‘จุดหมาย’ / หลังเลนส์ในดงลึก : ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

หลังเลนส์ในดงลึก

ปริญญากร วรวรรณ

 

‘จุดหมาย’

 

…สัญจรอยู่บนเส้นทางในป่า โดยเฉพาะป่าทางด้านตะวันตกช่วงฤดูฝน มีสิ่งหนึ่งที่เรายึดถือไว้ในใจเสมอ นั่นคือประโยคที่ว่า ระหว่างเดินทางสู่จุดหมาย ไม่ควรละเลยสองข้างทาง

เพราะความหมายของการเดินทาง บางครั้งก็ไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย สองข้างทางอาจเป็นความรู้ รวมถึงได้รับประสบการณ์อันมีค่ามาก

การปฏิบัติตามนี้ ส่วนหนึ่งเพราะนี่เป็นความจริง อีกส่วนหนึ่ง มันคือสิ่งที่เอาไว้ปลอบใจ เมื่อพบกับเส้นทางอันหนักหนาเกินกว่ารถจะไปได้ หรือติดอยู่ในหล่ม รถเสีย จำเป็นต้องพักอยู่ที่นั่นเป็นวันหรือหลายวัน เพื่อรออะไหล่ หรือรอให้ดินแห้งสักหน่อย

เป็นเวลาที่จะได้สำรวจสองข้างทางอย่างเต็มที่

บางครั้ง นานกระทั่งเสบียงที่เตรียมไปใช้ที่จุดหมายหมด เมื่อขึ้นจากหล่ม หรือซ่อมรถเสร็จ ต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่

เอาเข้าจริงแล้ว ทำงานในป่า กำหนดเวลาไม่ได้หรอก หากมีนัดหมาย โอกาสจะพลาดนัดสูง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์จำเป็น

เมื่อพบกับเส้นทางยาก ย้อนกลับเพื่อเริ่มต้นใหม่ พาหนะพร้อมขึ้น เส้นทางเริ่มแห้ง ในการเดินทางปกติก็ไปถึงจุดหมาย

แต่หากเปรียบชีวิตคล้ายการเดินทาง

ดูเหมือนว่า จุดหมายของการเดินทาง ของชีวิตเรายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด…

 

เดินทางในป่า สอนให้ใส่ใจกับสองข้างทาง

อยู่ในป่า ทำให้เห็นความเป็นไป อยู่ใต้ท้องฟ้ามืดมิดในคืนข้างแรม ดาวมหาศาลส่องประกายระยิบ

ดวงจันทร์ส่องแสงนวลในคืนข้างขึ้น ได้เห็นว่า แท้จริงในคืนแรมหนึ่งค่ำ คือคืนที่ดวงจันทร์กลมโต ทอแสงนวลกว่าคืนขึ้น 15 ค่ำที่ผ่านมา

 

…หัวค่ำคืนแรม 3 ค่ำ อยู่กับท้องฟ้าที่มืดมิด เพียงระยะเวลาสั้นๆ ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเริ่มสว่าง ดวงจันทร์กลมโตโผล่พ้นขอบฟ้า ดาวระยิบระยับทยอยหายไป ฟ้าสว่างมากขึ้น

กวางส่งเสียงสลับกับเก้งที่ส่งเสียงกระชั้นๆ คล้ายเสียงหมาเห่า หากไม่ได้กลิ่นสัตว์ผู้ล่า ก็เพราะได้กลิ่นควันไฟจากแคมป์

เปลวไฟไหววูบวาบ ลูกไฟแตกกระจาย อุณหภูมิลดต่ำ

กลางเดือนธันวาคม สายลมหนาวเข้าครอบคลุมผืนป่าอย่างเป็นทางการ ฤดูฝนรวมทั้งความเขียวชอุ่มจากไป ฤดูแล้งเข้ามาแทนที่

ชีวิตในป่าปรับตัวให้สอดคล้องกับฤดูกาล ต้นไม้ลดการใช้น้ำ ความชื้นในอากาศเหลือน้อย ต้นไม้อยู่ในขั้นตอนเปลี่ยนสีใบ และทิ้งใบร่วงหล่นลงพื้น

สัตว์ป่าเดินทาง โยกย้ายถิ่น จุดหมายพวกมันอยู่ที่แหล่งอาหาร ไม่ผิดนักหรอก หากจะพูดว่า แหล่งอาหารเป็นตัวกำหนดจุดหมาย รวมทั้งทำให้พวกมันออกเดินทาง ขณะหลายตัวเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลแห่งความรัก

ผมมีโอกาสได้พบเห็น รับรู้ความเป็นไปนี้มานาน ชีวิตในป่าสอนให้รู้จักการปรับตัวไปตามฤดูกาล นี้เป็นบทเรียนที่จริงแท้ ปรับตัวไม่ใช่เรื่องยาก เป็นความจริงที่ทำได้

ส่วน “ปรับใจ” คล้ายจะไม่ง่ายดาย ก็ยังเป็นความจริงอยู่เช่นเดิม

 

ตั้งแต่สายฝนจากลา สายลมหนาวเข้ามาแทนที่ อันเป็นเวลาเริ่มต้นฤดูแล้ง งานถ่ายภาพสัตว์ป่ามีโอกาสดีขึ้น

สัตว์กินพืชส่วนใหญ่มุ่งหน้ามาตามโป่ง อันเป็นแหล่งอาหารเสริม หลังทิ้งให้โป่งเงียบเหงามาตลอดช่วงฤดูฝน

ในโป่ง กระทิงตัวเมียอาวุโสไม่พาลูกฝูงไปไหน ในฝูงมีลูกเล็ก ตัวไล่เลี่ยกันสองตัว เธอกับลูกฝูงวนเวียนอยู่บริเวณนี้หลายวัน

ตัวนำฝูง ใช้ประสบการณ์ที่ได้รับถ่ายทอดมา รู้ว่าช่วงฤดูไหนต้องไปที่ใด

การเดินทางวนเวียนอยู่เช่นนี้ จุดหมายเดิมๆ ตามฤดูกาลที่หมุนเวียน

กวาง – เรื้อนกวาง หรือแผลที่คอ มีแมลงที่ทำความรำคาญ นกขุนแผนจึงเป็นผู้ช่วยเหลือที่ดีและได้อาหาร เป็นการอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพา

แหล่งอาหารนั้นให้ชีวิต แต่ในบริเวณแหล่งอาหารก็มีความตายเกิดขึ้นเสมอ เพราะเมื่อมีสัตว์กินพืชมาชุมนุมเหล่านักล่า ย่อมตามมาทำงานของพวกมัน

กลิ่นซากลอยตามลมไปได้ไกล ซากอยู่ห่างจากแคมป์กว่า 500 เมตร กลิ่นก็ลอยมาถึง กวางตัวผู้โตเต็มวัยตัวนั้น เป็นผลงานของเสือโคร่ง ซากนอนอยู่ในลำห้วย มีร่องรอยกินไปแล้วเกือบครึ่ง รอบๆ ซากมีรอยหมูป่า ซึ่งคงแอบเข้ามาร่วมตอนเจ้าของซากไม่อยู่

แม้แต่สัตว์นักล่าฤดูกาลก็มีส่วนกำหนดเหยื่อของพวกมัน

ข้อมูลการสำรวจของนักวิชาการ พบว่าในฤดูฝน กวางตกเป็นเหยื่อเสือมาก เพราะช่วงนี้กวางเพิ่มจำนวน ในขณะที่ฤดูแล้ง เหยื่อส่วนใหญ่เป็นกระทิง และวัวแดง เพราะในทุ่งหญ้า หรือในป่าเต็งรัง พบตัวพวกนี้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อไฟไหม้ และในทุ่งเกิดระบัด

ทั้งสัตว์กินพืช และสัตว์ผู้ล่า ต่างล้วนปรับตัวอย่างสอดคล้องไปกับฤดูกาล

ผมเชื่อว่า สำหรับพวกมัน การปรับนี้ไม่ใช่เรื่องยากนัก ทั้งกายและใจ

ซากกวางเหลือไม่มาก ไม่กี่วันก่อน มันยังเดินทางไปตามจุดหมายที่ซ้ำซากจำเจ

แต่จากนี้ มันจะไปไหน จุดหมายอยู่ที่ใด

 

…ในแคมป์ คืนแรม 4 ค่ำ ก่อนที่ดวงจันทร์กลมโตจะโผล่พ้นขอบฟ้า ท้องฟ้ามืดมิดสีดำเข้ม ดาวส่องประกายระยิบ

จากบนเปล ผมเงยหน้ามองความระยิบระยับนั่น คิดถึงชีวิตที่จากไป

ผมอ่านพบจากที่ไหนสักแห่งว่า ด้วยสามารถของดวงตาเรา จะเห็นดาวเพียง 6,000 ดวง ที่ไหนสักแห่ง ในความระยิบระยับนั่น อาจเป็น “จุดหมาย” ที่ชีวิตจากไปแล้วอยู่

และด้วยความสามารถของดวงตา ที่นั่นคงไกลเกินกว่าที่ผมจะมองเห็น…