อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ซานไห่ เก้าคนหลังฉาก ในประวัติศาสตร์ผลัดใบ (21)

ประวัติของ บาทหลวง โรแบรต์ จาควิโนต์ Robert Jacquinot นั้นมีหลายสิ่งที่น่าสนใจมาก

เขาเกิดในครอบครัวของผู้มีอันจะกินที่เมืองลอร์เรน ทางเหนือของฝรั่งเศส อันเป็นเมืองเกิดของ โจน ออฟ อาร์ก ด้วย ในปี 1878

เขาถือบวชในนิกาย The Society of Jesus ที่ก่อตั้งโดยนักบุญชาวสเปนนาม อิกนาติอุส โลโยล่า-Ignatius Loyola ในปี 1540

นิกายนี้ถือว่าเป็นนิกายที่มีการฝึกฝนทางจิตวิญญาณเข้มข้นมากนิกายหนึ่ง หนังสือคู่มือการฝึกตนและจิตวิญญาณที่เขียนขึ้นโดยนักบุญโลโยล่า ในปี 1552 ยังเป็นหนังสือที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายจนปัจจุบันนี้

นอกเหนือจากการฝึกฝนด้านจิตวิญญาณแล้ว นิกายนี้ยังมีความเชื่อว่านักบวชควรมีความรู้รอบตัวในเรื่องอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ กีฬา หรือการต่อสู้ ทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมให้ศรัทธาและความเชื่อมีความมั่นคงขึ้น

นิกายนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคณะเยซูอิตและพวกเยซูอิตซึ่งถือว่าเป็นคณะนักบวชกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศจีน (หลังการบุกเบิกของนักบวช แมตธีโอ ริชชี่-Matteo Ricci ในสมัยจักรพรรดิคังฮี) นับถือและเคารพพรตจรรยาแบบนี้ของนิกาย The Society of Jesus มาก

และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บาทหลวงจาควิโนต์ได้มีโอกาสเดินทางมาถึงประเทศจีน

 

ในช่วงเวลาที่บาทหลวงจาควิโนต์ยังเป็นเด็กอยู่นั้น ประเทศฝรั่งเศสกำลังก้าวเข้าสู่การจัดตั้งอาณานิคมของตนทั้งในทวีปแอฟริกาและในอินโดจีน ทำให้มีการเตรียมความพร้อมกับพวกเหล่ามิชชันนารี บาทหลวงจาควิโนต์นั้นเข้าศึกษาภาษาจีนที่ประเทศอังกฤษ และรับหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียนด้วย

เขาสูญเสียแขนขวาจากการทดลองเคมีให้นักเรียนชม และทำให้เขาได้รับสมญานามว่าบาทหลวงแขนเดียวเมื่อมาพำนักอยู่ในประเทศจีน

บาทหลวงจาควิโนต์เดินทางมาถึงประเทศจีนในปี 1913 ยี่สิบสี่ปีก่อนสงครามในซานไห่จะปะทุขึ้น โดยเข้าทำงานครั้งแรกในอารามพระแม่หฤทัยที่ฮั่นโข่ว

หลังจากนั้นเขาไม่ได้จากไปไหนอีกเลย

บาทหลวงจาควิโนต์นั้นมีความรักในประเทศจีนมากจนตั้งชื่อภาษาจีนของเขาว่า เหล่า เจีย หัว-Rao Jiahua ที่แปลว่าประเทศจีนคือบ้านของฉัน

 

การก่อตั้งพื้นที่ปลอดสงครามหรือ War Time Safe Zone ของบาทหลวงจาควิโนต์ ในปี 1937 ไม่ใช่งานสำคัญครั้งแรกของท่าน

ในปี 1932 ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารญี่ปุ่นกับกองทัพจีน บาทหลวงจาควิโนต์ได้เคยขอช่วงเวลาพักรบเพื่ออพยพผู้คนที่เกี่ยวข้องออกจากเขตการปะทะ

และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ชื่อของท่านเป็นที่รู้จักในซานไห่

สงครามจีน-ญี่ปุ่น นั้นกินเวลาทั้งหมดแปดปีก่อนที่ประเทศญี่ปุ่นจะแพ้สงครามโลกเพราะระเบิดปรมาณู

ประมาณการว่ามีคนที่บ้านแตกสาแหรกขาดในช่วงนั้นกว่า 100 ล้านคน

สำหรับที่ซานไห่นั้น บาทหลวงจาควิโนต์ได้จัดตั้งพื้นที่ปลอดสงครามในเขตเมืองเก่าของซานไห่เพื่อพลเรือนชาวซานไห่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม

พื้นที่ปลอดสงครามนี้ตั้งอยู่ติดกับเขตเช่าฝรั่งเศสและบริหารงานโดยคณะกรรมการร่วมที่มาจากประเทศสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรักษาความปลอดภัยโดยตำรวจชาวจีน

ภายในพื้นที่นั้นจะปลอดการรบ และมีอาหารให้ทานตลอดเวลา

หลี่ เฟิว เสียง-Li Fengxiang ชายผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองที่ได้อาศัยเขตปลอดสงครามของบาทหลวงจาควิโนต์ไว้ว่า

“หลังจากเสียงตะโกนว่าทหารญี่ปุ่นมาแล้ว เสียงนั้นปลุกให้พลเมืองซานไห่ทั้งหมดต้องหาที่พึ่ง พวกเขาพยายามไปยังเขตเช่าฝรั่งเศสที่พวกเขาเชื่อว่ามันจะปลอดภัยที่สุดหากแต่กลับพบว่าทางเข้าถูกปิด อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่ามีสถานที่ปลอดภัยเปิดอยู่ที่เขตเมืองเก่า พวกเขาตรงไปที่นั่นและพบว่ามันเป็นโรงงานรับซื้อแป้งแห่งหนึ่ง ที่นั่นพวกเขาพบคนหนีภัยสงครามจำนวนมาก แต่ละครอบครัวได้รับแจกผ้าห่ม ครอบครัวละหนึ่งผืนเท่านั้นสำหรับการหลับนอน ทว่า ในช่วงเวลานั้นการมีที่หลบภัยจากการฆ่า ข่มขืน และเสียงระเบิดก็ถือว่าเพียงพอแล้ว”

“พวกเราได้รับแจกซาลาเปาและขนมปัง และมีกลุ่มนักศึกษาคอยเดินตรวจตราอารักขาตลอดเวลา ตอนนั้นเองที่เรารู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว”

หลี่ฯ เองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ปลอดภัยแห่งนั้นถูกจัดตั้งโดยบาทหลวงแขนเดียวนามจาควิโนต์ หากเขาจะไม่มีอายุยืนยาวพอที่จะมีการรื้อฟื้นประวัติศาสตร์ของเขตปลอดภัยสงครามนี้ขึ้นใหม่

jacquinot

นักประวัติศาสตร์จีนรุ่นหลังพบว่าช่วงเวลานั้น บาทหลวงจาควิโนต์สร้างเขตปลอดภัยในซานไห่ถึงเก้าเขตซึ่งกินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของเมืองเก่า

ในเก้าเขตนั้นแบ่งออกเป็นที่พักหรือแคมป์ย่อยๆ กว่าร้อยแคมป์ ซึ่งมีทั้งสวนสนุก มัสยิด วิหารจีน วัดพุทธ

ปัน กวง-Pan Guang ลูกชายของ ปัน ดา เจิง-Pan Dacheng เจ้าหน้าที่สำคัญคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เคยทำงานเป็นผู้ช่วยของบาทหลวงจาควิโนต์ เล่าถึงชีวิตของพ่อเขาที่เขาได้ยินมาว่า ในเขตปลอดการรบหรือเขตปลอดสงครามนั้นมีการแบ่งการบริหารทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัย มีการจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราว โรงพยาบาลชั่วคราว และมีการฝึกอาชีพในนั้นด้วย

ปัน กวง นั้นเป็นหนึ่งในบุคคลที่พยายามเสาะหาที่ตั้งของเขตปลอดสงครามนี้เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในฐานะสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์

อันที่จริง ผู้อพยพที่ไร้ที่พักพิงเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล การรับมือกับสถานการณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกคนต่างหนีภัยสงครามแบบหัวซุกหัวซุน

บางคนอาจเตรียมการไว้ก่อน ดังนั้น การพำนักในเขตปลอดสงครามอาจเป็นไปในชั่วงระยะสั้นก่อนที่จะติดต่อญาติมิตรนอกพื้นที่ได้

แต่บางคนอาจต้องพำนักนานกว่านั้นจนกว่าจะตั้งตัว

ทุกคนมาสู่เขตปลอดสงครามด้วยเสื้อผ้าชุดเดียวและเงินติดตัวที่น้อยนิด

หลังจัดการปัญหาเรื่องที่อยู่ที่กินแล้ว ปัญหาเรื่องชุมชนและสาธารณสุขคือปัญหาใหญ่ที่ตามติดมา

ในตอนแรก จำนวนผู้อพยพสูงถึงหนึ่งล้านคน และแม้จะกระจายอยู่ตามเขตต่างๆ ก็เป็นจำนวนไม่ใช่น้อยเลย สามแสนกว่าคนจากไปในเวลาต่อมา

กระนั้นจำนวนคนที่ตกค้างอีกเจ็ดแสนคนยังคงอยู่ในเขตเมืองเก่าก็เป็นภาระหนักสำหรับบาทหลวงจาควิโนต์ แสนสี่หมื่นคนอยู่ตามสถานที่และสองแสนกว่าอยู่ในเขตปลอดสงคราม

การช่วยเหลือหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ทว่า การจัดการให้สิ่งของบรรเทาทุกข์ไปถึงมือผู้อพยพเต็มไปด้วยความขลุกขลักอย่างยิ่งยวด

ทำอย่างไรให้คนที่หิวโหยเจียนตายได้อาหารก่อน คนที่หนาวสั่นจนกระดูกร้าวได้เสื้อผ้าก่อน

ทุกที่เต็มไปด้วยคน พื้นที่หนึ่งตารางไมล์ในซานไห่ตอนนั้นว่ากันว่ามีผู้อพยพเบียดเสียดถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคน

 

ตกถึงเดือนธันวาคม 1937 ประมาณการผู้อพยพอยู่ที่หกแสนกว่าคน

สถานการณ์ดีขึ้นบ้างหากแต่ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา ทุกที่ที่พอหลับนอนได้ล้วนเต็มไปด้วยผู้คน การจัดการด้านอาหารถูกจัดเป็นระบบดังนี้

ข้อแรกคือการหาเสบียงอาหารมากักตุน หลังเกิดสงคราม ซานไห่ แทบจะถูกตัดขาดจากเมืองอื่น โชคดีว่าหลังจากการกระจายข่าวมีการช่วยเหลือจากต่างชาติเข้ามา กระนั้นการจำกัดอาหารก็ยังจำเป็น ค่าอาหารต่อวันต่อคนถูกจำกัดไว้ที่ สามเซนต์ เท่านั้น

ข้อที่สองคือการกระจายอาหารให้ทั่วถึง จะต้องมีคนมากพอที่ปรุงเสบียงอาหารดิบเหล่านั้นให้เป็นสิ่งที่ทานได้

จำนวนอาสาสมัครขาดแคลน และหลายคนก็บาดเจ็บกว่าจะเข้ามาถึงเขตปลอดสงครามและยิ่งอาหารไม่เพียงพอการเจ็บป่วยก็จะตามมาอีก

บาทหลวงจาควิโนต์ตัดสินใจจัดตั้งครัวกลางหรือ Central Kitchen ครัวกลางนี้จะรับเสบียงและปรุงอาหารโดยให้แต่ละค่าย แต่ละจุดมารับอาหารไปแจกจ่าย แทนการปล่อยให้แต่ละค่ายแต่ละจุดปรุงอาหารเอง

ข้อสุดท้ายคือการฝึกให้ทุกคนรู้จักการอดอาหารในเวลาจำเป็น

นม ไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลืองหรือนมชนิดอื่นจะถูกกันไว้ให้ทารก

ผู้ใหญ่จะได้รับข้าวแต่ไม่ทุกมื้อสลับกับแป้ง ทุกอย่างดูคลี่คลายลงแต่โรคผิวหนังและการติดโรคทางตากลับเพิ่มมากขึ้น

บาทหลวงจาควิโนต์เล็งเห็นถึงการแก้ปัญหาระยะยาว เขาจำต้องทำให้โลกเห็นว่าเขตปลอดสงครามเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่ประเทศจีนประเทศเดียวจะรับมือไว้

และแล้วเขาก็ออกเดินทางไปสหรัฐเพื่อพบกับประธานาธิบดีรูสเวลต์