ที่สุดของปี 2564 (1)/เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

ที่สุดของปี 2564 (1)

 

ใกล้จะสิ้นปี 2564 แล้ว พอถึงยามนี้ สื่อหลายสำนักก็มักจะมีการสรุปเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา หรือมีโพลสำรวจบุคคลหรือเรื่องราวต่างๆ ให้คนในสังคมได้ทราบกัน

คอลัมน์เครื่องเคียงข้างจอ จึงขอร่วมวงไพบูลย์กับเขาด้วย โดยการสรุป “ที่สุดแห่งปี” ในมุมมองของผู้เขียนเอง โดยไม่ได้อิงหลักวิชาการ หรือแนวทางใดๆ คือ เป็นที่สุดตามใจฉันงั้นเถอะ

สำหรับ “ที่สุดแห่งปี 2564” นี้มี 10 เรื่องราวด้วยกัน ซึ่งจะขอแบ่งออกเป็น 2 ตอนนะครับ โดยในฉบับนี้จะเขียนถึงที่สุด 5 เรื่องก่อน แล้วอีก 5 ค่อยไปต่อในฉบับหน้า ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ได้เรียงตามลำดับอันใดทั้งสิ้น เรียงตามใจฉันเช่นกันครับ

เอาล่ะ มาดูกันว่าจะมี “ที่สุด” ในเรื่องใดบ้าง

 

ที่สุดลำดับแรก คือ “แยกทางกันดังที่สุด” เป็นของบุคคลในวงการบันเทิง ที่ตกเป็นข่าวคราวการเลิกรากันเมื่อราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็คือ “หนุ่มเวียร์ ศกลรัตน์ กับ สาวเบลล่า ราณี” นั่นเอง

เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าแฟนคลับของทั้งสองไม่น้อย เพราะภาพและข่าวที่ได้รับทราบกันคือ ทั้งสองเป็นคู่ที่น่ารักเหมาะสมกันดี มีซีนหวานชื่นออกสื่อให้เห็นเป็นระยะ แม้ในช่วงแรกๆ ของการคบหาเป็นแฟนกันจะออกแนว “กั๊ก” อยู่สักหน่อย

แต่พอเริ่มเปิดเผยก็เหมือนเปิดก๊อกน้ำ ด้วยมีภาพและข่าวคราวของทั้งคู่ออกมาให้แฟนๆ ยิ้มหวาน และให้กำลังใจอยู่เสมอๆ

“9 ปี” เป็นระยะเวลาของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่น้อยเลย จนหลายคนอดเสียดายแทนไม่ได้

ถึงกระนั้นเมื่อทั้งคู่ประกาศเรื่องเลิกรากัน แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน มีความเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่ โดยไม่มีประเด็นที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งคู่เลย เรียกว่า “จบแบบเอาอยู่”

ที่สมควรถูกจัดให้เป็น “แยกทางกันดังที่สุด” เพราะเรื่องนี้ถูกขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ที่มียอดผู้ที่สนใจสูงมาก ในวงกินข้าวของสาวๆ ออฟฟิศจะพูดกันถึงเรื่องนี้

และมีสื่อนำมาตีเจาะประเด็นในมุมต่างๆ อยู่หลายวันทีเดียว

 

ลําดับต่อไปคือ “อินเตอร์ที่สุด” ต้องขอปรบมือให้กับ “น้องลิซ่า” หรือลลิษา มโนบาล แห่งวงเกิร์ล กรุ๊ป แบล็กพิงค์ นั่นเอง

เดิมที ลิซ่าก็โด่งดังอยู่แล้ว จากผลงานในการร้องเพลง และความสวยงามในการเต้น บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นชวนมอง จึงทำให้มีแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติติดตามจำนวนหลายล้านเลย สร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องคนไทยที่เด็กสาวเลือดไทยแท้ๆ สามารถสร้างตัวเองขึ้นมาในต่างแดนจนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกทีเดียว

ตอกย้ำของตำแหน่งนี้ เมื่อมีการออกผลงานเดี่ยวของเธอเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทันทีที่มิวสิกวิดีโอเพลง “La Lisa” ของเธอถูกปล่อยออกมา ก็ถูกจดบันทึกลงใน Guinness World Records ในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำยอดวิวทางยูทูบสูงที่สุดถึง 73.6 ล้านครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเท่านั้น

และจากมิวสิกวิดีโอที่ว่า ได้สร้างกระแสอย่างต่อเนื่องให้กับสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัดเกล้าที่เธอสวม หรือสไบทองที่เธอใส่ ที่กลายเป็นสินค้าขายดีของสำเพ็งในช่วงนั้นจนของขาดตลาด หรือเกิดการเลียนแบบในติ๊กต็อกจากแฟนคลับและคนมีชื่อเสียงหลายคนทีเดียว

บทสัมภาษณ์ของเธอในรายการวู้ดดี้ โชว์ ก็สร้างกระแสการกิน “ลูกชิ้นยืนกิน” ในตลาดที่ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิดของเธอ จนต้องต่อแถวซื้อกัน สร้างรายได้ให้กับแม่ค้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่เท่านั้น ผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองก็โหนกระแสของเธอในมุมต่างๆ เช่น เรื่องการนำศิลปวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่ในมิวสิกวิดีโอที่มีทั้งมุมชื่นชมว่าเป็น Soft Power และมุมติติง ว่าถูกต้องและสมควรเพียงใด รวมทั้งมีอาการหน้าแตกเมื่อมีการประกาศล่วงหน้าว่าจะนำเธอมาขึ้นเวทีในงานเคาต์ดาวน์สิ้นปีที่ภูเก็ต ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่สะดวกที่จะรับงานเพราะคิวแน่นเอี๊ยด

ความดังของเธอต่อเนื่องติดๆ กันกับการได้ร่วมร้องเพลงกับศิลปินดังระดับโลกจากฝั่งยุโรป ละติน และอเมริกา ภายใต้รหัสลับ S-O-L-M นั่นคือ S คือ DJ Snake ดีเจ และโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส, O คือ Ozuna ศิลปินชาวละติน, L ก็คือ Lisa ส่วน M ก็คือ Megan Thee Stallion ศิลปินหญิงผิวสีชาวอเมริกัน ก็ทำให้คนทั่วโลกชื่นชมและยอมรับในตัวเธออย่างมาก

จนแบรนด์สินค้าระดับโลกได้นำเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และพรีเซ็นเตอร์สินค้า ไม่ต่ำว่า 15 แบรนด์ จาก 10 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งของไทยด้วย

ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกจัดให้เป็น “อินเตอร์ที่สุด” ของปีนี้ไปด้วยประการฉะนี้

 

ลําดับต่อไปยังแวะเวียนอยู่กับ “ผู้หญิง” และเป็นเรื่องของความสวยความงามระดับอินเตอร์เช่นกัน นั่นคือ “แหวกขนบที่สุด” แห่งปีนี้

ตำแหน่งนี้มอบให้กับ “#RealSizeBeauty” ของน้อง “แอนชิลี สก๊อต เคมมิส” สาวลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 ที่ได้สร้างประเด็นของความงามใหม่ขึ้นมาด้วยกระแส “#RealSize Beauty” งามแบบตัวของตัวเอง

“แอนอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาภูมิใจในความแตกต่างและตัวตนที่ไม่เหมือนใคร เพราะรูปร่างที่แท้จริงของเรามีความสวยในแบบของใครของมัน”

นั่นเป็นคำพูดเด็ดของเธอในช่วงของการแนะนำตัวรอบออดิชั่น ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพื่อบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในรูปร่างที่อวบใหญ่ของเธอที่เกินมาตรฐานความงามของสังคม และนั่นทำให้เธอได้สวมมงกุฎเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดเวทีโลก ซึ่งจากประเด็นนี้ได้สร้างกระแสขึ้นอย่างมากมายในวงการนางงามของไทย มีทั้งคนชื่นชมและคนกังขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของเธอลดน้อยลงเลย

แม้ในเวทีมิสยูนิเวิร์ส แอนชิลีไม่สามารถพาความเชื่อมั่นใน “#RealSizeBeauty” ผ่านเข้ารอบ 16 คนได้ เพราะมาตรฐานความงามของเวทีนี้ยังคงให้ความสำคัญกับรูปร่างที่สวยงามสมส่วนเหมือนที่เป็นมา แต่ก็มีความเห็นจากผู้หญิงที่มีชื่อเสียง และเพื่อนนางงามหลายคนที่ชื่นชมในความคิดนี้ของเธอ ที่ชี้ให้เห็นว่า โลกสวยงามได้ในความงามที่แตกต่างกัน และเราควรภูมิใจในความเป็นเรา

แอนชิลีกับแคมเปญ “#RealSizeBeauty” ของเธอ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับตำแหน่ง “แหวกขนบที่สุด” ของปีนี้

 

จากเรื่องสวยๆ งามๆ ที่สุดลำดับต่อไปตกเป็นของวงการกีฬาบ้าง กับตำแหน่ง “ยอดฝีมือที่สุด” โดยตกกับนักกีฬาของกีฬาแบดมินตัน คือ “บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์” กับ “ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” นักกีฬาแบดมินตันคู่ผสม ที่ก้าวขึ้นมือหนึ่งของโลกไปแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีทองฝังเพชรของบาสและปอป้อจริงๆ โดยสามารถเก็บชัยชนะจากการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ในปี 2564 นี้ ได้ถึง 8 รายการ ทั้งคู่ประเดิมสร้างปรากฏการณ์ที่น่ายกย่องจากการคว้าแชมป์ 3 รายการติด จากการแข่งขันรายการใหญ่ที่จัดขึ้นในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2564 จากนั้นก็คว้าชัยชนะต่อจากการแข่งขันในประเทศเยอรมนีเป็นรายการที่ 4 และยังมาคว้าแชมป์ 3 รายการติดได้อีกจากการแข่งขันที่จัดขึ้นในประเทศอินโดนีเซียในช่วงปลายที่ผ่านมา

ส่งท้ายด้วยการที่ทั้งคู่จับคู่กันในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2021 ที่ประเทศสเปน ซึ่งผลการแข่งขันก็ออกมาว่าบาสและปอป้อเอาชนะคู่ญี่ปุ่นได้ คว้าแชมป์ส่งท้ายปีมาได้อย่างสวยงามยิ่ง

บาสและปอป้อเริ่มจับคู่กันเมื่อปี 2558 โดยเริ่มจากอันดับ 345 ของโลกก่อนจะค่อยๆ ขยับอันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเพียง 6 ปี ทั้งคู่ก็สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ของโลกได้จากการประกาศของสหพันธ์แบดมินตันโลกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564

โดยเฉพาะปีนี้ที่ทั้งคู่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามที่กล่าวไปแล้ว ตำแหน่ง “ยอดฝีมือที่สุด” ของปีนี้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับนักแบดมินตันขวัญใจชาวไทยของทั้งคู่

 

สุดท้ายของฉบับนี้ คือตำแหน่ง “ฮือฮาผ้าเหลืองที่สุด” ตกเป็นของ “พระมหาสมปอง และ พระมหาไพรวัลย์” สองพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ตกเป็นข่าวดังในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีการพูดถึงความเหมาะสมของการเทศน์ไลฟ์สดของพระมหาทั้งสองรูป

ต้องยอมรับถึงกระแสความสำเร็จของรายการทอล์กโชว์สดทางเฟซบุ๊กและยูทูบของทั้งสองพระ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนดูพร้อมกันกว่า 2 แสนคนทางเฟซบุ๊กด้วยความมีอารมณ์ขัน ฟังสนุกสนาน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์ในเวลาเดียวกันว่า “ทำได้” หรือ “ไม่ได้” “เหมาะสม” หรือ “ไม่เหมาะสม”

รวมทั้งได้สร้างคำย่อ “พส.” หรือพระสงฆ์ ให้โด่งดังในโลกโซเชียลไปพรรคใหญ่ จนมีสื่อนำมาเล่นล้อกับตัวย่อนี้ประกอบการนำเสนอเรื่องต่างๆ อยู่หลายวัน

การวิพากษ์วิจารณ์นี้ทำให้ทั้งสองรูปเดินสายชี้แจงในรายการ และกับสื่อต่างๆ อยู่หลายวัน และถูกนิมนต์ให้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีบทสรุปว่าสามารถทำต่อได้โดยให้เพิ่มเนื้อหาสาระในรายการไลฟ์สดให้มากกว่าเดิม

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนิมนต์ให้ พส.ทั้งสองรูปนี้ รับตำแหน่ง “ฮือฮาผ้าเหลืองที่สุด” ของปี 2564 นี้ไปครองโดยไม่ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการใดๆ ให้เมื่อยตุ้ม

 

ครบ 5 ที่สุดของฉบับนี้แล้วครับ

ฉบับหน้ามาดูกันว่าจะมีอะไรเป็น “ที่สุด” กับ 5 เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้กัน

To be Continue โปรดติดตามตอนต่อไป