ชัดเจนแบบ ‘ดิว อริสรา’ เรื่องที่ ‘ไม่เห็นจำเป็นต้องไปแคร์’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ชัดเจนแบบ ‘ดิว อริสรา’

เรื่องที่ ‘ไม่เห็นจำเป็นต้องไปแคร์’

 

“2ปีที่โควิดปิดหลายๆ อย่างไป ดิวอยู่กับตัวเองเยอะมาก ก็คิดอะไรได้เยอะ” ดิว-อริสนา ทองบริสุทธิ์ บอกอย่างนั้น แล้วก็ยิ้มเบาๆ ให้ ‘มติชนสุดสัปดาห์’

หนึ่งในนั้นนักแสดงสาวบอก ก็คือการ “นิ่งขึ้น”

จากนั้นยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่าอีกนิด แล้วก็ว่า “สังเกตพวกแสบๆ ตอนเด็กๆ ตอนโตจะสงบกันหมด พวกสงบๆ ตอนเด็กๆ พอโตขึ้นก็อยากจะแสบ อาจจะเป็นอย่างนั้น”

ดิวซึ่งคุยกับเราก่อนหน้าที่แฟนหนุ่มเซบาสเตียน ลี จะทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน บอกในวันนั้นว่า ณ วัย 31 ปี เธอกำลังมีความสุขกับการได้อิ่มเอมชีวิตของตัวเอง

“คือไม่ได้มีความสุขกับอะไรแบบชัดเจน แต่ได้ลิ้มรสคำว่าทำดีได้ดี ว่ามีอยู่จริง”

“รู้สึกว่าชีวิตมันกลมขึ้น คำว่ากลมขึ้นหมายความว่าทุกๆ อย่างมันชัด เรามีทุกๆ อย่างครบ ไม่ว่าจะเป็นอายุ ที่วัยของเราไม่ได้แก่เกินไป ครอบครัวก็โอเค ลงตัว เพื่อนก็ดี พี่น้องก็ดี อะไรอย่างนี้ รู้สึกว่าทุกๆ ด้านของเรามันกลมดี ก็แฮปปี้และอิ่มเอม”

กับ ‘ความเป็นดิว’ ในสายตาของคนนั้น คนโน้น คนนี้ แน่นอนว่า ‘แต่ละตา’ ก็มองเห็น และรู้สึกในแบบแตกต่าง แต่ถ้าให้มองตัวเอง เธอก็ว่า “ดิวเป็นคนชัดเจนกับความรู้สึก แล้วก็เคารพกับความรู้สึกตัวเอง เคารพในสิ่งที่ตัวเองเป็น”

ด้วยเหตุนี้เมื่อตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว “สุดท้ายไม่ว่าจะผลตอบรับจะออกมาดีหรือไม่ดี พอเราเคารพตัวเอง เราจะกล้ายอมรับว่ามันคือเรื่องจริง ไม่หนีความจริง ต่อให้มันผิดก็ตาม”

“จะไม่เป็นคนที่โกหก ไม่หลอกตัวเอง”

ดิวซึ่งทำงานในวงการบันเทิงมาได้ราว 12 ปีบอกด้วยว่า คนใหม่ๆ ที่เข้ามาในตอนนี้โชคดีกว่ารุ่นเธอเยอะ จากโอกาสที่เปิดกว้าง จากช่องทางที่มากมาย

“สมัยก่อนกว่าจะเข้าได้ ต้องแคสติ้งโฆษณา นั่งแคสต์กี่ชั่วโมงล่ะ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง กว่าคนอื่นจะเห็น สมัยนี้แค่ทำยูทูปบช่องตัวเอง จบ สมัยดิวยาก ฝ่าฟันเยอะ”

ส่วนที่บางคนมองว่าพอเข้ามาง่ายก็ไปง่าย ไม่อยู่ยงเหมือนรุ่นก่อนๆ ดิวบอกเลย “ไม่หรอก”

อย่างไรก็ดี ถ้าจะมีลักษณะนั้นเกิดขึ้นจริง “ไม่ใช่เป็นความผิดของวงการบันเทิง เป็นความผิดของประสบการณ์ของแต่ละคนที่ตัวเองควบคุมไม่ได้หรือเปล่า คือมันเป็นธรรมชาติน่ะ ได้อะไรมาง่ายๆ ก็ชอบเสียอะไรไปง่ายๆ แต่พวกยุคเก่าๆ แบบพวกดิว หูย…กว่าจะมีวันนี้ ก็จะแบบอึดกว่าปกติ ทนกว่าปกติ ร้อนไม่บ่น อาหารไม่อร่อย ไม่เป็นไร”

“จริงๆ 10 กว่าปีในวงการ สอนให้ดิวรู้ว่าเราต้องมีความอดทน และต้องเปิดรับความคิดเห็นคนอื่น”

“แต่ที่ทำให้ดิวชัดเจนขึ้น คือดิวว่าวงการบันเทิงที่ดิวอยู่ ไม่ได้โหดร้าย”

“เป็นโลกในความทรงจำที่ดีของดิวมากกว่าที่คนอื่นคิด คือคนอื่น คนภายนอก หรือที่ไม่ใช่นักแสดง จะมองว่าวงการบันเทิงคือวงการมายา แต่มันคือชีวิตปัจจุบันของดิว ต้องเข้าใจนะ ว่าดิวถ่ายละครมาตลอด อยู่กับกองถ่าย ใช้ชีวิตมาแบบนี้ ดังนั้นถ้าดิวเติบโตมา แล้วมีชีวิตที่ดีอย่างที่ทุกคนพูด ก็คือวงการบันเทิงทำให้ดิวมีชีวิตดีนั่นแหละ เพราะประสบการณ์ของคนที่สอนดิว ที่เป็นกำลังใจให้ดิว ทำให้ดิวมีวันนี้ไง”

“ต้องขอบคุณวงการบันเทิงมากๆ ด้วยซ้ำ ทุกๆ ตำแหน่ง บางทีเราก็แบบ เหนื่อยกับคอมเมนต์จะตาย อะไรแบบนี้ แต่มาเจอพี่ช่างกล้อง ตลกโปกฮา เล่นมุขบ้านๆ ก็ทำให้เราเออว่ะ อยากมากองอ่ะ”

กับกระแสดราม่าที่ผ่านมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ดิวบอก “ก็เสียใจแหละในตอนแรกๆ”

“ตอนนั้นก็ยังเด็ก ยังอ่อน รู้สึกว่าโดนอะไรก็เจ็บ รับทุกอย่าง อ่านทุกคอมเมนต์ แล้วร้องไห้”

แต่ตอนนี้ ดิวบอกถ้าให้พูดตรงๆ “มันคือความเคยชินน่ะ เจ็บจนชิน”

“พอชิน มันก็ชา พอชา มันก็ไม่รู้สึก พอมาถึงวันนี้ก็เลยเฉย รู้สึกว่าเราไม่ต้องไปเทก ไปรับอะไรมามาก ก็พยายามทำชีวิตให้ดี คือคนจะมีหลายประเภท เวลาที่ทุกข์ ชอบซ้ำเติมตัวเอง แล้วก็อยู่ตรงนั้น หรือทุกข์แล้วก็พยายามเป็นให้ได้ดีกว่าสิ่งที่เขาพูด ดิวอาจจะเป็นแบบที่สองไง”

ด้วยเหตุนี้ต่อให้ยังมีคนโฟกัส หรือแซะด้วยถ้อยคำประเภท ‘นางร้ายหน้าสวยบ้าง’ ‘นางร้ายมือตบบ้าง’ ‘คบคนเพราะความรวย’ ฯลฯ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อจิตใจของเธอ

“ไม่มีเลย” ดิวพูดชัดเจน

แล้วว่า “เอาตรงป่ะ…ดิวเป็นคนที่จะตัดสินทุกอย่างกับสิ่งที่เราอยู่ตอนนี้ แล้วดิวรู้ไง ว่าต่อให้คนไม่ชอบเรา แต่ต่อหน้าเรา ไม่มีใครว่าเราหรอก ดังนั้น ถ้าชีวิตประจำวันที่เราสัมผัส เราเห็น เราได้ยิน มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปแคร์”

“โลกที่เราอยู่แค่มันดีกับเรา น่ารักกับเรา แล้วต้องเครียดเหรอกับใครก็ไม่รู้ ดิวว่าจริงๆ ชีวิตเราดีจะตาย คนรอบข้างเราก็ดีจะตาย”

ตอนที่เจอเรื่องร้ายๆ หรือคอมเมนต์ที่ทำลายความรู้สึกขนาดไหน ดิวบอกว่าแม้จะเคยรู้สึกเสียใจอยู่บ้างอย่างที่บอก แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่มีความคิดอยากออกจากวงการ

“ดิวไม่ค่อยเป็นคนท้อไง”

“เป็นคนแบบสู้ยิบตา”

“ดิวมีแต่คำว่าไปกับไป ถ้าไม่ไปก็ไม่ไป เอาก็เอา ถ้าไม่เอาก็ไม่เอา จะไม่ค่อยมีตรงกลาง มีแต่ซ้ายกับขวา ดังนั้น ถ้ากระโดดลงเรือลำนี้แล้ว มันจะเป็นยังไง ดิวก็จะไปตามสไตล์ของดิว”

ถามดิวตรงๆ ว่า ถึงตอนนี้ชีวิตเธอยังมีอะไรที่ยังอยากได้อีกไหม?

เจ้าตัวตอบทันที “ตอนนี้ไม่ได้อยากได้อะไรเลย”

พูดอย่างนี้ อย่าเพิ่งคิดไปว่ามีจนครบ จบแล้วทุกเรื่อง

ด้วย “เชื่อเถอะว่าจริงๆ แล้วชีวิตทุกคนมันไม่มีใครดีไปหมด 100% แล้วก็ไม่มีใครที่มีอะไรทุกอย่าง อย่างที่ทุกคนคิด จะมีบางอย่างที่ขาด หรือบางอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้”

เธอเองก็เช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่เธอตั้งไว้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ จะทำทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่

“ทำให้ดีที่สุด”

แล้วรอรับผลทุกอย่างที่จะตามมา