เชื่อ (แล้ว) แป้ง เชื่อมาดาม ‘ดัน’ ฟุตบอลไทย ผงาดแชมป์อาเซียนได้เจง-เจง/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

เชื่อ (แล้ว) แป้ง

เชื่อมาดาม ‘ดัน’ ฟุตบอลไทย

ผงาดแชมป์อาเซียนได้เจง-เจง

 

หนึ่งในของขวัญปีใหม่ 2565 ที่สร้างความภาคภูมิใจและความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศมากที่สุด คือการคว้าแชมป์ฟุตบอล AFF Suzuki Cup สมัยที่ 6 ที่ประเทศสิงคโปร์มาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่แพ้ทีมใดในอาเซียนตลอดทัวร์นาเมนต์ ของ “ทัพช้างศึก” ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ที่มีศูนย์รวมใจอย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ

พร้อมยกเครดิตให้กับมาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน อดีตโค้ชฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และ “เซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนการท่าเรือ เอฟซี คีย์แมนความสำเร็จ กับบทสรุปเส้นทางของทีมชาติไทยหลังคว้าแชมป์ AFF Suzuki Cup กับสถิติอันยอดเยี่ยม ได้แก่

แชมป์ไร้พ่าย (แข่ง 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2) เป็นแชมป์ไร้พ่ายสมัยที่ 3 ของรายการนี้

ทีมชาติไทยทำประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ รวม 18 ประตู เสียเพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น

ธีรศิลป์ แดงดา กับชนาธิป สรงกระสินธ์ ยิงคนละ 4 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์

ธีรศิลป์ยังคว้าดาวซัลโวตลอดกาลของรายการ รวม 19 ประตู แซงนอห์อลัม ชาห์ ของสิงคโปร์ ทำไว้ 17 ประตู

ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมชาติไทย ยังคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ประจำทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน (ปี 2014, 2016, 2020)

และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้จัดการทีมหญิงคนแรกที่คว้าแชมป์บอลอาเซียน

หลังข่าว “มาดามแป้ง” ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง “ผู้จัดการทีม” ควบทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และทีมชาติชุดใหญ่ คนคลุกวงในฟุตบอลไทย ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่ารับงาน “เผือกร้อนชัดๆ” เมื่อฟุตบอลไทยเต็มไปด้วยปัญหา ความขัดแย้ง แตกแยกมากมาย

และคำถามที่เกิดขึ้นมากมายว่า การรับงานชิ้นนี้ภายใต้ความกดดันมหาศาล จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน?

แต่นั่นกลับกลายเป็นการก้าวเข้าสู่ “ยุคใหม่” ของลูกหนังไทย “ยุคที่แสงสว่างเริ่มส่องแสงประกายให้เห็นชันเจนยิ่งขึ้น”

ดั่งประโยคที่ “มาดามแป้ง” กล่าวเอาไว้หลังนำถ้วยรางวัลแห่งความทุ่มเทกลับสู่แผ่นดินไทย

“แชมป์ฟุตบอล AFF Suzuki Cup สมัยที่ 6 คงจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย และอาจจะเป็นก้าวแรกที่พวกเราทุกคนพร้อมที่จะกอบกู้ศรัทธาของแฟนบอล กู้วิกฤตบอลไทยให้กลับคืนขึ้นมา ถ้วยนี้เป็นสเต็ปแรกที่เราได้เป็นแชมป์ ตลอดการแข่งขันเราไม่เคยแพ้นะคะ เป็นสิ่งที่มาจากความพยายาม ความสามัคคีของน้องๆ ทุกคนนะคะ และมือที่จะช่วยประคับประคองฟุตบอลไทยได้ ก็คือแฟนบอลชาวไทย คือผู้เล่นคนที่ 12”

กว่าที่ “นารีขี่ม้าขาว” คนนี้ จะขึ้นมานำทัพช้างศึก มุ่งสู่ความสำเร็จต่อไป ไม่แตกต่างจากคนประสบความสำเร็จหลายๆ คน ที่ต้องมีจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเช่นกัน…

“มาดามแป้ง” เข้าสู่วงการกีฬาไทยเมื่อปี 2549 ด้วยการรับตำแหน่งผู้จัดการทีมกีฬาคนพิการ พาทีมลุยศึกเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 9 เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (เอเชี่ยนพาราเกมส์ ในปัจจุบัน)

จากนั้น นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทาบทามให้เป็นผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย พาทีมแข้งสาวไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ประเทศเมียนมา ปลายปี 2556

ต่อด้วยการสร้างประวัติศาสตร์พา “ทัพชบาแก้ว” ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 สมัยติดต่อกัน ปี 2015 (แคนาดา) และ 2019 (ฝรั่งเศส)

นอกจากเข้ามาปลุกปั้นฟุตบอลทีมชาติจนเกิดความชื่นชอบแล้ว จึงสร้างอีกหนึ่งความท้าทายในฟุตบอลระดับอาชีพ เข้าเทกโอเวอร์สโมสรการท่าเรือ เอฟซี

เป็นผู้หญิงคนแรกกับตำแหน่งประธานสโมสรฟุตบอลไทย เมื่อปี 2558 ทุ่มเททุกสรรพกำลังจนคว้าโควต้าศึกฟุตบอลสโมสรเอเชีย “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบแบ่งกลุ่ม เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ

ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ของ “มาดามแป้ง” หากนำมาเป็นกรณีศึกษา หรือ Case Study ต้องบอกว่าความสำเร็จเหล่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว

บุคลิกสวยโดดเด่น มีความอ่อนโยน แต่ยังคงความแข็งแกร่ง หนักแน่น

การเป็นนักบริหารสาวที่เก่ง ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้นำแนวคิดการบริหารจัดการองค์กรยุคใหม่ มาปรับใช้กับการจัดการด้านกีฬาได้อย่างเห็นผล ทั้งเชิงกลยุทธ์ และจิตวิทยา

การทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ จิตวิทยาต่างๆ รวมถึงกำลังเงิน ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ ควบคู่ไปกับ “ใจให้ใจ” อาทิ การพูดสร้างขวัญและกำลังใจก่อนลงแข่ง, การจัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ให้นักเตะหลังอาหารค่ำ เพื่อสร้างความสนิทสนมภายในทีม ด้วยการจับสลากรางวัลตั้งแต่กระเป๋า นาฬิกา แบรนด์ดังแอร์เมส, พราด้า, ชาแนล, คริสเตียน ดิออร์, โรเล็กซ์, โทรศัพท์ไอโฟน ยันน้ำพริก มูลค่ารวมกว่า 7 หลัก เพื่อหลอมรวม “ทัพช้างศึก” ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ปลูกฝังความรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อต้องลงสนามในนามทีมชาติไทย กลับมาอีกครั้ง

บวกกับการมีคอนเน็กชั่น (Connection) อันแข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรและบุคคลจากหลากหลายวงการ ทำให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความราบรื่น รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ

สามารถดึงนักเตะทีมชาติตัวหลักจากสโมสรต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาร่วมศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ แบบฟูลทีม

รวมถึงคอนเน็กชั่น (Connection) การเป็น “แม่บุญทุ่ม” และ “ใจถึง” ระดมเงินอัดฉีดสร้างขวัญกำลังใจให้กับทีมช้างศึก ทั้งเงินสนับสนุนส่วนตัว และจากภาคเอกชนและบุคคลที่ตอบรับการสนับสนุนต่างๆ รวม 26 ล้านบาท

เมื่อรวมกับเงินอัดฉีดจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จากเกมที่เอาชนะเวียดนาม 10 ล้านบาท และเงินรางวัลจากการคว้าแชมป์ 300,000 เหรียญสหรัฐ ประมาณ 10 ล้านบาท

ทำให้ยอดรวมทั้งหมด 46 ล้านบาท (ยังไม่รวมหลังจากนี้ที่คาดว่าจะมีเพิ่มอีก)

 

สังเกตว่าตลอด 1 เดือนของการแข่งขัน จะเห็น “มาดามแป้ง” เข้ามามีส่วนร่วมกับนักเตะและทีมสตาฟฟ์โค้ชแบบถึงลูกถึงคน จัดการทุกปัญหาที่เกิดขึ้น การเชียร์ติดขอบสนาม สิ่งเหล่านี้นำพาให้นักเตะทุกคนวิ่งสู้ลืมตาย เพื่อเก็บชัยชนะ อย่างที่เห็นผ่านการถ่ายทอดสดทุกแมตช์

รวมถึงกรณีดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดของ “บอย” ฉัตรชัย บุตรพรม ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย หลังรับบาดเจ็บเกมรอบรองชนะเลิศนัดสอง เสมอกับเวียดนาม 0-0 ต้องพักประมาณ 6-8 เดือน แทนสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้นสังกัด

ส่งท้ายด้วยการดูแลอำนวยความสะดวกกันจนสุดทางด้วยการเช่าเหมาลำเครื่องบินให้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชกลับประเทศไทย

นอกจากความโดดเด่นในวงการกีฬาแล้ว ยังมีประเด็น “มาดามแป้ง” จะลงเล่นการเมือง มีกระแสพรรคพลังประชารัฐทาบทามให้ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดกระแส 2 ด้าน ทั้งอยากให้เธอลงเล่นการเมือง

ส่วนอีกกระแสก็แสดงความห่วงใยไม่อยากให้เธอเข้ามาในโลกการเมือง เพราะปัจจุบันมีผู้คนชื่นชอบฝีมือปลุกปั้นฟุตบอลไทยอยู่แล้ว

สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “มาดามแป้ง” ว่าจะยังเล่นสนามกีฬาเต็มตัวเช่นเดิม หรือจะลงเล่นสนามการเมือง สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นสนามไหน ทุกคนเคารพในการตัดสินใจ

แต่เชื่อว่ากระแสส่วนใหญ่ยังอยากเห็นเธอพัฒนาวงการฟุตบอลไทยต่อไป เพราะเห็นๆ กันเป็นอย่างดีว่า #เชื่อ(แล้ว)แป้ง ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ #เชื่อ”มาดามดัน”ฟุตบอลไทย

ณ ตอนนี้ชื่อของ “มาดามแป้ง” เข้าไปอยู่เต็มหัวใจของแฟนฟุตบอลชาวไทย และพร้อมปรบมือรอต้อนรับหาก “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่” จะมีจะชื่อว่า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ