เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท/(เก็บตก) What Hi-Fi Awards 2021

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

(เก็บตก)

What Hi-Fi Awards 2021

 

ตั้งใจจบเรื่องของรางวัลที่จ่าหัวไปตั้งแต่เที่ยวก่อน แต่หลังจากกลับไปไล่ทวนดูที่ต้นทางอีกหน ยังมีอีกบางรายการที่น่าสนใจใคร่นำมาเล่าสู่กันฟังต่อ ก็เลยนำมาพูดคุยด้วยอีกหนแบบเก็บตก เพื่อให้จบไปแบบไม่มีอะไรตกค้างอีก โดยเริ่มที่สาขา Best Systems ของปีที่ผ่านมา

รางวัลแรก Best Micro System ได้แก่ Denon D41DAV ที่เห็นในภาพนั่นแหละครับ ซึ่งยังคงเป็นซิสเต็มระบบสตรีมมิ่งขนาดเล็กที่ยอดเยี่ยม และเป็นตัวอย่างอันน่าประทับใจของเสียงที่ดีและคุ้มค่านั้น มิพักต้องประกอบไปด้วยเครื่องอะไรมากมายเลย ซิสเต็มนี้นอกจากจะมีระบบบลูทูธที่ดีแล้ว คุณภาพเสียงยังได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก ลำโพงที่นำมาเข้าคู่ก็ทำงานเข้าขากันดี บ้านเราปกติขายประมาณสองหมื่น มีอยู่ช่วงนึงนำมาทำโปรโมชั่นเหลือเพียงหมื่นสอง ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับดีมากๆ

รางวัลต่อมา  Best Hi-Fi System ราคาต่ำกว่า 1,000 ปอนด์ ได้แก่ Marantz PM7000N เพียงแค่เพิ่มลำโพงเข้ามา คุณก็จะได้ระบบสตรีมเพลงแบบสเตอริโอที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว มีประสิทธิภาพการทำงานอันน่าประทับใจ ให้เสียงที่ยิ่งใหญ่ แผ่กว้าง และเข้าถึงแก่นเสียงอย่างลึกซึ้ง มีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มั่นคงมาก

ส่วนซิสเต็มราคาสูงกว่า 1,000 ปอนด์ เป็นของ Naim Uniti Atom ภาคสตรีมเมอร์ให้การทำงานที่ดูดี และมีน้ำเสียงอันยอดเยี่ยมมาก ทั้งชัดเจนและแม่นยำ

โครงสร้างภาพลักษณ์ก็ได้รับการออกแบบมาดีไม่แพ้คุณภาพเสียง จึงเป็นเครื่องที่เหนือชั้นกว่าอื่นใดในกลุ่มเดียวกันอย่างชัดเจน มีช่วงไดนามิก เรนจ์ ที่กว้างขวางน่าประทับใจมาก

 

รางวัลต่อมา Best All-in-One System ราคาต่ำกว่า 1,000 ปอนด์ ได้แก่ KEF LSX ระบบไฮ-ไฟแบบรวมชิ้นเดียวที่มีขนาดกะทัดรัดอันยอดเยี่ยมมาก มีงานฝีมืออันประณีตยิ่ง ให้ความบันเทิงทางด้านเสียงแบบหาตัวจับได้ยาก ทั้งยังพร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง

ขณะที่ซิสเต็มรวมชิ้นที่มีราคาสูงกว่า 1,000 ปอนด์ ก็มาจากค่ายเดียวกันแต่ทำงานในระบบไร้สาย คือ KEF LS50 Wireless II อีกนวัตกรรมความบันเทิงทางด้านเสียงที่พัฒนาขึ้นไปอย่างเหนือชั้น ให้ประสิทธิภาพที่โดดเด่นแบบก้าวกระโดดมาก น้ำเสียงสะอาดกระจ่างใส และเปี่ยมไปด้วยพลัง มาพร้อมการให้เชื่อมต่อแบบต่างๆ ได้อย่างครบครัน

รางวัลสาขาต่อมา คือ Best Music Streamers ซึ่งผู้ชนะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 750 ปอนด์ ได้แก่ Bluesound Node (2021) ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงของตลาดเครื่องสตรีมเพลงราคาประหยัด ที่เหมาะต่อการนำเข้าไปเพิ่มในระบบไฮ-ไฟเป็นอย่างยิ่ง ให้น้ำเสียงที่มีจังหวะจะโคนอันน่าฟัง โดดเด่นทางด้านไดนามิก พร้อมรองรับการทำงานด้วยการเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สายและผ่านสายนำสัญญาณ

ส่วนผู้ชนะในกลุ่มราคา 750-1,000 ปอนด์ คือ Cambridge Audio CXN V2 ที่ยังคงเป็นเครื่องสตรีมเพลงที่ดีที่สุดในระดับราคานี้ และมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นก่อน นอกจากมีโครงสร้างภาพลักษณ์อันล้ำสมัยแล้ว ยังให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมเอามากๆ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้หลายหลากมาก

สำหรับเครื่องสตรีมเพลงที่เป็นผู้ชนะในกลุ่มราคา 1,000-1,500 ปอนด์ ได้แก่ Arcam ST60 ที่แม้จะออกมาเป็นเครื่องแรกของค่าย แต่มันก็เหมือนกับได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเครื่องเล่นประเภทนี้ ซึ่งนอกจากจะสตรีมได้อย่างหลากหลายแล้ว ยังให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีด้วย ให้น้ำเสียงที่คมชัด อิ่มเต็ม และพรั่งพร้อมไปด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งยังมีไดนามิกที่โดดเด่น

เครื่องสุดท้ายที่เป็นผู้ชนะในกลุ่มราคา 1,500 ปอนด์ ขึ้นไป คือ Naim ND5 XS 2 เครื่องสตรีมเพลงในระบบเครือข่ายที่สุดล้ำมาก แม้จะแลดูหน้าตาเรียบง่าย แต่มันให้น้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยความสุนทรีย์ที่เหนือชั้นเอามากๆ เป็นน้ำเสียงที่ตรงไปตรงมา ด้วยจังหวะจะโคนที่ถูกต้อง แม่นยำ อุดมไปด้วยรายละเอียด มาพร้อมคุณสมบัติเด่นในการใช้งานมากมาย และให้เชื่อมต่อได้อย่างกว้างขวาง

 

รางวัลในสาขาต่อมาที่ไม่พูดถึง-คงไม่ได้, นั่นคือ Best Headphones 2021 ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ แบบมีสายกับแบบไร้สาย แต่ละแบบยังแยกออกเป็นสองชนิด คือชนิดครอบหู หรือ On-Ear กับชนิด In-Ear ที่ใช้งานสอดเข้าช่องหู

รางวัลแรกสำหรับแบบครอบหูชนิดมีสาย ราคาต่ำกว่า 100 ปอนด์ ผู้ชนะคือ Austrain Audio Hi-X15 สำหรับใช้งานภายในบ้านที่มากไปด้วยความสามารถ และราคาไม่แพงเลย

ส่วนกลุ่มราคา 100-200 ปอนด์ ที่ได้รางวัล คือ Grao SR80x ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของชุดหูฟังราคาประหยัดของแบบมีสาย ให้รายละเอียดและความคมชัดของเสียงดี และมีความเป็นดนตรีอันน่าประทับใจ

สำหรับกลุ่มราคา 200-400 ปอนด์ รางวัลเป็นของ Grado SR325x ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในกลุ่มราคานี้ และได้รับการยกย่องให้เป็นชุดหูฟัง ‘ขั้นเทพ’ มาแล้ว ให้รายละเอียดและไดนามิกเสียงที่ยอดเยี่ยม นำเสนอความบันเทิงให้สัมผัสได้มากกว่ามาก

ชุดสุดท้ายที่มีราคาสูงกว่า 400 ปอนด์ ผู้ชนะคือ Beyerdynamic Amiron อีกหนึ่งของชุดหูฟังขั้นเทพ ที่น้ำเสียงมีความเป็นกลางให้ความเป็นธรรมชาติสูงมาก อุดมไปด้วยรายละเอียด ให้ไดนามิกออกมาได้อย่างโดดเด่น

 

รางวัลสำหรับแบบสอดเข้าหูชนิดมีสาย ราคาต่ำกว่า 50 ปอนด์ ผู้ชนะคือ SoundMagic E11C ที่ยังคงเป็นชุดหูฟังราคาประหยัดอันยอดเยี่ยม ให้น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานยิ่ง สำหรับกลุ่มราคา 50-100 ปอนด์ รางวัลเป็นของ Klipsch TM50 Wired ที่มากไปด้วยความสามารถ แต่ราคาไม่แพงเลย โดดเด่นทั้งในแง่ของไดนามิกและการให้รายละเอียดเสียง

รางวัลสุดท้ายซึ่งเป็นกลุ่มราคาสูงกว่า 100 ปอนด์ ผู้ชนะคือ Shure Aonic 3 อีกหนึ่งขั้นเทพที่ให้ความเป็นดนตรีออกมาได้อย่างน่าฟัง พรั่งพร้อมไปด้วยรายละเอียด มีสมดุลเสียงที่ดี และให้ไดนามิกออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ต่อมาเป็นรางวัลของพวกชุดหูฟังไร้สายแบบ Earbuds กลุ่มราคาต่ำกว่า 150 ปอนด์ ผู้ชนะคือ Panasonic RZ-S500W แม้จะเป็นชุดหูฟังแบบ True Wireless ที่มาพร้อมระบบ Noise-Canceling ตัวแรกของค่าย แต่ก็ยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยมกันมาก โดดเด่นด้วยการให้รายละเอียดออกมากว้างขวางมาก

ส่วนรางวัลสำหรับเอียร์บัดส์ที่มีราคาสูงกว่า 150 ปอนด์ ตกเป็นของ Sony WF-1000XM4 ที่ให้น้ำเสียงกระจ่างใส อุดมไปด้วยรายละเอียด เบสมีประสิทธิภาพอันทรงพลัง ภาพรวมของเสียงให้ความเป็นดนตรีด้วยความสุนทรีย์อันน่าฟัง

ส่วนชุดหูฟังแบบครอบหูชนิดไร้สาย รางวัลแรกกลุ่มราคาต่ำกว่า 150 ปอนด์ ผู้ชนะคือ AKG Y400 ที่กับระดับราคานี้ยากที่จะหาใครมาโค่นมันลงได้ ส่วนในกลุ่ม 150-300 ปอนด์ รางวัลเป็นของ Sony WH-1000XM4 ที่ให้น้ำเสียงออกมาได้อย่างเหนือชั้นมาก ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลาย ที่เอื้อประโยชน์ขณะสวมใส่ใช้งานเป็นอย่างมาก

และรางวัลสุดท้ายซึ่งอยู่ในกลุ่มราคาสูงกว่า 300 ปอนด์ เป็นของ Apple AirPods Max มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้ในเวลานี้

ก็เป็นอันว่าจบแบบเบ็ดเสร็จจริงๆ ละ จากนี้เตรียมพร้อมเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองกันได้แล้วล่ะครับ