เผด็จการกลายพันธุ์/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

เผด็จการกลายพันธุ์

 

แม้ไม่อยากจะได้ยิน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็ยังอุตส่าห์กรอกหูให้ได้ฟัง

“ผมยังยืนยันว่าโควิด-19 เป็นเชื้อไวรัสติดเชื้อที่กระจอก ประเทศไทยเราพร้อมในเรื่องของวัคซีน ยิ่งปีหน้า 2565 ทั้งปี ชาวบ้านไม่ต้องไปจองฉีด สามารถฉีดได้ทั้งปี ไม่ว่าเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 ก็ฉีดให้ ไม่ต้องมาจองอีก และไม่ต้องจองกับเอกชน ใช้ของรัฐดีที่สุด”

ฯพณฯ เป็นอะไรไป วัคซีนนะไม่ใช่คุกกี้-บราวนี่-โดนัท!

ความไม่รู้หรือความรู้ผิดทำให้คนเราหลงอธิบายปรากฏการณ์ไปตามอัตตาที่พองโต ไม่อธิบายไปตามสภาพแห่งความเป็นจริง ท่วงทำนองที่ออกมาจึงอวดโอ่อหังการ สู่รู้ และประมาท

เมื่อประมาทก็อาจนำไปสู่หายนะ!

ความจริงข้อนี้พิสูจน์ได้จากข้อมูลสถิติของกรมควบคุมโรคที่บันทึกเอาไว้ว่า ในระลอกแรก (ระหว่างมกราคม-14 ธันวาคม 2563) 1 ปีมีคนไทยตายจากโควิด 60 คน

ระลอกสอง (ระหว่าง 15 ธันวาคม 2563-31 มีนาคม 2564) เพียง 3 เดือนครึ่ง คนไทยตายจากโควิดทวีคูณเป็น 34 คน

ระลอกสาม (ระหว่าง 1 เมษายน-16 ธันวาคม 2564) คนไทยตายยิ่งกว่าทวีคูณคือ 21,192 คน

วันนี้ ยังคงมีคนไทยติดเชื้อกว่า 3 พันคนต่อวัน และตายวันละ 20-30 คน

ในระดับโลก มีคนติดเชื้อโควิด-19 แล้วเกือบจะ 300 ล้านคน ตายใกล้ๆ 6 ล้านคนเข้าไปแล้ว เจ้าโควิดตัวนี้ยังกลายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ กระทั่งล่าสุดเป็น “โอไมครอน” หลอนผู้คนทั่วโลกให้ตระหนกกันต่อไป ยังไม่มีทีท่าว่ามนุษย์จะเอาอยู่

รัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศไทยถือดียังไงถึงได้ว่า “โควิดกระจอก”!

 

หลายปัญหาในเมืองไทยคนใหญ่คนโตชอบเห็นเป็นเรื่องกระจอกงอกง่อย แต่ปัญหานั้นเกิดขึ้นซ้ำซาก อ่านไม่ขาดหรือไม่ตั้งใจแก้ไขกันจริงๆ ด้วยความรู้ความเข้าใจ เช่น พอถึงหน้าหนาวเจอภัยหนาว ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ที่พวก ฯพณฯ ทำได้ก็แค่บอกให้อยู่ในบ้าน ให้ Work Form Home ให้ช่วยกันลดฝุ่นละออง ให้สวมหน้ากากอนามัย N95 ต่อไปเมื่อเจอภัยแล้ง และเมื่อเข้าหน้าฝน น้ำก็ท่วม ดินโคลนถล่ม ประเทศไทยและคนไทยเผชิญกับวิกฤตวนไปเวียนมาซ้ำซากเพราะ “ระบบความคิด” ไม่เคยเปลี่ยน

กองขยะแห่งปัญหาสูงยิ่งกว่าภูเขาเลากา รอการแก้ไข เช่นเดียวกับ “ประชาธิปไตยไทย” และ “การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.”!

หรูหรา-สะอาดที่สุดกับสกปรกโสโครกที่สุด งดงามที่สุดกับเสื่อมโทรมที่สุด สถานที่ปลอดภัยที่สุดกับพื้นที่อันตรายที่สุด เหลื่อมล้ำที่สุด รวยที่สุดกับจนที่สุด สวรรค์กับนรก ทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ “กทม.”

รัฐประหารมาตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 เกือบ 8 ปี หรือเท่ากับ “2 วาระ” ของการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้ง จนถึงวันนี้ คน กทม.ยังไม่มีโอกาสได้เลือกผู้ว่าฯ กทม.-เพราะเหตุอันใด

 

จะว่าไป “รัฐบาล” กับ “กทม.” ยุคปัจจุบันก็เหมือนโควิดกลายพันธุ์ชัดๆ แต่พยายามอธิบายกับสังคมโลกว่า รัฐไทยไม่ได้เป็นเผด็จการ ทุกอย่างทำตามกระบวนการและกลไกของระบอบประชาธิปไตย ปกครองด้วยกฎหมาย อำนาจแยกเป็นฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ

หากระบบความคิดยังไม่เปลี่ยน มุมมองและการจัดการก็ยังคงวกวน เสมอภาคคือคนรวยขับรถขึ้นทางด่วนได้ ไม่มีเงินก็ใช้ถนนข้างล่าง ถ้ายากจนก็ให้ไปเลี้ยงไก่บ้านละ 2 ตัว หน้าฝนน้ำมาก็ให้อพยพไปอยู่ที่สูง ข้าวราคาตกก็ให้ไปปลูกยางแทน ถึงเวลาที่ยางขายไม่ออกก็ให้ไปปลูกทุเรียน ไม่รู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ คนจนเพิ่มมากขึ้นไม่เป็นไร ประเทศยังคงมีเงินมากพอซื้อรถถัง เครื่องบินรบกับเรือดำน้ำ ใครเถียง ค้าน ต้าน ก็ใช้กฎหมายสร้างเงื่อนไขจับเอาไปขัง

อำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชนนั้นถูกยึดเอาไปด้วยกำลังทหารและอาวุธครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าราชการ (ทหาร) ที่เป็น “กลไก” หรือเครื่องมือของรัฐสถาปนาอำนาจรัฐตลอดมาตั้งแต่รัฐประหาร 2490-2557 การเลือกตั้งเมื่อ 2562 เป็นแต่เพียงรูปแบบการกลายพันธุ์ของ “เผด็จการทหาร”

พอเข้าใจได้ว่าการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งถ้าศึกษาลึกลงไปก็ต้องพบสาเหตุปัจจัยที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพของยีนหรือโครโมโซม แต่ถ้าหากเปรียบกับการเมืองการปกครอง “การกลายพันธุ์” นับเป็นการฉ้อฉลทางอำนาจ

ภายใต้กติกาและการสมคบคิดกันของกลุ่มผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบันคือระบอบเผด็จการทหารที่อาศัยการฉ้อฉลทางนิติบัญญัติเป็นสะพานเชื่อมสู่การสืบทอดอำนาจจาก “รัฐประหาร” สู่คำอวดอ้างว่าเป็น “นิติรัฐ” เป็นการปกครองของหมู่คณะหน้าเดิมที่มีนักการเมืองในอาณัติเป็นเสมือนหนึ่งดอกไม้ในแจกัน

 

เมื่อประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย

สิทธิพลเมือง การเลือกตั้ง การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างองค์กรต่างๆ ที่ก่อร่างสร้างขึ้นล้วนเป็น “ของปลอม” ที่บรรดาเนติบริกรกับพรรคพวกบริวารจำนวนหนึ่งเขียนขึ้นเพื่อให้เป็น “ปัจจัย” เกื้อกูลการสืบทอดอำนาจแก่เผด็จการทหาร ทำนองเดียวกับการเปลี่ยนรูปโครงสร้างภายในแต่ละโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตที่นำไปสู่สับเปลี่ยนตำแหน่งของยีนทำให้เกิด “การกลายพันธุ์”

นักการเมืองบางกลุ่มบางพวกเหมือนยีนที่อ่อนแอ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องจำนนเพื่อรักษาตัวรอด ปัญหาของประชาชนมาทีหลัง เขียนนโยบายขายฝันหลอกขอคะแนนกันไปวันๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า “พรรคใหญ่ในฝัน” ของอดีตผู้นำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 คือ “ส.ว. 250 เสียง” ที่ไม่มีใครล้มได้

ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยในประเทศเราทุกวันนี้

มีแต่อิสระปลอม เสรีภาพเทียม และการถ่วงดุลตรวจสอบกันอย่างหลอกๆ

คนที่ควรล้มลงจึงยังคงยืนอยู่ ที่ระเนระนาดหกคะเมนตีลังกา ติดคุกติดตะรางนั้นคือ กำลังอันแท้จริงของอนาคต!?!!