เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 /สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
————————-
ไม่ปกติ-Abnormal
————————–
นวนิยายการเมืองคลาสสิคระดับโลกอย่าง แอนิมอล ฟาร์ม (Animal Farm) ของ จอร์จ ออร์เวลล์(George Orwell )
มักจะถูกยกเป็นกรณีเปรียบเทียบเสมอ เวลาที่พูดถึงการแย่งชิงอำนาจกัน
ด้วยแม้ จะจำกัดขอบเขตเฉพาะ”ฟาร์ม” แต่มันเป็นตัวอย่างที่สะท้อนภาพโดยรวมแห่งเส้นทางแสวงหาอำนาจที่มากด้วยเล่ห์เพทุบายอย่างถึงแก่น
แน่นอน อาจจะรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยในตอนนี้ด้วย
ซึ่งถ้าจะให้แคบเข้าก็อาจโฟกัสไปที่การเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร สงขลา และอาจรวมถึงกทม.ด้วย
โดยที่โยงได้ตรงๆซื่อๆ ให้มีกลิ่นอาย”ฟาร์ม”หน่อย ก็คือ มีกรณี หมู ไก่ ไข่ เข้าไปเกี่ยวข้อง
ด้วยมีการหยิบเรื่อง หมู ไก่ ไข่ ราคาแพงในตอนนี้ เข้าไปเป็นประเด็นแย่งอำนาจผ่านการช่วงชิงเก้าอี้ส.ส.
ทำให้ ฟาร์มปกติๆ กลายเป็นAbnormal Farm หรือ ฟาร์มไม่ปกติ ขึ้นมา
ไม่ปกติ เนื่องจาก ผู้ที่หยิบประเด็นนี้มาห้ำหั่นกันนั้นเป็นพวก(รัฐบาล)เดียวกัน ซึ่งโดยปกติของพวกเดียวกัน แม้จะมีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ก็มักจะไปตามเกม ไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายกันเท่าใดนัก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น พวกกันเอง คือ พรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดศึกกันแบบให้ตายไปข้างหนึ่ง
มีอะไรทิ่งแทงกันได้ ก็ทิ่มแทง
ตั้งแต่ ความจน ความรวย ไปจนถึงการกล่าวหาเรื่องใช้กลไก อำนาจรัฐ ทหาร เข้ามาแทรกแซง รวมถึงกระทั่งกล่าวหา”ปล้นชิง”ผลงานซึ่งกันและกัน
จนทำให้ มีการตั้งคำถามว่า หลังศึกเลือกตั้งซึ่งเป็นเพียงแค่เลือกตั้งซ่อมแต่ก็ซัดกันหนักขนาดนี้ จะนั่งทำงานกันต่อไปอย่างไร
แน่นอนว่า เราอาจไม่ได้เห็นภาพรุนแรงถึงขนาดวงแตก มีพรรคถอนตัวออกจากรัฐบาล
แต่ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความยะเยือก ของ “สงครามเย็น”ในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล ที่แต่ละพรรคจะขับเคลื่อนไปแบบเอกเทศ
ที่หวังจะให้เป็น”ทีม” หรือ ร่วมไม้ร่วมมือกันทำงาน น่าจะยาก
ยิ่ง”อายุ”ของรัฐบาล รวมถึง อายุของผู้นำรัฐบาล (ที่กำลังจะมีการตีความ ในกรณีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีเมื่อใด) มาถึงห้วงท้ายแล้ว
ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนสูงในทางการเมือง
ตรงนี้ ยิ่งกดดันให้พรรคร่วมรัฐบาล ต่างยิ่งต้องทำเพื่อพรรคตนเองมากขึ้น อะไรที่เป็นประโยชน์ได้ ก็รีบช่วงชิงมา ส่วนอะไรที่เป็นลบต่อพรรคการเมืองอื่น ก็พร้อมจะขยายผล หรือขยายแผล ให้ใหญ่ขึ้น
ทำให้ รัฐนาวาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างพาย
และเริ่มมองหา”ฝั่ง”หรือจุดหมายใหม่
เพราะไม่เพียง สงครามเย็นภายในเท่านั้น
สงครามร้อนภายนอก ทั้งจากโรคระบาด ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง ก็พร้อมจะแปรเป็นไต้ฝุ่นถล่มเข้าใส่รัฐนาวา ให้”ล่ม”ได้
นี่จึงทำให้ บรรยากาศ”สละเรือ”พุ่งขึ้นสูง
ซึ่งน่าห่วง เพราะมิใช่เพียงรัฐบาลจะไร้เสถียรภาพเท่านั้น แต่นับจากนี้ อีกหลายเดือน หรือนานไปเป็นปี การทำงานของรัฐบาลจะอยู่ในภาวะ”ไม่ปกติ” อย่างยืดเยื้อ
ปัญหาที่ชาวบ้านเผชิญอย่างหนัก ในระดับ “วิกฤต” ที่ควรจะได้รับการแก้ไข ก็จะไม่ได้แก้
แถมจะยังเพิ่มให้วิกฤตหนักขึ้นไปอีก
เป็นเวรเป็นกรรมของชาวบ้าน ที่แทบจะไม่มีทางเลือก ในห้วง”ไม่ปกติ”นี้