บาร์นาบี จอยซ์ รองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ลำบากที่ไม่เพียงจะส่งผลเดือดร้อนต่อตนเองเท่านั้น

ทว่า อาจส่งผลกระเทือนกับพรรคร่วมรัฐบาลออสเตรเลียที่เสี่ยงจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาเอาไว้ได้

การเปิดเผยว่า “จอยซ์” อาจมี “สัญชาตินิวซีแลนด์” อยู่ด้วยอีกสัญชาติหนึ่ง “อย่างไม่ตั้งใจ” ซึ่งจอยซ์ หัวหน้า “พรรคเนชั่นนัลปาร์ตี้ออฟออสเตรเลีย” ก็ยอมรับไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา กลายเป็น “เรื่องใหญ่” และเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมในออสเตรเลียด้วยเหตุผลหลายประการ

หนึ่งเพราะกฎหมายออสเตรเลีย “ห้าม” ไม่ให้ผู้ที่มี “สองสัญชาติ” นั่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออสเตรเลียได้ ซึ่งนั่นทำให้ “จอยซ์” จะขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกรัฐสภาไปโดยปริยาย

เหตุผลประการต่อมาคือ การขาดคุณสมบัติของ “จอยซ์” ส่งผลกระทบมากขึ้นเมื่อ “พรรคร่วมรัฐบาล” ครองเสียงข้างมากกว่าพรรคฝ่ายค้านอยู่เพียง 1 เสียง

ดังนั้น การขาด “จอยซ์” ไปเพียง 1 คนก็อาจทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่กันอีกครั้ง

 

บาร์นาบี จอยซ์ ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ภายใต้การนำของ นายมัลคอล์ม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2016 ต้อง “ตกตะลึง” เมื่อเจ้าหน้าที่ของทางการนิวซีแลนด์ เปิดเผยกับสื่อออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “จอยซ์” จะได้รับสัญชาตินิวซีแลนด์ “โดยอัตโนมัติ” ในฐานะที่มีพ่อเป็นชาวนิวซีแลนด์ แม้จะไม่ได้เกิดในนิวซีแลนด์หรือทำเรื่องขอสัญชาติกับทางการนิวซีแลนด์ก็ตาม

นั่นส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องโดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้านให้ “จอยซ์” ถอนตัวออกจากตำแหน่ง

ทว่า “จอยซ์” ก็ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ตนได้พูดคุยกับทางการนิวซีแลนด์แล้วว่าตนสามารถเพิกถอนสัญชาติ “นิวซีแลนด์” ได้ ซึ่งก็ต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ศาลสูงสุดจะต้องตัดสินอีกครั้งว่า “จอยซ์” มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของออสเตรเลียหรือไม่ ส่งผลให้สถานะของรัฐบาลนิวซีแลนด์นั้นยังคงไม่แน่นอนต่อไป

 

“บาร์นาบี โทมัส เจอราร์ด จอยซ์” นักการเมืองชาวออสเตรเลียวัย 50 ปี นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่มักจะเป็นที่นั่งของหัวหน้าพรรคเนชั่นนัลปาร์ตี้แล้ว ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเกษตร และรัฐมนตรีทรัพยากรน้ำด้วยในเวลาเดียวกัน โดยตำแหน่งรัฐมนตรีทรัพยากรน้ำนั้น จอยซ์ได้รับการแต่งตั้งในยุคของนายกรัฐมนตรี โทนี่ แอบบอตต์ ขณะที่รัฐมนตรีทรัพยากรน้ำ ได้รับแต่งตั้งในยุคนายกรัฐมนตรีเทิร์นบูล

จอยซ์เกิดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เป็นลูก 1 ใน 6 คนในครอบครัวปศุสัตว์

เจมส์ จอยซ์ พ่อของจอยซ์ เกิดในนิวซีแลนด์และย้ายมาอาศัยในออสเตรเลียเพื่อเรียนด้านสัตวแพทย์ที่มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ก่อนจะได้พบกับ แมรี่ แม่ของจอยซ์ที่เรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน

จอยซ์ ผู้ซึ่งเคยประกอบอาชีพเป็นนักบัญชี เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อปี 2004 โดยได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกตัวแทนของรัฐควีนส์แลนด์ ตั้งแต่ปี 2005-2013

ในปี 2013 จอยซ์ลาออกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิกเพื่อลงชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งนิวอิงแลนด์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์

ชัยชนะในการเลือกตั้งดังกล่าวส่งผลให้จอยซ์กลายเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ออสเตรเลียที่เป็นตัวแทนในสภาสูงและสภาล่างจากต่างพื้นที่กัน

 

ทั้งนี้ “จอยซ์” ผู้ที่มักสวมใส่หมวกเคาบอยและรองเท้าบู๊ตของชาวไร่ เคยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกมาก่อนหน้านี้แล้วจากกรณีที่เขา “ขู่” ที่จะทำ “การุณยฆาต” เจ้า “พิสทอล” และ “บู” สุนัขสองตัวของ “จอห์นนี่ เดปป์” นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดัง ที่อดีตภรรยาอย่าง แอมเบอร์ เฮิร์ด นำเข้ามายังประเทศออสเตรเลียโดยผิดกฎหมาย ขณะที่เดปป์ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องไพเรตส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน ในออสเตรเลีย

นั่นส่งผลให้เฮิร์ด ผู้ที่เป็นผู้เลี้ยงเจ้าพิสทอล และบู หลังเลิกรากับเดปป์ ออกมาโพสต์ข้อความจิกกัด “จอยซ์” ที่เจอมรสุมสัญชาติครั้งล่าสุดแบบแสบๆ คันๆ ผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “เมื่อ บาร์นาบี จอยซ์ บอกว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” ฉันไม่นึกเลยว่าเขาหมายถึงกฎหมายนิวซีแลนด์”

มรสุมทางการเมืองของ บาร์นาบี จอยซ์ จะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าศาลสูงสุดในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย จะมีคำตัดสินในประเด็นสัญชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักการเมืองอีก 4 คนด้วย ว่ามีคุณสมบัติตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญออสเตรเลียหรือไม่ ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้