เหรียญรุ่นสิบตัง 2490 หลวงพ่อเฟื่อง วัดอมรญาติฯ พระเกจิชื่อดังดำเนินสะดวก

โฟกัสพระเครื่อง–(สุรินทร์ สรรพคุณ) / โคมคำ

[email protected]

 

เหรียญรุ่นสิบตัง 2490

หลวงพ่อเฟื่อง วัดอมรญาติฯ

พระเกจิชื่อดังดำเนินสะดวก

 

จังหวัดราชบุรี ดินแดนเมืองเก่า เทือกเขางูและถ้ำที่สลักภาพพระพุทธรูปลงบนผนังถ้ำสมัยทวารวดี สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะของชาวบ้าน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ขึ้นชื่ออย่างคลองดำเนินสะดวกและภาพชีวิตตลาดน้ำ

สำหรับอำเภอดำเนินสะดวก มีพระเกจิชื่อดังรูปหนึ่ง คือ “พระครูอดุลสารธรรม” หรือ “หลวงพ่อเฟื่อง ธัมมปาโล” วัดอมรญาติสมาคม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี

ถือเป็นพระเกจิอาจารย์ทรงพุทธาวิทยาคมที่ชาวราชบุรีและชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงเลื่อมใสศรัทธา วิทยาคมถือเป็นอันดับต้นในพื้นที่

สร้างวัตถุมงคลหลายรุ่น อาทิ เหรียญ พระปรก ฯลฯ ซึ่งวัตถุมงคลทุกรุ่น ล้วนแต่ได้รับความนิยม

โดยเฉพาะ “เหรียญหลวงพ่อเฟื่อง วัดอมรญาติฯ รุ่นสิบตัง” สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.2490 กว่าๆ โดยผู้สร้างคือ ผู้ใหญ่สง่า ช่วงทอง สร้างถวายหลวงพ่อเฟื่อง ปลุกเสกแจกในงานเปิดป้ายโรงเรียนวัดอมรญาติฯ

เหรียญหลวงพ่อเฟื่อง รุ่นสิบตัง

ลักษณะเป็นรูปวงกลมขนาดเท่าเหรียญสิบสตางค์สมัยเก่า จึงเป็นที่มาของชื่อพิมพ์นี้ สร้างด้วยเนื้อโลหะดีบุก และเนื้อทองแดง ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปจำลองหลวงพ่อเฟื่องครึ่งองค์ ห่มจีวรคลุมไหล่ ใต้รูปหลวงพ่อมีอักขระภาษาไทยอ่านได้ว่า “พระครูอดุลสารธรรม”

ด้านหลัง ปรากฏอักขระยันต์ตรีนิสิงเห ไม่มีอักขระภาษาไทยเลย

พุทธคุณวัตถุมงคลนั้น คนสมัยก่อนนับถือกันว่าไม่เป็นสองรองใคร เป็นที่ประจักษ์ชาวดำเนินสะดวกและคณะศิษย์มานักต่อนัก

จัดเป็นวัตถุมงคลที่หายากและมีราคา ผู้ใดครอบครองมักจะยิ่งหวงแหนเป็นยิ่งนัก

หลวงพ่อเฟื่อง ธัมมปาโล

มีนามเดิมว่า เฟื่อง ภู่สวัสดิ์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2420 ที่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ท่านัด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายภู่ และนางมิ่ง ภู่สวัสดิ์ ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

วิถีชีวิตในวัยเด็กของท่านไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากระบบการศึกษาในสมัยนั้น แต่ได้มาศึกษาร่ำเรียนต่อเมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว

เข้าพิธีอุปสมบทในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2440 ที่วัดโชติทายการาม มีพระครูวรปรีชาวิหารกิจ (ช่วง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ทองอยู่ วัดโชติทายการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการโต เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

จากนั้นได้อยู่จำพรรษาที่วัดโชติทายการามกับพระอุปัชฌาย์ พร้อมศึกษาวิทยาคมจากตำรับตำรา มีความสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการปฏิบัติธรรมหรือวิทยาคม แม้เมื่อตอนที่บวชนั้นไม่อาจอ่านหนังสือออก หากก็พากเพียรร่ำเรียนอาศัยการท่องจำจากพระภิกษุด้วยกัน เพียงพรรษาแรกก็สามารถท่องจำบทสวดมนต์และพระปาติโมกข์ได้จนจบ

ทั้งยังไม่ปล่อยให้เวลาล่วงไปโดยปราศจากประโยชน์ หลวงพ่อเฟื่องได้พากเพียรต่อการเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอม สามารถจะอ่านออกเขียนได้ทั้งไทยและขอม สามารถเขียนยันต์ได้อย่างถูกต้อง

เคยกล่าวไว้ว่า “การเจริญกัมมัฏฐานทำให้เกิดปัญญาได้เหมือนกัน เพราะกัมมัฏฐานเป็นที่ตั้งแห่งการงาน คือเป็นรากเหง้าของปัญญา ซึ่งเมื่อผู้ใดได้ฝึกกัมมัฏฐานก็เท่ากับ ฝึกจิตใจให้มีสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็โปร่งใส อ่านอะไรก็ทะลุปรุโปร่ง เพราะมีปัญญาที่อยู่เหนือกว่าปัญหาทั่วๆ ไป คือปัญญาของพระอริยะ”

 

ต่อมา ย้ายไปจำพรรษายังวัดไผ่ล้อม ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี ในห้วงระยะนั้นอุโบสถของวัดได้ชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอันมาก จนไม่สามารถที่จะทำสังฆกรรมอีกต่อไปได้

จึงได้ร่วมมือกับพระอธิการโต เจ้าอาวาสวัด ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ จัดการก่อสร้างขึ้นใหม่หมดทั้งกุฏิ วิหาร และศาลาการเปรียญ บูรณะวัดจนเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน เมื่อครั้งพระอธิการโตมรณภาพลงด้วยโรคชรา ก็ได้รับการนิมนต์จากชาวบ้านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน

เมื่อเจ้าอาวาสวัดอมรญาติสมาคม หรือหลวงพ่อน้อยมรณภาพ จึงได้รับนิมนต์ให้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้ด้วยอีกวัดหนึ่ง จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด พ.ศ.2455 ตรงกับวันที่ 28 มิถุนายน จึงได้ย้ายมาจำพรรษายังวัดอมรญาติสมาคม

ด้วยความที่วัดกับบ้านเป็นที่พึ่งกันและกัน จึงได้พัฒนาทั้งวัดและบ้าน กล่าวคือ ไม่เพียงแต่จะพัฒนาก่อสร้างถาวรวัตถุแต่เพียงอย่างเดียว ด้านการศึกษานั้นหาได้ปล่อยทิ้งละเลยไม่ ขณะนั้นย่านนั้นหาได้มีสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณรไม่ จึงได้จัดสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมในปี พ.ศ.2473 และได้จัดหาครูมาสอนให้ด้วย กระทั่งมีพระภิกษุสามเณรมาศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมากมาย

พ.ศ.2477 จัดสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ด้วยของเดิมคับแคบ

พ.ศ.2483 ดำเนินการสร้างโรงเรียนประชาบาลอมรวิทยาคาร ไม่เพียงพัฒนาวัดเท่านั้น หากยังได้ก่อสร้างถนนหลวงและสะพานข้ามคลองมอญ ย้ายโรงเรียนปริยัติธรรมมายังด้านทิศตะวันตก

ส่วนตำแหน่งหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล พ.ศ.2471

พ.ศ.2473 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2492 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ พระครูอดุลสารธรรม

มรณภาพเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2500 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 60