E-DUANG : กลยุทธ์ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กระบวนท่า ธรรมนัส พรหมเผ่า

หากติดตามการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ กับ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็จะสัมผัสได้ในความย้อนแย้ง

เหมือนกับจะเป็นการเดินคนละเส้นทาง แต่ในที่สุดก็บรรลุไปยังเป้าหมายเดียวกัน

เข้าทำนองกระบวนท่าที่ว่า “แยกกันเดิน” และ”รวมกันเข้าตี”

สถานการณ์นับแต่ก่อนและหลังปฏิบัติการ”8 กันยายน”อันนำไปสู่การใช้อำนาจมาตรา 171 ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแสดงออกอย่างเด่นชัด

ด้านหนึ่ง เป็นการปลดโดยอำนาจในสถานะแห่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความหวังลึกๆที่จะส่งผลต่อตำ แหน่งเลขาธิการภายในพรรคพลังประชารัฐด้วย

ด้านหนึ่ง บทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจับตา

น่าจับตาตรงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยอมรับต่อคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากตำแหน่ง

แต่ก็ยืนยันให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังเป็นเลขาธิการพรรค

 

เมื่อเดินทางไปช่วยหาเสียงไม่ว่าในพื้นที่ เขต 1 ชุมพร ไม่ว่าในพื้นที่ เขต 6 สงขลา ภาพของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะมีภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่เรียงเคียงข้างเสมอ

เช่นเดียวกับ เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นปราศรัยก็จะติดตามมาด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

กระนั้น เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศคุณสมบัติของนัก การเมืองจากพรรคพลังประชารัฐว่าจะต้อง”เป็นคนมีกะตังค์”พร้อมกับทำท่าพร้อมควักเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชน

อันทำให้เกิดการตีความว่าพรรคพลังประชารัฐแนบแน่นกับคนมีกะตังค์และชวนให้เข้าใจว่าอาจมีการซื้อเสียง แต่เมื่อมีคนถามขึ้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยืนยัน”เราไม่เคยซื้อเสียง”

 

บทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงเป็นบทบาทของนักการเมืองน้ำดี เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ ไม่ยอมให้พรรคพลังประชารัฐต้องแปดเปื้อน

แม้คำปราศรัยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะล่อแหลมยิ่ง

กระนั้น เมื่อผ่านการปรับแต่งจากความจัดเจนระดับ พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ ก็พร้อมที่จะปกป้อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

ปกป้องมิให้พรรคพลังประชารัฐต้องเปรอะกับมลทินมัวหมอง