‘หวยแพง’ มหากาพย์หมักหมม ฝากความหวัง สนง.สลากฯ แก้ตรงจุด!!/เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจ

 

‘หวยแพง’

มหากาพย์หมักหมม

ฝากความหวัง สนง.สลากฯ แก้ตรงจุด!!

 

คาราคาซังมานานหลายปีกับปัญหาหวยแพง เดินไปตามท้องตลาดคงเห็นผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล มักติดป้ายราคาไม่ต่ำกว่าใบละ 100 บาท ขณะที่บนสลากกำกับราคาใบละ 80 บาทเท่านั้น!!

แรงกระแทกจากราคาสลากที่แพงเวอร์ ทำให้รัฐบาลพยายามแก้ไขหลากหลายวิธี โมเดลหนึ่งที่เป็นที่รู้จักของคอหวย ได้แก่ หวยบนดิน ในปี 2546 ยุคของรัฐบาลภายใต้ของอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ทำให้ปัญหาหวยแพงบรรเทาลงไปได้บ้าง

แต่เมื่อหมดยุคทักษิณ โครงการ “หวยบนดิน” ถูกล้มเลิกไป เหลือเพียงสลากกินแบ่งรัฐบาลเพียงอย่างเดียว และปัญหาหวยแพงจึงเริ่มกลับมาใหม่อีกครั้ง

ต่อมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดูแลปัญหานี้โดยเฉพาะ ตั้งแต่ปี 2550 โดยออกมาตรการการตั้งแต่เพิ่มจำนวนสลากเป็น 100 ล้านใบ การสร้างฐานข้อมูลผู้ค้าผ่านระบบการซื้อ-จองสลากล่วงหน้า การปรับสูตรการพิมพ์สลากเป็นแบบคละเลขเพื่อป้องกันการรวมชุด และการเปิดจุดขายสลาก 80 บาท ซึ่งแก้ไขปัญหาได้เพียงชั่วคราว เนื่องจากผู้ค้าส่งยังคงทำมาหากินกันได้ต่อไป ผู้ค้าใหม่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แถมเป็นผู้ค้ารายใหญ่ขายผ่านออนไลน์

ทางสำนักงานสลากฯ ยังคงได้รับการร้องเรียนปัญหาสลากเกินราคามาต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีผู้ร้องเรียนไปถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรด้วย ทำให้รัฐบาลหันมาสนใจอีกครั้ง

พร้อมมอบหมายให้สำนักงานสลากศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา

 

ในที่สุด เมื่อเดือนธันวาคม 2564 สำนักงานสลากฯ จึงกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาอย่างเป็นทางการ

ประกอบด้วย 3 แนวทางคือ

1. การขยายจุดขายสลาก 80 บาท ให้ครบ 1,000 จุดทั่วประเทศ

2. การรื้อระบบผู้ซื้อ-จองสลากล่วงหน้า เปิดให้ลงทะเบียนใหม่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ จำนวน 2 แสน

และ 3. การสร้างแพลตฟอร์มการขายสลากออนไลน์ โดยสำนักงานสลากฯ จะเป็นผู้ดูแลเองทั้งหมด และเปิดให้ผู้ค้าขายสลากบนแพลตฟอร์มนี้ได้ด้วยเช่นกัน

รวมทั้งในการแก้ไขปัญหาระยะยาว สำนักงานสลากฯ จะพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมทำประชาพิจารณ์ และต้องเสนอต่อกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติจึงจะดำเนินการได้

จากประเด็นนี้ มีความเห็นจากมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุว่า ปัจจุบันสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสินค้าทางการเมือง มีผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจว่าสำนักงานสลากฯ ไม่มีบารมีเพียงพอจะจัดการปัญหาต่างๆ ได้เต็มที่ โดยเฉพาะปัญหาสลากแพง ทำแค่ในขอบเขตอำนาจกฎหมายที่กำหนด

ดังนั้น รัฐบาลควรสนับสนุนอย่างจริงจัง เปิดโอกาสให้สำนักงานสลากฯ ใช้อำนาจในแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่

 

สําหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาหวยแพงนั้น พบว่า

ประเด็นที่หนึ่ง การเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ถือว่ามีน้ำหนักน้อยมาก เนื่องจากมีการขยายเพียงแค่ 1,000 จุดทั่วประเทศ หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ค้าสลากที่มีอยู่หลายแสนรายแล้วถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ขายและจำนวนสลากเอง ถือว่ายังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะมีอิทธิพลให้ราคาสลากในตลาดลดลงได้

และจำนวนจุดที่มีอยู่น้อย ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงยาก รวมถึงการจูงใจผู้ค้าอาจไม่เพียงพอที่จะชวนผู้ค้ามาเข้าร่วมโครงการนี้ แม้จะได้สลาก 25 เล่ม ขายในราคา 80 บาท แต่ถ้าทำแล้วได้กำไรน้อยกว่า การรับซื้อมาจากผู้ค้าส่งมาขายเกินราคา

ผู้ค้าก็เลือกเส้นทางเดิมมากกว่า

 

ประเด็นที่สองคือ การเปิดรับสมัครผู้ค้า 2 แสนคน ถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ค้าจริงทั้งหมดทั่วประเด็น ที่สำคัญสำนักงานสลากฯ ควรหาวิธีทำให้ผู้ค้าสลากเข้าสู่ระบบให้ได้ทั้งหมด โจทย์การแก้ปัญหาไม่ใช่เพียงให้ผู้ค้าลงทะเบียน แต่ควรเข้มงวด คัดกรองหาผู้ค้าตัวจริง และมีกระบวนการตรวจสอบให้ได้ข้อมูลว่าไม่เป็นบุคคลต้องห้าม เป็นข้าราชการ เป็นแรงงานในระบบประกันสังคม หรือไม่เป็นนอมินีของผู้ค้าส่ง ไม่เช่นนั้นเมื่อได้สลากไปจะไม่ได้ขายตรงต่อผู้บริโภคจริงเสียที

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ยังเปิดข้อมูลอีกว่า ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ไม่ได้เข้าไปจัดการกับสลากโควต้าการกุศล คิดเป็น 30% ของสลากทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสนำไปขายต่อให้ผู้ค้าส่งได้ ถ้าสำนักงานสลากฯ ไม่จัดการกับผู้ค้านอกระบบ ปล่อยให้ขายส่งได้ ปัญหานี้จะยังอยู่เหมือนเดิม เพราะคนที่อยากเริ่มต้นขายสลาก แต่ไม่มีโควต้าจะไปซื้อจากตลาดขายส่งมาเดินขาย เป็นวงจรที่วนซ้ำอยู่กับที่

ดังนั้น ทางแก้ไขเรื่องนี้คือ ต้องหาวิธีการทำให้มีผู้ค้าสลากระบบเดียวที่เป็นผู้ค้าของสำนักงานสลากฯ โดยตรง ถึงจะควบคุมได้ทั้งหมด หากทำไม่ได้ ปัญหาการควบคุมราคาจะยังคงอยู่เช่นนี้

 

ขณะที่ประเด็นสามคือ การขายสลากบนแพลตฟอร์มออนไลน์ สำนักงานสลากฯ ยังไม่มีแนวทางชัดเจนว่าจะมีผู้ค้าจำนวนเท่าไหร่เข้าสู่ระบบการขายออนไลน์ หลักคิดคล้ายกับจุดขายสลาก 80 บาท คือจำนวนผู้ค้าและจำนวนสลากถ้าไม่เยอะพอก็ไม่สามารถทำให้ราคาสลากในตลาดปรับลดได้ และอาจจะมีผู้ค้าเข้ามาขายน้อย เพราะการขายแบบเดิมยังคงทำกำไรได้มากกว่า

หากต้องการให้มาตรการนี้ได้ผลควรต้องมีผู้ค้าและสลากจำนวนมาก และมีการวางแผนที่ชัดเจนในการเคลื่อนย้ายผู้ค้าเข้าสู่แพลตฟอร์มให้ได้!!

ขณะที่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ชี้ว่า ต้องดูว่าสำนักงานสลากจะเลือกออกผลิตภัณฑ์แบบไหน และมีวัตถุประสงค์อย่างไร

เพราะต้องคำนึงถึง หลักการสำคัญเรื่องการพนันด้วย คือจะต้องไม่เป็นการก่อปัญหาเพิ่มมากขึ้น ไม่ให้มีผู้ติดการพนันมากขึ้น ต้องไม่เข้าถึงง่ายเกินไปจนเด็กและเยาวชนติดการพนัน

 

จากทั้งหมดจะเห็นว่า การแก้ไขปัญหาราคาสลากแพง อาจไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพียงแต่ต้องทำให้ผู้ค้าเข้าสู่ระบบได้ทั้งหมด น่าจะเป็นโจทย์สำคัญที่สุด

หากผู้ค้าเข้าสู่ระบบการขายแบบออนไลน์ เทคโนโลยีดิจิตอลที่ทรงพลังจะควบคุมการขายสลากราคา 80 บาท และยังตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขายได้ แม้สำนักงานสลากฯ จะขยับตัวช้าไปนิด

แต่ดีกว่าไม่ขยับทำอะไรเลยจนปัญหาหมักหมมรุนแรง เป็นมหากายพ์หวยพิสูจน์ฝีมือสำนักงานสลากฯ ไปจนถึงผู้นำประเทศ!!