หนุ่มเมืองจันท์ : ผู้ว่าฯ กทม.

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

 

ผู้ว่าฯ กทม.

 

สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้สนุกมาก

ทั้งที่ยังไม่กำหนดวันเลือกตั้ง

เพราะผู้สมัครที่เปิดตัวมาถือว่าใช้ได้เลย

โดยเฉพาะ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ที่ลงอิสระ และ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” จากพรรคประชาธิปัตย์

“ด๊อกเตอร์” เจอ “ด๊อกเตอร์”

“วิศวะ” เจอ “วิศวะ”

สมน้ำสมเนื้อกันอย่างยิ่ง

“ชัชชาติ” ก่อนนั้นเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ตอนแรกเขาติดอันดับ “รัฐมนตรีที่โลกลืม”

แต่พอมีภาพเดินเท้าเปล่าถือถุงแกงเข้าวัด

และมีคนเอาไปทำ “มีม” เล่น

กลายเป็นภาพที่โด่งดังในโซเชียลมีเดีย

และมีคนขนานนามว่าเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งในปฐพี

มีมุขต่างๆ มากมาย

แทนที่จะโกรธ “ชัชชาติ” ก็เล่นกับกระแสนี้ด้วย

“ชัชชาติ” จึงโด่งดังมากโดยเฉพาะในกลุ่ม “คนรุ่นใหม่”

และมาโด่งดังอีกครั้งตอนที่เขาเสนอโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง

เดินสายไปอธิบายเรื่องนี้ทั่วประเทศ

“ชัชชาติ” เป็นคนที่อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้เก่งมากคนหนึ่ง

กระแสรถไฟความเร็วสูงที่ถูกจุดพลุขึ้นก็ถูกดับลงด้วยฝีมือของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่พ้นปลายเท้า

ประโยคที่ว่า “ให้ถนนลูกรังหมดจากเมืองไทยก่อน” ค่อยสร้างรถไฟความเร็วสูง เป็นเรื่องราวที่คนจำกันแม่นจนถึงวันนี้

วันที่ “ลาว” มีรถไฟความเร็วสูงแล้ว

แต่เมืองไทยยังเอาโบกี้รถไฟเก่าจากญี่ปุ่นมาใช้งาน

ตอนเลือกตั้งครั้งใหญ่ “ชัชชาติ” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

ก่อนลาออกมาเพื่อชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.

เปิดตัวก่อนใครมา 2 ปีแล้ว

เป็น “ตัวเก็ง” ที่คะแนนนิยมนำโด่งมาตั้งแต่ต้น

ส่วน “พี่เอ้” สุชัชวีร์ เป็นอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ประสบความสำเร็จมากในการทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยนี้ ยกระดับขึ้นมาหลังจากมีข่าวฉาวเรื่องการโกงเงินนับพันล้าน

เป็นอธิการบดีที่มีคลิปสนุกๆ ออกมาเป็นระยะๆ

ไม่ว่าทำตัวเป็น “พี่เนียน” นั่งอยู่กับนักศึกษาปี 1 ก่อนขึ้นไปบนเวทีเปิดตัวว่าเป็นอธิการบดี

หรือการร้องเพลงคู่กับ “ตูน บอดี้สแลม” ในงานฉลองรับปริญญาของบัณฑิต

เขาจะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “พี่เอ้”

แทนที่จะเป็น “อาจารย์”

นอกจากนั้น ยังมีคลิปการบรรยายเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่มียอดวิวสูงมากหลายคลิป

มีข่าวว่าจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.มาระยะหนึ่งก่อนจะเปิดตัวเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์

งานเปิดตัวทำได้ยิ่งใหญ่ ทันสมัย

พอเปิดตัวเสร็จ สื่อประชาสัมพันธ์ก็พรึ่บเต็มเมือง ทั้งสื่อกลางแจ้งบนจอแอลอีดีโปสเตอร์ ป้ายผ้า

โดยเฉพาะในรถไฟฟ้า ยิงกันเต็มที่

เขาใช้สโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพ เราทำได้”

เมื่อบอกว่า “เราทำได้” วิธีการนำเสนอก็ต้องเข้มแข็ง มั่นใจ

และถ้าจะให้ชาวบ้านมั่นใจว่าโครงการที่นำเสนอ “ทำได้” จริงๆ

เรื่องราวของ “คนพูด” จึงสำคัญ

นั่นคือ ที่มาการเล่าประวัติชีวิตของ “พี่เอ้” บนเวที

และหนึ่งในเรื่องเล่าเรื่อง “ทายาทไอน์สไตน์” จึงเกิดขึ้น

เหมือนจะเป็น “มุข”

เพราะเคยใช้บ่อยบนเวทีการอภิปราย

แต่พออยู่บนเวทีการเมือง “มุข” แบบนี้จึงถูกตรวจสอบ

และกลายเป็นการลื่นล้มทางการเมืองในวันแรกของ “พี่เอ้”

แต่ระยะเวลาการหาเสียงยังยาวไกล

ยิ่งมีพรรคประชาธิปัตย์ที่เก๋าเกมทางการเมืองอยู่เคียงข้าง

อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

นอกจากนั้น ผู้สมัครอื่นๆ แม้แต่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันก็ถือว่าคะแนนนิยมยังห่างๆ

ตอนนี้ก็รอแต่พรรคก้าวไกลจะเปิดตัวผู้สมัคร

เพราะกระแสพรรคก้าวไกลใน กทม.นั้นแรงมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่

และเขายืนยันว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของเขา โปรไฟล์ไม่แพ้ “ชัชชาติ-สุชัชวีร์”

สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตามประวัติการเมืองคนกรุงจะเลือก “คน” มากกว่า “พรรค”

ถ้ามีผู้สมัครเด่นๆ ขึ้นมา ต่อให้สมัครอิสระ ก็ชนะพรรคการเมืองที่คะแนนนิยมดีๆ ในเมืองกรุงได้

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ครั้งแรกของสมัครอิสระ ใช้ชื่อกลุ่มรวมพลัง

นายพิจิตต รัตตกุล ก็สมัครอิสระในชื่อกลุ่มมดงาน

นายสมัคร สุนทรเวช แม้จะสังกัดพรรคประชากรไทย แต่เป็นช่วงที่พรรคประชากรไทยตกต่ำที่สุดใน กทม. มี ส.ส.กทม.แค่ 4 คน

แต่ที่ชนะเลือกตั้งเพราะคะแนนนิยมส่วนตัว

นอกจากนั้น คนกรุงยังเป็นคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ผูกขาดกับพรรคใดพรรคหนึ่ง

ตั้งแต่พรรคประชากรไทย พรรคพลังธรรม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ

คน กทม.ไม่ยึดมั่นถือมั่น

พร้อมเปลี่ยนตลอด

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้น่าสนุกและน่าติดตามมาก

โดยเฉพาะการแข่งขันของ “ชัชชาติ-สุชัชวีร์” และพรรคก้าวไกล

น่าจะเป็นการหาเสียงที่สร้างสรรค์ นำเสนอแนวคิดการพัฒนา กทม.แบบทันสมัย

ไม่ใช่แบบเดิมๆ

แต่การหาเสียงรูปแบบหนึ่งที่ทุกคนต้องทำเหมือนกัน คือ การพบปะประชาชน

มีคนบอกว่าการหาเสียงรูปแบบนี้ “ชัชชาติ” ได้เปรียบ

ไม่ใช่เพราะแข็งแรงกว่า

แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

แต่เขาอาจใช้วิธีแบบ “เขาทราย แกแล็คซี่”

“เขาทราย” นั้นมีฝาแฝดนักมวยคือ “เขาค้อ แกแล็คซี่”

หน้าตาเหมือนกัน

สมัยเด็กๆ เคยมีการให้คนหนึ่งไปเปรียบมวย แต่อีกคนหนึ่งขึ้นชกแทน

“ชัชชาติ” ก็มีฝาแฝด คือ นพ.ฉันชาย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

คนทักผิดกันเป็นประจำ

ถ้าเขาชวนพี่ชายมาช่วยหาเสียงได้

จะเป็นการหาเสียงที่สนุกมาก

เพราะคนจะจำไม่ได้ว่าคนไหน “ชัชชาติ”

ผู้สมัครคนอื่นวันหนึ่งไปได้กี่แห่ง

“ชัชชาติ” ไปได้ 2 เท่า

เพราะแยกกันไปกับ นพ.ฉันชาย

และคนก็จะงงว่าทำไม “ชัชชาติ” มีความสามารถรักษาคนไข้ได้ด้วย

นอกจากแข็งแกร่งแล้ว

ความสามารถยังรอบด้านอีกด้วย

แค่คิดก็สนุกแล้ว