อนาคต “บิ๊กตู่”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

อนาคต “บิ๊กตู่”

มีประเด็นให้ลุ้นระทึกกันตั้งแต่ไก่โห่ ข้าม พ.ศ.กันเลย กรณีมีข่าวว่า “นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายสารพัดประโยชน์ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ถึงวัยชราโรย พูดกับคนใกล้ชิดว่า จะตัดสินใจทิ้งไพ่ ไขก๊อกออกจากตำแหน่งเนติบริกร

แพ็กกระเป๋าปลีกวิเวก กลับไปเลี้ยงหลานวัยละอ่อน สวมบทคุณปู่อย่างถาวรในบั้นปลายชีวิต แม้ต่อมาเจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธเสียงเข้มเสียงเขียวว่า “ปรารภเล่นกับเพื่อน พูดหลายเดือนมาแล้ว” พร้อมขยายธงว่า “ไม่ได้หมายความว่าต้องเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อสิ้นรัฐบาลนะ”

ต้องยอมรับว่า หาก “ดร.วิษณุ” ลาออก มีผลสะเทือนค่อนข้างสูงต่อรัฐบาล “บิ๊กตู่” ในฐานะเครื่องมือผู้ผดุง กำกับดูแลด้านกฎหมาย มีความขลังขมังเวทย์ระดับเบญจภาคี ทำให้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” รอดแล้วรอดเล่า มาไม่รู้กี่คดีต่อกี่คดี นับไม่ถ้วน

ดังนั้น เมื่อมีข่าวกระบี่มือเอกอุระดับสมภาร ท่านเจ้าคุณ จะแหกพรรษา มาใส่ชุดขาว ยุทธจักรการเมืองเลยจินตนาการกันไปต่างๆ นานา บางกระแสโฟกัสไปไกลถึงขนาดว่า เป็นการกะพริบไฟส่งสัญญาณอนาคตของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม อายุขัยใกล้สิ้นสุดลง

ตามกลไกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แห่งมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”

การดำรงตำแหน่งจะเริ่มนับหนึ่ง ครบ 8 ปีจากจุดไหน หากนับจากวันที่คณะ คสช.ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 จากวันโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ในวันที่ 24 สิงหาคม 2557 วันครบ 8 ปีจะตรงกับวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เหลือเวลาอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว 7-8 เดือนเท่านั้น

หรือใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นเกณฑ์ เริ่มนับหนึ่งจากวันประกาศใช้ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 “พล.อ.ประยุทธ์” สามารถตีกรรเชียงต่อไปได้จนครบเทอมในปี 2566 เลือกตั้งใหม่ประสบชัยชนะ สามารถดำรงสถานะเดิมได้อีกครึ่งเทอม ครบ 8 ปีบริบูรณ์รากงอกจนถึงต้นปี 2568

หวยจะออกหมู่หรือจ่า ภาษาไทยวันละคำ จะสะกดคำว่า “มาตรฐาน” ถูกหรือไม่ ท้ายที่สุดเชื่อว่า พอถึงกำหนด ต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ว่า 8 ปีเริ่มจากจุดสตาร์ตตรงไหน

ขณะนี้ฝ่ายยื่นคงอยู่ระหว่างเตรียมการ รอให้เกิดเหตุ คือข้ามเส้น 8 ปีไปแล้วหรือไม่เสียก่อน คาดว่าหลังวันที่ 23 สิงหาคม 2565 “เจ้าภาพ” คงจะร่วมแจม เพื่อทอดกฐินกันคับคั่ง

การปรารภเล่นๆ กับเพื่อนๆ ของ “ดร.วิษณุ เครืองาม” ถึงการลสละเรือ แม้จะติดติ่ง ไม่ได้หมายความว่า ต้องเดี๋ยวนี้ แต่จะลงมือเมื่อสิ้นรัฐบาลนะ ผู้สันทัดกรณี ต่างพากันเชื่อว่า น่าจะมีปริศนา “บอกใบ้” อะไรบางอย่าง เหมือนหุ้นจะร่วงจะหล่น มันต้องมีที่ไปที่มา

จึงเห็นพ้องต้องกันว่าประเด็นเนื้อหาที่จะเขย่าให้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” สิ้นสภาพในชั่วโมงมากที่สุด คือปม “คุณสมบัติ” การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีมิได้ ที่จะมีธงล้ำเส้นในวันที่ 23 สิงหาคม 2565

 

ความรู้ความสามารถ ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในการนำพาชาติบ้านเมือง…คนรูปลักษณ์ไม่หล่อ แต่มีนวลนางคลอเคลียเต็มข้างกายมีถมไป “พล.อ.ประยุทธ์” อาจไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่ “แต้มบุญ” สูงส่ง รอดตายแบบปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน ตัดฉากฉับเอาแค่หลังเลือกตั้งใหญ่ เมื่อเดือนมีนาคม 2562 เกิดปรากฏการณ์ชนะศึกมามากมาย

เริ่มจากกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ปรากฏว่า ศาลมีมติเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

วันที่ 26 มิถุนายน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อ ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช. เป็นการดำรงตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง

วันที่ 18 กันยายน 2562 ศาลวินิจฉัยว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช.มาจากการเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ “ซึ่งเป็นการใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์” ที่เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ดังนั้น การทำงานของ คสช.เป็นเพียงการเข้าสู่ตำแหน่งเพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น

นอกจากนั้น การดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช.เป็นการแต่งตั้งที่ไม่ได้ขึ้นกับกฎหมาย ทำให้ คสช.ไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาและการทำงานของรัฐ “จึงไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา 98(15) ไม่มีลักษณะต้องห้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้”

ต่อมา วันที่ 2 ธันวาคม 2563 ก็หลุดรอดอีกวิบากกรรม เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์สิ้นสุดลงหรือไม่ กรณีใช้ประโยชน์พักอาศัยในบ้านพักทหาร (บ้านพักหลวง) ภายในกรมทหารราบที่ 1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต หลังเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกไปแล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สรุปใจความว่า ข้อเท็จจริงผู้ถูกร้องเป็นผู้บัญชาการทหารบกพักอาศัยอยู่ในพักหลังดังกล่าว เมื่อพิจารณาผู้มีสิทธิในการเข้าพัก คือต้องทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาแล้ว ซึ่งมีสิทธิพักอาศัยเนื่องจากเคยเป็น ผบ.ทบ.มาก่อน ส่วนเรื่องที่กองทัพบกสนับสนุนค่าไฟฟ้าและน้ำประปา สามารถทำได้ ทั้งนี้ กองทัพบกสามารถจัดบ้านพักให้นายกรัฐมนตรีให้มีความปลอดภัยได้

“นายกฯ จึงควรมีบ้านพัก ที่กองทัพบกจัดให้มีตามกฎข้อบังคับ ผู้ถูกร้องจึงไม่ได้ทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันเป็นการกระทำต้องห้ามการเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ผิดธรรมเนียมร้ายแรง ไม่ได้เรียกรับประโยชน์ที่กระทำต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่ทำให้สถานะนายกรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง”

ปาฏิหาริย์มีจริง ดังนั้น คอการบ้านการเมืองเชื่อว่า ประเด็นคุณสมบัติ 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” น่าจะหนังเหนียว “รอด” อีกตามเคย