ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | โฟกัสพระเครื่อง |
เผยแพร่ |
โฟกัสพระเครื่อง
โคมคำ
ต้นตำรับ ‘เหรียญเต่า’ หลวงพ่อย่น วัดบ้านฆ้อง
พระเกจิชื่อดังโพธาราม
“พระครูพิพิธธรรมาภิรม” หรือ “หลวงพ่อย่น ฐิตปัญโญ” อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านฆ้อง ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พระเกจิชื่อดัง ต้นตำรับเหรียญเต่า แห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
ด้านวัตถุมงคลมีทั้งเหรียญ, เหรียญพระนาคปรก ล็อกเกต ฯลฯ แต่ที่สร้างชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุด คือ “เหรียญเต่า”
กล่าวได้ว่า หลวงพ่อหลิว ปัณณโก วัดไร่แตงทอง มีวัตถุมงคลที่สร้างชื่อเสียงและได้รับการยอมรับคือ พญาเต่าเรือน
เคยฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาการสร้างวัตถุมงคลเต่ามาจากหลวงพ่อย่น วัดบ้านฆ้อง นั่นเอง
ดังนั้น เหรียญเต่าหลวงพ่อย่น รุ่นแรก จึงได้รับความนิยม นำไปคล้องติดคออย่างแพร่หลาย
รุ่นนี้สร้างในปี พ.ศ.2496 ด้วยเนื้อโลหะทองเหลือง โดยสร้างเป็นลักษณะคล้ายเหรียญรูปล่างคล้ายเต่า แบบมีหูในตัว โดยการให้การปั๊มตัดขอบ โดยตัวเหรียญจะมีความนูนและหนา แบ่งออกเป็น 2 บล็อก คือบล็อกหน้ายักษ์ และบล็อกหน้านาง
จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุไว้
ด้านหน้า มีรูปจำลองพระพุทธรูปปางสมาธิ ห่มจีวรพาดผ้าสังฆาฏิ ประทับบนฐานบัว ด้านข้างองค์พระมีอักขระยันต์ 4 ตัว อ่านได้ว่า “นา สัง สิ โม” ตัวสิ ไม่มีสระอิ
ด้านหลัง มีอักขระยันต์ นะ มะ พะ ทะ ตรงกลางมียันต์ “อุ”
ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น หลวงพ่อย่นจึงให้ช่างแกะบล็อกใหม่ สร้างด้วยเนื้อโลหะทองเหลือง สร้างเป็นเหรียญเต่ารุ่นที่ 2 ลักษณะเป็นเหรียญรูปร่างคล้ายเต่า แบบมีหูในตัว โดยการให้การปั๊มตัดขอบคล้ายรุ่นแรก แต่จะมีขนาดเล็กกว่าและบางกว่าเหรียญเต่ารุ่นแรกเป็นอย่างมาก ส่วนจำนวนการสร้างไม่ได้มีการระบุไว้
ปัจจุบันนับเป็นที่นิยมและหายาก
สําหรับอัตโนประวัติ เกิดเมื่อวันพุธที่ 18 เมษายน2431 ที่บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เล่าเรียนศึกษาที่วัดในหมู่บ้าน จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นบวชเป็นสามเณรศึกษาเล่าเรียนที่วัดบ้านฆ้องได้ 3 ปีเศษ
อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันศุกร์ ปี พ.ศ.2451 อยู่ในปกครองพระอธิการปัด วัดบ้านฆ้อง ปฏิบัติศึกษาเล่าเรียนตามกิจ ลงอุโบสถ สวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นนิจมิได้ขาด จนสามารถขึ้นสวดพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาแรก
พรรษาที่ 2 มีความรู้เรื่องงานช่างไม้ ช่วยพระอาจารย์สร้างโบสถ์ ทำใบฎีกา ช่อฟ้า ทำด้วยตนเองไม่ต้องจ้างช่าง
พรรษาที่ 3 เล่าเรียนภาษาขอม แปลและอธิบายพระปาฏิโมกข์ แล้วก็ได้จารเขียนหนังสือเป็นตัวขอมโบราณ หนังสือเจ็ดตำนาน และหนังสือพระปาฏิโมกข์ เขียนด้วยมือของหลวงพ่อเอง สร้างไว้ในพระพุทธศาสนา
พรรษาที่ 4 กราบลาพระอาจารย์ออกธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมยังสถานที่อื่นๆ เดินทางมาอยู่ที่วัดสระสี่เหลี่ยม อ.สามแก้ว จ.นครปฐม (ปัจจุบันคือ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม) ศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่ 2 ปี
พ.ศ.2457 กราบลาเจ้าอาวาสวัดสระสี่เหลี่ยม ออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมยังสถานที่อื่นๆ เดินทางขึ้นไปทางเหนือ แวะพำนักพักอาศัยอยู่ที่วัดสมอบท บ้านเสี้ยน แขวงเมืองชัยนาท (ปัจจุบันวัดสมอบทแห่งนี้เป็นโบราณสถานอยู่ในตำบลหนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท) เป็นวัดร้างอยู่ในพื้นที่ป่าทุรกันดาร
แวะพักอาศัยอยู่ พวกชาวบ้านทั้งหลายต่างพร้อมใจนิมนต์ให้เป็นสมภารที่วัดสมอบท
รับปกครองพระอารามเป็นเวลา 4 ปีบริบูรณ์
พ.ศ.2461 เดินทางกลับมาอยู่ที่วัดบ้านฆ้อง อยู่ในการปกครองของพระอธิการชื่น เจ้าคณะตำบลบ้านฆ้อง ช่วยปฏิสังขรณ์กุฏิสงฆ์ แต่ก็มีผู้นิมนต์ให้ไปจำพรรษาเป็นสมภารปกครองที่วัดแห่งอื่นอีก
กระทั่งในปี พ.ศ.2469 พระอธิการชื่นมรณภาพ จึงรับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฆ้องตั้งแต่นั้นมา อยู่ในการปกครองของเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีวัดที่ขึ้นอยู่ในการปกครองทั้งหมด 6 วัด มีโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม มีครูสอนอยู่ในวัดทุกปีมิได้ขาด ปฏิบัติสวดมนต์อยู่เป็นนิจ มีอุบาสก-อุบาสิกา รักษาศีลอุโบสถในพรรรษาทุกปี
พ.ศ.2472 ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านฆ้อง
สร้างหอระฆังขึ้นอีก 1 หลัง เป็นแบบอิฐและปูน สร้างด้วยมือของตนเอง ร่วมมือร่วมใจกับญาติโยมสร้างขึ้นมาจนสำเร็จ
พ.ศ.2476 พร้อมใจกับชาวบ้านช่วยกันเฉลี่ยทรัพย์กันตามศรัทธาร่วมสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นอีก 1 หลัง เป็นแบบมุงกระเบื้อง
พ.ศ.2483 สร้างโรงเรียนสอนเด็กขึ้นมาอีก 1 หลัง แต่ยังไม่ได้ทาสี เนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลก ข้าวของหายาก ก็สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2484
พ.ศ.2485 ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2497 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ พระครูพิพิธธรรมาภิรม
ในปี พ.ศ.2506 อนุสรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่สำคัญที่หลวงพ่อที่ได้สร้างไว้ คือ ได้สร้างโรงเรียนวัดบ้านฆ้องขึ้น (ปัจจุบันคือ วิทยาลัยเทคนิคโพธาราม) ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2506 ปัจจุบันยังคงเปิดให้มีการเรียนการสอนอยู่
มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2509
สิริอายุ 78 ปี พรรษา 57