรรมชาติบ้างแล้ว ทำให้หลายๆ คนเริ่มคลายความวิตกลงไปว่าพวกมันคงจะไม่สูญพันธุ์ไปจากโลก อย่างน้อยตราบใดที่ยังมีโครงการคอยดูแลพวกมันอยู่

แต่อย่าลืมว่าเหล่า BFF นับหมื่นที่ผสมพันธุ์ออกมาจากโครงการนี้นั้น มีต้นกำเนิดมาจากเพียงพอนตั้งต้นแค่ 7 ตัว แถม 7 ตัวที่ว่ายังมาจากแถบเดียวกันอีก ผสมกันไป ผสมกันมา ซ้ำไป ซ้ำมา จนเกิดปัญหาเลือดชิด พวกมันอ่อนแอและเสี่ยงต่อโรคร้ายในแบบเดียวกัน นี่คือคอขวดของการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์

ความท้าทายที่ต้องเอาชนะให้ได้ ก็คือปัญหาเรื่องความหลากหลายทางพันธุกรรม (เพราะพ่อแม่มีแค่ไม่กี่คู่)

 

“การศึกษาทางพันธุกรรมพบว่าพวกมันเกี่ยวโยงกันใกล้ชิดทางสายเลือด เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หรือไม่ก็ยายกับหลาน ภาวะเลือดชิดแบบนี้ทำให้มีการสะสมการกลายพันธุ์ที่เป็นอันตรายได้ บางตัวก็มีความผิดปกติให้เห็นแล้ว อย่างเช่น หางงอ หรือกระดูกสันอกบิดเบี้ยวผิดรูป” เคลาส์ ปีเตอร์ โคเอปฟลี (Klaus-Peter Koepfli) นักพันธุศาสตร์จากสำนักอนุรักษ์สมิธโซเนียน เมสัน (Smithsonian Mason School of Conservation) กล่าว

นี่คือปัญหา เพราะในกลุ่มสัตว์ที่มีภาวะเลือดชิดแบบนี้ เพียงแค่โรคระบาดร้ายๆ เพียงระลอกเดียวก็พอแล้วจะกวาดล้างพวกมันจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปได้ ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจากสำนักงานจัดการสัตว์ป่าและปลาแห่งสหรัฐจึงได้พยายามทุกวิถีทางที่จะหาวิธีเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมให้กับประชากร BFF

พีต โกเบอร์ (Pete Gober) ผู้ประสานงานโครงการฟื้นชีพ BFF ของสำนักงานจัดการสัตว์ป่าและปลาแห่งสหรัฐ เผยว่าพวกเขาถึงขนาดสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อช่วยจับคู่ให้เพียงพอนทั้งหลายตามประวัติบรรพบุรุษ เพื่อที่จะช่วยลดปัญหาเลือดชิดให้เบาบางที่สุด หรือแม้แต่ย้อนไปขุดเอาอสุจิเพียงพอนสองตัว ชื่อ หน้าบาก (Scarface) กับร็อกกี้ (Rocky) ที่แช่แข็งเก็บเอาไว้ตั้งแต่ช่วงยุค 90 มาผสมเทียมเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมให้ประชากร BFF

แต่ถึงกระนั้นความพยายามของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาเลือดชิดของประชากร BFF ให้หมดไปได้ ทางเดียวคือต้องมีเพียงพอนตีนดำตัวอื่นๆ ที่มีพันธุกรรมแตกต่างออกไปมาร่วมในโครงการด้วย

ถ้าจะให้ดีคือต้องเป็นเพียงพอนที่ไม่ได้เกิดมาจากเจ้า 7 ตัวแรกในตำนาน

 

บางทีการเจอคนใหม่ๆ ในงานประชุมต่างๆ ก็มีประโยชน์ ในกรณีของ BFF ก็เช่นกัน

แจ๊กพ็อตว่าในปี 1987 ทอม ทอร์น (Tom Thorn) สัตวแพทย์ของสำนักงานสัตว์ป่าของรัฐไวโอมิง ได้พบกับโอลิเวอร์ ไรเดอร์ (Oliver Ryder) นักชีววิทยา หนึ่งในกลุ่มผู้บุกเบิกโครงการสวนสัตว์แช่แข็งซานดิเอโก (San Diego Frozen Zoo) ในงานประชุมวิชาการเกี่ยวกับชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ที่มอนทานา

สวนสัตว์แช่แข็งซานดิเอโก คือโครงการเก็บรักษาสารพันธุกรรมและเนื้อเยื่อจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหายากสารพัดชนิดโดยการแช่แข็งไว้ที่อุณหภูมิเย็นจัดในไนโตรเจนเหลว เผื่อว่าสักวันเทคโนโลยีชีวภาพยุคใหม่จะช่วยฟื้นชีพพวกมันให้กลับมาโลดแล่นบนพื้นพิภพได้อีกครั้ง

มาจากไวโอมิง พอรู้ว่าโอลิเวอร์กำลังหาตัวอย่างสัตว์หายากไปเก็บรักษาในสวนสัตว์แช่แข็ง ทอมก็เลยเล่าเกี่ยวกับตำนานแห่งเพียงพอนตีนดำของรัฐไวโอมิงให้โอลิเวอร์ฟัง พร้อมทั้งเสนอตัวจะช่วยส่งตัวอย่างเนื้อเยื่อ BFF ไปให้โอลิเวอร์ด้วย

เขาส่งตัวอย่างเนื้อเยื่อเพียงพอนตีนดำที่ตายไปในช่วงนั้น (ยุคปลาย 80) ไปให้โอลิเวอร์หลายครั้ง และในที่สุด ในสวนสัตว์แช่แข็งซานดิเอโกก็มีตัวอย่างเซลล์ของเพียงพอนตีนดำทั้งตัวผู้และตัวเมียเก็บเอาไว้ในสต๊อก

เนื้อเยื่อของเพียงพอนตัวผู้ถูกเก็บไว้ในชื่อสตัดบุ๊ก#2 (Studbook#2) ส่วนของตัวเมียนั้นเป็นเนื้อเยื่อผิวหนังมาจาก BFF ชื่อวิลลา (Willa)

 

จุดพลิกผันของวงการชีววิทยาเกิดขึ้นในปี 1995 เมื่อเอียน วิลมุต (Ian Wilmut) นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ (University of Edinburgh) ได้คิดค้นวิธีการสร้างสัตว์โคลนขึ้นมา การถือกำเนิดขึ้นของแกะดอลลี่ (Dolly the sheep) ได้เปิดศักราชใหม่ของการอนุรักษ์สายพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ มากมาย

เทคโนโลยีการโคลนนิ่งนั้นถูกเอาไปใช้อย่างแพร่หลายเพื่อสร้างสัตว์พันธุ์ดีในวงการปศุสัตว์ทั่วโลก วัวโคลน แมวโคลน หมาโคลน อูฐโคลน ถูกสร้างขึ้นมามากมาย รวมทั้งสัตว์หายากอย่างวัวแดง กระทิง แกะป่ามูฟลอน (Mouflon) แต่การจะโคลนสัตว์ขึ้นมาจากตัวอย่างที่แช่แข็งมานานเกือบสี่ทศวรรษนั้น ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก

และในปี 2008 ก็มีอีกข่าวใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โทรุฮิโกะ วาคายามา (Toruhiko Wakayama) และทีมวิจัยจากสถาบันวิจัย RIKEN ได้สร้างหนูโคลนขึ้นมาจากซากหนูที่เก็บลืมอยู่ในช่องฟรีซมาแล้ว 16 ปีได้เป็นผลสำเร็จ

วาคายามาเผยว่างานของเขาทำขึ้นเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าความหวังที่จะฟื้นชีพสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วจากซากที่ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งขั้วโลก (permafrost) นั้น มีโอกาสเป็นจริงได้ “มันจะเป็นงานที่ยากมหาหิน แต่งานวิจัยของเราพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวคิดเช่นนี้ไม่ได้เป็นแค่แนวคิดในนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น” เขาให้สัมภาษณ์

งานสุดแหวกแนวของวาคายามาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ หลายคนเริ่มมองถึงความเป็นไปได้ที่จะรื้อฟื้นเผ่าพันธุ์สัตว์โบราณสุดอลังการอย่างแมมมอธ และเสือทัสมาเนียขึ้นมาอีกครั้ง

และได้ทำให้หลายคนเริ่มมองเห็นความสำคัญของการแช่แข็งเพื่อเก็บข้อมูลทางพันธุกรรมของสัตว์หายากเอาไว้เผื่อการฟื้นเผ่าพันธุ์ในอนาคต

 

เมื่อเห็นแสงที่ปลายทาง นี่คือโอกาสแห่งการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ BFF พวกนักวิจัยตัดสินใจร่วมมือกับบริษัทพัฒนาพันธุ์เฟอร์เร็ตทางการค้า และบริษัทที่เชี่ยวชาญในการสร้างสัตว์โคลน Viagen pet เพื่อโคลน “วิลลา” เพียงพอนตีนดำจากเซลล์ที่เก็บไว้ในสวนสัตว์แช่แข็งซานดิเอโก

พวกเขาฝังตัวอ่อนโคลนเข้าไปในครรภ์ของเฟอร์เร็ตบ้านสามตัว ก่อนที่จะส่งพวกมันไปที่ศูนย์อนุรักษ์เพียงพอนตีนดำแห่งชาติในโคโลราโด แม้จะมีเหตุการณ์ขลุกขลักไม่คาดฝันอยู่บ้าง แต่ในที่สุด พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ อลิซาเบธ แอนน์ (Alizabeth Ann) ตัวโคลนของวิลลา ถือกำเนิดขึ้นมาดูโลกในเดือนธันวาคม 2020

ในตอนนี้ อลิซาเบธ แอนน์ ได้เติบโตขึ้นมาเป็นเพียงพอนสาวรุ่นเอ๊าะๆ ที่ทั้งร่าเริง และแข็งแรง เธอชอบล่าหนูแฮมสเตอร์ ฉีกถุงกระดาษเป็นชิ้นๆ และชอบที่จะขู่คนเลี้ยงเวลาที่เธอไม่พอใจ

งานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 1 ขวบปีของเธอเพิ่งจะถูกจัดขึ้นแบบออนไลน์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อลิซาเบธ แอนน์ ดูมีความสุขกับของขวัญที่เธอได้รับ และเค้กสองชั้นทำจากอาหารสุนัขและเนื้อสับประดับประดาไปด้วยซากหนู และเนื้อแพรรี่ด๊อก!

ทีมอนุรักษ์เพียงพอนตีนดำเผยว่าพวกเขาวางแผนที่จะหาคู่ให้เธอในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2022 ที่จะถึงนี้…

 

พันธุกรรมของวิลลา BFF ที่ตายไปตั้งแต่ 1988 มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับ 7 เพียงพอนผู้บุกเบิกที่อยู่ในตัวของอลิซาเบธ แอนน์ จะช่วยเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมให้ประชากร BFF และน่าจะลดคอขวดทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดภาวะเลือดชิดของเผ่าพันธุ์ BFF ลงไปได้

ในเวลานี้ นักวิจัยไม่ได้ใช้แค่โปรแกรมหาคู่ แต่ยังเอาพฤติกรรมชายหนุ่มตีนดำทุกตัวในสหรัฐและแคนาดามาพิจารณาดูอย่างละเอียดว่าตัวใดที่ควรจะได้ตั๋วเครื่องบินไปโคโลราโดเพื่อจะมีโอกาสได้ออกเดตกับว่าที่เจ้าสาวสุดพิเศษที่เป็นความหวังของเผ่าพันธุ์ตัวนี้

“ทุกอย่างเกี่ยวกับอลิซาเบธ แอนน์ นั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าการช่วยฟื้นชีพเผ่าพันธุ์เพียงพอน (ตีนดำ) และยิ่งใหญ่กว่านวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง แต่คือบทพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีชีวภาพจะกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลักที่สำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางธรรมชาติ” เบน โนวัก (Ben Novak) หัวหน้าโครงการฟื้นชีพเพียงพอนตีนดำกล่าว

เพราะการอยู่อย่างยั่งยืนบนโลกใบนี้ คงไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สายพันธุ์มนุษย์ และบางที BFF อาจจะไม่ได้หมายถึงแค่เพียงพอนตีนดำ!