เสือตัวเดิม…คนขี่หน้าเดิม จะถูกประชาชนขับไล่/หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว มุกดา สุวรรณชาติ

มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว

มุกดา สุวรรณชาติ

 

เสือตัวเดิม…คนขี่หน้าเดิม

จะถูกประชาชนขับไล่

 

มีคนเสนอแนวคิดที่แตกต่างจากผู้สูงอาวุโสที่บอกว่าอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 2565 โดยมองว่า ฝ่ายที่ครองอำนาจไม่อยากเปลี่ยนแปลงใดๆ พยายามจะยืดให้ยาวนานที่สุดเป็นเรื่องจริง

แต่ระบบกดขี่บังคับ เปรียบเหมือนเสือและคนขี่เสือ ที่ทำความเดือดร้อนให้ประชาชนมาหลายปี ถ้าเสือและคนขี่เสือจะพยายามครองอำนาจและกัดกินคนต่อไป ประชาชนจะไม่อดทนถ้าไม่มีทางออกที่ชัดเจนให้เห็นในปี 2565 จะต้องมีการขับไล่เสือและคนขี่ออกไปให้ได้

การปะทะกันจึงต้องเกิดขึ้น โอกาสหลีกเลี่ยงแทบไม่มี โดยมีเหตุผลว่า…

ความคิดที่ล้าหลังได้สร้าง และขยายอำนาจ จนกลายเป็นระบบเสือกินคน

เสือกินคนตัวนี้สืบทอดสายพันธุ์มาแต่ยุคโบราณและค่อยๆ ปรับตัวเข้ามาหากินในโลกปัจจุบัน กลายเป็นระบบที่ได้หลอมรวมความคิดของกลุ่มศักดินา กลุ่มขุนศึกและกลุ่มทุนนิยม สร้างระบบปกครองที่เปรียบได้กับเสือกินคน ซึ่งยังดำรงอยู่ได้ในประเทศแถบนี้ คนที่ต้องการเอาเปรียบคนอื่น ก็ถือโอกาสเวียนกันขึ้นหลังเสือใช้อำนาจของเสือให้เป็นประโยชน์ ในการกินเลือด เนื้อ และภาษี กดขี่และเอารัดเอาเปรียบประชาชน

เสือตัวล่าสุดมาปรากฏตัวอย่างชัดเจนและไล่กัดชาวบ้านตั้งแต่ปี 2549

เมื่อกลุ่มอำนาจเก่าตัดสินใจทำการรัฐประหารในเดือนกันยายน 2549 ต้องเรียกว่าเป็นการดันทุรัง ฝืนโลก เพราะเดิมกลุ่มผู้นำทหารก็ไม่กล้าทำแม้จะมีการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง แต่กลุ่มอำนาจเก่าใช้แรงกดดันหลายด้านอย่างต่อเนื่อง ทหารจึงร่วมมือด้วย แต่ประชาชนก็ไม่ยอมรับ จึงต้องรีบเลือกตั้งใหม่ ปี 2551ซึ่งกลุ่มอำนาจเก่าก็แพ้เหมือนเดิม

จากนั้นก็สร้างอำนาจเสือเพิ่มโดยการใช้อำนาจตุลาการภิวัฒน์ในปลายปี 2551 เพื่อโค่นรัฐบาลและยุบพรรคพลังประชาชน โค่นนายกฯ ถึง 2 คน มีการดึงเอาตุลาการมาสู่วังวนอำนาจการเมือง ความยุติธรรมก็ต้องเปลี่ยนไปตามสี ตามฝ่าย ความเคารพเชื่อถือก็หายไปและจะนำไปสู่การรื้อปรับปรุงระบบในอนาคต

และในที่สุดเสือก็ฆ่าคน

เมื่อประชาชนไม่ยอมและลุกขึ้นต่อต้านเสือตัวนี้ก็จัดการเข่นฆ่าสังหารประชาชนในปรากฏการณ์ล้อมปราบประชาชนกลางกรุงเทพฯ ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปีเสือ 2553

ความผิดพลาดครั้งนี้ แม้ยังไม่ทำให้ประเทศเข้าสู่สงครามเหมือนรัฐประหาร 2519 แต่ก็ก่อให้เกิดความแตกแยกทั้งแผ่นดิน มีประชาชนเสียชีวิตจากการปราบมากที่สุด การรักษาอำนาจด้วยปืนในปี 2553 สุดท้ายก็ต้องหาทางออกด้วยการเลือกตั้งในปี 2554

ผลก็คือกลุ่มอำนาจเก่าแพ้เลือกตั้งเหมือนเดิม แต่ระบบเสือกินคนไม่ยุติ มันยังดิ้นรนขยายตัวและปกปิดความผิดต่อไป

 

หีบเลือกตั้งไม่ใช่กรงขังเสือ

รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะเลือกตั้ง 2554 แต่ถูกเสือตัวนี้ก่อกวน และในที่สุดก็ทำการรัฐประหารในปี 2557 ไล่กัดรัฐบาลจากการเลือกตั้งและทำให้คนจำนวนหนึ่งต้องหนีเตลิด จากนั้นรัฐบาลคนขี่เสือก็ทำการปกครองประเทศแทน

เมื่อไม่แน่ใจว่าเสือตัวนี้จะแข็งแรงพอจะสู้กับชาวบ้านได้หรือไม่พวกที่ขี่เสือ ก็ต้องมีการปรับปรุงระบบ ดังนั้น จึงมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสือและคนขี่มีอำนาจมากขึ้น

แต่เมื่อระบบที่เหมือนเสือกินคน ทำให้คนไม่พอใจและเดือดร้อนก็ต้องมีคนต่อต้านระบบและคิดจะโค่นล้มเพื่อความปลอดภัยของตนเอง การล้มเสือและคนขี่เสือ จึงเป็นปรากฏการณ์อีกด้านหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสือตัวนี้ได้ขยายอำนาจออกมาหลังการเลือกตั้งปี 2562

จนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านก็รู้ชัดเจนแล้วว่าอำนาจที่แสดงออกผ่านเสือตัวนี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ชอบธรรม ไม่มีความยุติธรรม การคิดจะไล่ทั้งเสือ ทั้งคนขี่เสือ จึงเป็นสถานการณ์ปกติในปัจจุบัน แต่มันจะเกิดขึ้นแรงแค่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไรยังไม่มีใครรู้ แล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะมีคนบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ จำนวนเท่าใด ในปีเสือปี 2553 ตายร่วมร้อย บาดเจ็บหลายพัน

ปีเสือปี 2565 นี้ มีโรคระบาดโควิดหลายสายพันธุ์อาจมาทำให้การร่วมต่อต้านของประชาชนชะงักไประยะหนึ่ง แต่ไม่ยุติลงและจะขยายตัวตามสถานการณ์เช่นกัน

 

ปี 2564 เสือกลายเป็นระบบกินคน

ที่ไม่อาจยกเลิกได้

ไม่ว่าจะไปแตะส่วนไหน ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบ ก็จะถูกขัดขวาง คัดค้าน เพราะทุกกลุ่มมีผลประโยชน์ เสือไม่ยอมกลับเข้าป่า เพราะที่นี่มีอาหารจากงบประมาณจำนวนมหาศาล

ระบบเสือกินคนประกอบด้วยทุกองค์กรที่เป็นอำนาจรัฐ ทั้งรัฐบาล ส.ว. ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ระบบยุติธรรมทั้งหมด และยังมีกลุ่มทุนที่หากินจากอำนาจนี้ เมื่อเสือตัวนี้ต้องกินอาหารจากภาษี เลือดเนื้อประชาชน มันจึงไม่ยอมจากไปไหน มีแต่จะกินมากขึ้นทุกวัน

การที่คนขี่เสือนำเสือออกมาไล่กัดกินชาวบ้านทุกวัน ก็เป็นตัวเร่งบีบให้ชาวบ้านต้องออกมาไล่เสือและคนขี่ให้ได้โดยเร็วเพื่อชีวิตตัวเอง

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังนึกไม่ออกว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังทำให้ระบบพังได้อย่างไรทั้งเรื่องการบริหารการปกครอง ที่ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตทุกวงการ ระบบเศรษฐกิจที่กำลังพังทลายทั้งอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การเกษตร ผู้คนติดหนี้สินล้นพ้นตัวทั้งเมือง ต้องปรับระบบใช้บัตรประชาชนแทนบัตรคนจน

ทางการเมืองถ้าการเลือกตั้งซ่อม พรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลพ่ายแพ้ จะทำให้การเลือกตั้งใหญ่ยืดออกไป ยิ่งถ้าการเลือกตั้ง กทม.แพ้หนักขึ้น รัฐบาลก็ยิ่งไม่อยากเลือกตั้ง

แต่การเลือกตั้งก็คือการระบายแรงกดดันของหม้อต้มน้ำเดือดถ้าไม่ยอมทำคิดว่ามีเรื่องแน่

มีคนบางส่วนบอกว่า ถ้าการเลือกตั้งทำให้สถานการณ์ชะลอออกไป ไม่มีการเลือกตั้งดีกว่า และมองว่าปัจจุบันความคิดของชาวบ้านทั่วไปไม่ยอมรับ ระบบนี้แล้ว ทั้งไม่มีประสิทธิภาพและมีการคอร์รัปชั่นระบาดทั่วไป การใช้อำนาจปกป้องตนเองและหาผลประโยชน์มากกว่า

เมื่อระบบมันใหญ่โตจนยกเลิกไม่ได้ ก็ถึงเวลาแล้วที่จะล้มระบบเสือนอนกิน ที่ทุจริตกินเลือดเนื้อ ขูดภาษีของประชาชน

 

การขับไล่ และทางออกของรัฐบาล

ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียก็ให้ข้อมูลกับประชาชนได้อย่างละเอียดว่าใครทำอะไรเมื่อไหร่อย่างไร ดีหรือเลวแค่ไหน สามารถสรุปและตัดสินใจว่า จะสู้หรือยอม แต่ปัญหาที่สำคัญในปัจจุบันคือฝ่ายต่อต้านขาดผู้นำที่มีศักยภาพพอ

ชาวบ้านได้สรุปเป็นความเชื่อไปแล้วว่าใครก็ตามที่มาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติประชาชนจะต้องถูกโค่นล้มและกำจัดออกไป เพราะคนที่เสียประโยชน์จะยอมไม่ได้ให้เกิดผู้นำเช่นอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือผู้นำพรรคอนาคตใหม่อย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

การเมืองในระบบที่เป็นความหวังของประชาชนจึงเดินต่อไม่ได้ ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ประชาชนอยากเลือกผู้นำมาบริหารจะทำไม่ได้ ถ้าไม่ยอมยุบสภาเลือกตั้งใหม่ รัฐจะรับแรงกดดันทุกด้านอย่างไร (แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่นั่นเพียงแค่ชะลอสถานการณ์แตกหักไว้เท่านั้น เพราะปัญหาพื้นฐานมิได้ถูกแก้ไข)

แต่ถ้าไม่มีการประกาศการเลือกตั้งใหม่ ก่อนการประชุมโอเปคที่รัฐบาลหวังไว้ว่าจะเป็นประธานจัดประชุมในปลายปี 2565 ไม่ว่าจะประชุมที่ไหน รูปแบบใด เชื่อว่าการประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่จะเกิดพร้อมการประชุม