‘บิ๊กบี้’ ห่างแต่ไม่หายจาก ‘บิ๊กตู่’ ผบ.เหล่าทัพยังปึ้กนายกฯ สวนคำพยากรณ์ ‘รัฐประหาร’ มองเกม ‘ประยุทธ์’ ในแผน ‘ประวิตร’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กบี้’ ห่างแต่ไม่หายจาก ‘บิ๊กตู่’

ผบ.เหล่าทัพยังปึ้กนายกฯ

สวนคำพยากรณ์ ‘รัฐประหาร’

มองเกม ‘ประยุทธ์’ ในแผน ‘ประวิตร’

 

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีทีท่าที่จะบอกว่าพอแล้ว หรือจะถอย แต่ส่งสัญญาณไปต่อ สู่การเป็นนายกฯ สมัยที่ 3

แถมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกฯ ยังบอกบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลให้เร่งทำงานในเวลากว่า 1 ปีที่เหลือ ทำให้ประชาชนไว้วางใจ จะได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกในสมัยหน้า

เสมือนเป็นการมัดมือพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ไว้ว่า หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมาจับมือ จับขั้ว ตั้งรัฐบาลอีก

แม้ในใจ พล.อ.ประยุทธ์จะรู้ดีว่า หนทางสู่เก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 3 ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่พรรคพลังประชารัฐจะต้องชนะพรรคเพื่อไทย

แต่ด้วยองคาพยพที่สร้างไว้ในยุค คสช.ตามรัฐธรรมนูญ จะทำให้พรรคพลังประชารัฐชิงจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง แม้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งก็ตาม

แต่ปัญหาของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย แต่อยู่ที่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค มือขวา ว่าวางแผนลับอะไรไว้

เพราะแม้พี่น้อง 3 ป. จะโชว์จูบปาก คืนดีกันแล้วก็ตาม แต่รอยร้าวก็ยังคงปรากฏ และไม่อาจสมาน

ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เหมือนมีเส้นบางๆ กางกั้นอยู่ ทำให้มองไม่ทะลุใจกันและกัน เช่นที่เคยอีกต่อไป

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามเอาใจพี่ป้อมมากขึ้น ด้วยการดอดเข้าไปหาที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ บ่อยขึ้น ไปกินข้าวด้วย และสูบไปป์คุยกัน

เพื่อที่จะหยั่งเชิงว่า พี่ป้อมยังหนุนน้องตู่เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย จริงหรือไม่ หลังจากที่ พล.อ.ประวิตรเคยประกาศที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐแล้วหลายครั้ง

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรก็ยังดูเป็นปกติเมื่อพบปะกินข้าว พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์

แต่สัญญาณและข้อมูลบางประการที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้จากการเกาะติดความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคบางคน กลับทำให้ไม่มั่นใจว่าพี่ใหญ่มีแผนใด

ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัสที่ถูกปลดพ้นเก้าอี้ รมต.จนเก็บตัวไปพักใหญ่ ก็กลับคืนสู่สังเวียนการให้สัมภาษณ์สื่ออีกครั้ง ยกย่อง พล.อ.ประวิตรเลอเลิศในความเหนือเมฆ ที่เดินเกมทั้งบนดินและใต้ดิน ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ

และไม่มีคำพูดว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ออกจากปาก ร.อ.ธรรมนัสอีกเลย แต่พูดแค่ว่า แล้วแต่หัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ประวิตร

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้เมียงมองนายกฯ สำรองไว้แล้ว ทั้งบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก ตท.11 ที่ดึงมาเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.

แต่จู่ๆ ก็มีกระแสข่าว “ป.#2” อย่างบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รองใน 3 ป.ออกมา ว่า เหมาะที่จะเป็นนายกฯ หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ

เพราะในบรรดาพี่น้อง 3 ป.นั้น พล.อ.อนุพงษ์มีทั้งความบู๊และบุ๋นอยู่ในตัว และสุขุม นิ่ง ลึกซึ้งมากที่สุดในแผงอำนาจ จะเห็นได้ว่า ตกเป็นเป้าโจมตีน้อยที่สุด เพราะพยายามลดบทบาทตัวเองไม่ให้โดดเด่น อันเป็นแนวตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ.แล้ว

ยิ่งในช่วงวิกฤต 3 ป.แตกร้าว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ก็จะทิ้งระยะห่างกับพี่ป้อมและน้องตู่ เมื่อต้องปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ และไม่เคยพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเลย เพื่อแสดงออกให้เห็นว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งของพี่น้อง

แม้เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อนุพงษ์นั้นสนิทสนมใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า พล.อ.ประวิตร เพราะเติบโตจาก ร.21 รอ. แบบหายใจรดต้นคอ ขยับตำแหน่งต่อคิวกันมาตลอด ตั้งแต่เป็น ผบ.ร.21 รอ. จนเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้น 5 เสือ ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อนุพงษ์ หากต้องเลือกข้าง ก็ต้องเลือกฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์มากกว่า

ยิ่งเมื่อเกิดกระแสข่าวลือว่า พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยพรรคเพื่อไทยที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งมานั้น พร้อมที่จะให้ พล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐ เลือกนายกฯ

ที่อาจสอดคล้องกับท่าทีของนายทักษิณที่ระบุว่า จะได้กลับไทยในปีนี้ โดยจะกลับมาอย่างสันติ ไม่ไปจัดการใคร แต่จะมาช่วยประเทศ และระบุว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในกลางปีนี้ จะมีรัฐบาลใหม่

จนเกิดคำถามว่า พล.อ.ประวิตรมีใครเป็นนายกฯ ในใจ อีกทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ถือเป็นคนกลาง ที่เป็นทั้งน้องรักของ พล.อ.ประวิตร และเป็นเพื่อน ตท.10 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ และเป็นพี่ชายที่ พล.อ.ประยุทธ์รักและไว้วางใจมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อถูกถามถึงตำแหน่งนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ก็ยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่เคยคิดที่จะอยากเป็นนายกฯ ขอให้เลิกพูดเลิกถาม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมแล้ว

บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร.

พร้อมๆ กับกระแสข่าว ป.#2 นี้ ก็ยังมีแรงเชียร์ใน พปชร. ที่จะให้ ป.#1 อย่าง พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ ไปเลย หาก พปชร.ชนะเลือกตั้ง หรือแม้แต่จับมือกับพรรคเพื่อไทยจริงในที่สุดก็ตาม

แต่ พล.อ.ประวิตรนั้นรู้ดีว่า ตนเองไม่แข็งแรง ขาไม่ดี และคะแนนนิยมไม่ดี จึงปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่เคยอยากที่จะเป็นนายกฯ เลย

พล.อ.ประวิตรเลือกที่จะเป็นมือปั้นนายกฯ และเป็นนายกฯ เงาอยู่เบื้องหลัง เช่นที่ถูกมองว่า อยู่เบื้องหลังนายกฯ ประยุทธ์ จนบางครั้ง พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องแข็งข้อ แสดงการเป็นนายกฯ ตัวจริงบ้าง จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะเมื่อปลด ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ลูกรักของ พล.อ.ประวิตร พ้นเก้าอี้ รมต.

ดังนั้น แผนยึดอำนาจของ พล.อ.ประวิตร จึงเป็นแผนคนละแผนกับ พล.อ.ประยุทธ์ และในแผนของ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โดยไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของ ร.อ.ธรรมนัส ท่ามกลางกระแสข่าว แผนการจะล้มกระดาน การที่จะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และแผนการยุบพรรคเพื่อไทย

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับบิ๊กทหารสายจันทร์โอชา ทั้งในกองทัพและที่เกษียณไปแล้ว ยืนยันความจำเป็นที่จะไปต่อ แม้อยากจะไปพักผ่อน แต่ก็ถอยไม่ได้ เพราะมีภารกิจสำคัญในการปกป้องสถาบันหลักของชาติต่อ พร้อมเล่าข้อมูลบางอย่างให้ฟัง

เพราะในภาพรวม กองทัพสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว แม้จะมีระยะห่างกับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นหายหรือขัดแย้ง เพราะ ผบ.เหล่าทัพคนอื่นๆ ก็ยังสนับสนุนพี่ตู่

แม้จะมีหมอดูหลายสำนัก ทำนายว่า ปี 2565 ปีเสือดุนี้

อาจเกิดการรัฐประหาร หรือความเคลื่อนไหวของทหารในทางการเมือง

แต่หากพิเคราะห์จากสมการอำนาจในกองทัพเวลานี้ ไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อยว่า ผบ.เหล่าทัพจะล้มอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยการรัฐประหาร หรือแม้แต่ปฏิวัติเงียบ ตราบใดที่ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปพักผ่อน

นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยื้อที่จะเป็นนายกฯ ให้ครบเทอม และกลับมาเป็นนายกฯ อีกในสมัยหน้า โดยมี “ผู้ช่วยพระเอก” ช่วยอยู่เบื้องหลัง แม้ พล.อ.ประยุทธ์อาจไม่มีพี่ใหญ่หนุนหลังอีกแล้ว แต่ก็ไม่โดดเดี่ยว มีกองหนุนพิเศษมาช่วยเป็นทีมเลยทีเดียว

หากดูจากคอนเน็กชั่นของ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ไม่มีเค้าที่จะถูกรัฐประหาร เพราะทั้งบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม ก็สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ ร.21 รอ. โดย พล.อ.วรเกียรติอยู่ ป.21 รอ. เป็นหน่วยขึ้นตรง

ส่วนบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ก็เป็นทหารอาชีพ และสนิทสนมกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กตู่อย่างมาก

รวมทั้ง พล.อ.วรเกียรติ และบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. เป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์

ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แม้จะดูห่างเหินกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็เพราะบุคลิกที่ไม่ค่อยพูด เป็นประเภท “ขวาชิดหู” เป็นทหารอาชีพ ที่ยึดคำสั่งเป็นสำคัญ

ส่วนบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ก็ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยของ พล.อ.ประยุทธ์

ยิ่งในตุลาคม 2565 ที่จะมีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพใหม่ 3 คน ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ก็ไม่มีผลที่จะทำให้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ในกองทัพลดลง เพราะคนที่จะขึ้นมา ก็ล้วนเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์

ทั้งเต็งหนึ่ง ปลัดกลาโหม บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ (ตท.24) รองปลัดกลาโหม ที่จะนั่งยาว 3 ปี เป็นแบ็กให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างยาวนาน มั่นคง จนเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 แม้ พล.อ.สนิธชนกจะสนิทสนมใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรมากกว่า แต่ทว่า ก็เป็นน้องรักของนายกฯ แถมภริยาที่เป็นนายทหารหญิง ก็เป็นทีมตึกไทยคู่ฟ้า ทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์

ขณะที่ตัวเต็ง ผบ.ทร.คนใหม่ คือ บิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผบ.กองเรือยุทธการ แม้จะเป็น ตท.25 รุ่นน้องสุดใน5 ฉลาม ทร. แต่โปรไฟล์ครบเครื่อง เพราะเติบโตมาในสายกำลังรบ ทั้งเป็นผู้การเรือหลายลำ โดยเฉพาะเรือหลวงจักรีนฤเบศร และ ผช.ทูตทหารเรือ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ผบ.กองเรือลำน้ำ ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ และ ผบ.กองเรือยุทธการ และจะสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เพราะจะนั่ง 3 ปี เช่นเดียวกับ พล.อ.สนิธชนก อีกทั้งยังเป็นนัองชายบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สายตรงบิ๊กตู่ ที่จะเกษียณกันยายนนี้

ขณะที่แคนดิเดตอีกคน อย่างเสธ.แจ๊ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. (ตท.23) นั้น อายุราชการเหลือปีเดียว และเป็นคนที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ผลักดันขึ้นมา และให้ทำโครงการเรือดำน้ำจีน แต่ไม่ได้เติบโตมาในสายกำลังรบ หากเมื่อเทียบโปรไฟล์กับ พล.ร.อ.สุวิน ที่ยังถือเป็นน้องรักของบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน อดีต ผบ.ทร.

พล.ร.อ.ชาติชาย เพื่อนรัก ตท.20 ของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกับ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม เพื่อน ตท.20 ในขณะนั้น ช่วยให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ได้ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทร. โดยไม่ได้คัดค้านข้อเสนอของ พล.อ.ณัฐ ในการให้ พล.ร.อ.สมประสงค์กลับมาเป็น ผบ.ทร. แต่ตามมารยาท พล.ร.อ.ชาติชายต้องเสนอแคนดิเดตคนใน ทร.ในเวลานั้น

ขณะที่ ผบ.ทอ.คนใหม่ มีแนวโน้มว่า พล.อ.อ.นภาเดชจะเล็งไว้ในใจแค่ 2 คน คือ บิ๊กต้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คปอ. น้องรัก ตท.22 ที่เป็นนักบินเอฟ 16 อยู่กองบิน 1 มาด้วยกัน แต่มีอายุราชการแค่ 2566 อาจจะไม่สามารถสานฝันโครงการจัดซื้อเครื่องบินเอฟ 35 ให้สำเร็จได้ จึงทำให้บิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล เสธ.ทอ. (ตท.24) มีอายุราชการถึง 2568 สามารถนั่งยาวทำงานได้ต่อเนื่อง

ดังนั้น ปัจจัยแผงอำนาจในกองทัพ จึงไม่มีเค้าลางของการปฏิวัติรัฐประหารล้ม พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะอยู่ยาวถึงสมัยที่ 3

พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์

แต่การรัฐประหารถูกมองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากเกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาล โดยไม่ได้จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ตามกระแสข่าวที่มีมาตลอด โดยมีนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเอง แล้วเกิดความวุ่นวายตามมา มีม็อบฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านรัฐบาล และปูทางให้กองทัพออกมารัฐประหารอีกครั้ง

โดยยังมี พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์เป็นหลักอยู่ถึงกันยายน 2566 แต่ใน ทบ.นั้น มีบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) ผช.ผบ.ทบ. น้องเลิฟสายทหารเสือฯ ของนายกฯ จ่อขึ้น ผบ.ทบ.อยู่

ไม่แค่นั้น ในส่วนของกองทัพเรือ ยังมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญของ พล.ร.อ.สมประสงค์ หลังจากที่ได้ข้ามจากรองปลัดกลาโหมกลับมาเป็น ผบ.ทร. ก็ปรับภูมิทัศน์กองทัพเรือ รื้อถอนต้นไผ่ และเปลี่ยนป้ายใน ทร.ที่ทำขึ้นในยุค พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ให้กลับมาเป็นดังเดิม จนทำให้ถูกมองข้ามช็อตไปว่า จะไม่เลือกนายทหารที่ พล.ร.อ.ลือชัยดันขึ้นมาไว้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่แทน

จากนั้น ได้สร้างความฮือฮาในการ “ธำรงวินัย” ตัวเองเพื่อแสดงความเป็นรับผิดชอบ กรณี “นาวาเอก” มีพฤติกรรมกร่าง และใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม จนจะกลายเป็นบรรทัดฐานของระดับผู้บังคับบัญชา ที่ต้องร่วมรับผิดชอบต่อการกระทำผิดวินัยของกำลังพลมาแล้วนั่นเอง

พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล

พล.ร.อ.สมประสงค์ยังได้สร้างความฮือฮาด้วยการจะไม่เสนอของบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 จากจีน ในงบประมาณปี 2566 หลังจากที่ ผบ.ทร.หลายคนที่ผ่านมา ได้พยายามมาทุกปี แต่ก็ถูกโจมตีอย่างหนัก และต้องถูกชะลอมาแล้ว 3 ปีต่อเนื่อง ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียงบประมาณในส่วนของ ทร.เอง แบบที่เรียกว่า “งบฯ ตกน้ำ” มาตลอด

อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังย่ำแย่ และสถานการณ์โควิดที่ยังไม่จบ หากกองทัพเรือเสนอขอซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ งบฯ 22,500 ล้านบาท แม้จะทยอยจ่ายเป็นงบฯ ผูกพันข้ามปีก็ตาม แต่ก็คงจะถูกโจมตีอย่างหนัก และลามถึง พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

พล.ร.อ.สมประสงค์จึงตัดสินใจไม่เสนอของบฯ ซื้อเรือดำน้ำ เพราะงบประมาณผูกพันในปี 2566 ของ ทร.สูงอยู่แล้ว ห่างเสนอซื้อเรือดำน้ำ ก็จะส่งผลกระทบต่อแผนพัฒนาและการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ ที่คาดว่าจะได้เสียงชื่นชมจากประชาชน และพรรคฝ่ายค้าน ที่รอจ้องถล่มโครงการเรือดำน้ำ

พล.ร.อ.สมประสงค์จึงได้ชะลอการเสนอซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำออกไปก่อน โดยงบประมาณปี 2567 จึงค่อยพิจารณาอีกครั้ง โดยให้เป็นหน้าที่ของ ผบ.ทร.คนต่อไป

 

แม้จะไม่ค่อยพูด ชอบทำงานอยู่เงียบๆ แต่เมื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์เคลื่อนไหวแต่ละครั้ง ก็ล้วนไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

แต่ที่ชัดเจนคือ การสนับสนุนรัฐบาล สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ต้องระวังหลัง ว่าจะถูกกองทัพรัฐประหารตามพยากรณ์คำนายทายทัก และรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยังดวงแข็ง ฝ่ามรสุมการเมือง ยื้อเก้าอี้นายกฯ ได้นานแค่ไหน