เรื่องสั้น : ปีกบางทางฝัน

เรื่องสั้น

อักษราลัย

 

ปีกบางทางฝัน

 

อาทิตย์แย้มแสงอรุณ สีส้มอมแดงที่ค่อยๆ ฉายแสงทาทาบขึ้นบนท้องฟ้า ตัดกับหมอกขาว ฟ้าสีเทาของรัตติกาลเลือนลับจางหายไป ดอกไม้แสนสวยนานาพันธุ์เผยอกลีบบางรอรับการดอมดมจากเหล่าผีเสื้อและสัตว์ปีกทั้งหลาย ความสวยสดงดงามของกลีบสีชมพูบานเย็นดึงดูดหมู่ภมรให้ชวนใหลหลง ผีเสื้อหนุ่มเกาะปีกดูดดอมดมน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้อย่างสุขใจ เจ้าแมลงปอตัวน้อยบินมาเกาะอยู่อีกด้านของกลีบด้วยท่าทีระโหยโรยแรง

“เจ้าตัวน้อยเจ้าหายไปไหนมา ข้าไม่เจอเจ้านานแล้วนะ ว่าแต่ทำไมปีกของเจ้าถึงดูรุ่งริ่ง อย่างนั้นล่ะ” ผีเสื้อหนุ่มเอ่ยทักทาย

“ข้าบินไปยังอีกฟากของขอบฟ้ามา” เสียงแหบโหยของเจ้าแมลงปอตอบกลับมาอย่างอ่อนล้า

ผีเสื้อหนุ่มมองสำรวจแมลงปอปีกบางอีกครั้ง เจ้านั้นตัวจ้อยแถมปีกยังบาง แต่หาญกล้าบินไปอีกฟากของขอบฟ้าอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางเขาไม่มีวันเชื่อ ก็ขนาดเขาร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ วัยฉกรรจ์ แถมปีกก็ยังแข็งแรงกว่าเจ้าแมลงปอตัวน้อย เขายังไม่เคยคิดที่จะไปจากดงดอกไม้นี่เลยสักครั้ง ไม่แม้จะแต่จะคิดด้วยซ้ำ

จะต้องโง่งมเปลี่ยนวิถีเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางไปทำไม ในเมื่อที่นี่ทุ่งดอกไม้นี้มีเหล่าดอกไม้รอให้ดูดน้ำหวานอยู่มากมาย ไฉนจะต้องไปให้ไกลจากพื้นที่คุ้นชินกันเล่า

 

“ข้าไม่เข้าใจ ปีกเจ้านั้นก็แสนบอบบาง หนทางที่ไปก็ไม่รู้จุดหมาย ทำไมเจ้าไม่อยู่ที่นี่แบบข้าและคนอื่นๆ เอาตัวไปเสี่ยงทำไมกัน เราก็แค่อยู่ไปแบบที่ทุกคนเคยทำมา”

“ขอบฟ้าอีกด้านคือความฝันของข้า ข้าได้ยินมาตั้งแต่ยังตัวน้อยว่าขอบฟ้าด้านโน้นนั้นงดงาม ที่นั่นแสงของดวงอาทิตย์เป็นสีทองผ่องอำพัน หาใช่สีส้มแดงร้อนแรงแบบฝั่งนี้ไม่” เจ้าแมลงปอทำตาลอยเคลิ้มฝัน ตอบกลับมาด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ

“แสงดวงอาทิตย์สีทองจะเป็นไปได้ยังไงกัน ที่ไหนๆ ในโลก ดวงอาทิตย์ก็ร้อนแรงพร้อมจะแผดเผาเราเหล่าสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่ดูด้อยค่าให้มอดไหม้สูญดับไปอย่างไร้ค่าทุกที่แหละ” ผีเสื้อหนุ่มชักน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นกับความเพ้อฝันของเจ้าปีกบาง

“เจ้าน่ะปีกก็แสนบาง แค่โดนลมแรงกรีด ทั้งปีกและตัวเจ้าก็พร้อมจะแหลกสลายไปกับสายลมแบบไร้ตัวตนเสียด้วย อะไรทำให้เจ้ากล้า”

“จริงอยู่ว่าข้าปีกบาง ตัวน้อยนิด ไร้เรี่ยวแรง แต่พลังใจของข้านั้นยิ่งใหญ่ ข้ารู้มาว่าหากข้าสามารถไปยังขอบฟ้าด้านโน้น แค่เพียงข้าไปถึงและกลับมา ดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสีทองผ่องอำพันของขอบฟ้าด้านโน้นจะแบ่งแสงสีทองกลับมาพร้อมกับข้าด้วย และหากเป็นแบบนั้น แสงสีส้มแดงร้อนแรงของฝั่งนี้ก็จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป จะมีแสงสีทองมาช่วยทาบทาให้กับดินแดงฝั่งนี้ของเรา เมื่อนั้นทุกขอบฟ้าจะมีแต่แสงสีทอง” เจ้าปีกบางตอบด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว

“เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ดีไม่เอาชีวิตไปตายเปล่า อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว พอแดดแรงเราก็หลบหาร่มไม้ใบใหญ่ที่ให้ร่มเงากับเรา ไม่ดีกว่าเหรอไง แค่มีชีวิตแบบนี้เหมือนที่ทุกชีวิตในดินแดนแห่งนี้เป็นมาไม่ดีกว่าหรืออย่างไร จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อคนอื่นทำไม ทั้งที่ไม่มีใครร้องขอเจ้าด้วยซ้ำไป”

“ใช่…ไม่มีใครร้องขอข้า แต่ข้าอยากให้แสงแดดแรงของฝั่งนี้เปลี่ยนแปลง ข้าอยากให้ท้องฟ้ากว้างมีแสงแดดส้มอมทอง สวยงามร่มเย็น ให้ทุกชีวิตภายใต้ท้องฟ้านี้สุขสงบ มีแต่ความสุข หน้าชื่นตาบาน ไม่ใช่มีแต่พวกปีกหนาแข็งแรงรอดได้แค่ฝ่ายเดียว หากฟ้ามีสีทอง ชีวิตเล็กๆ แบบข้าก็จะสามารถผงาดขึ้นไปบนฟ้ากว้างกับเขาได้บ้าง”

“เจ้านี่ ตลกสิ้นดี ข้าปีกใหญ่แข็งแรงกว่าเจ้า ข้ายังไม่คิด จะหาเรื่องสร้างความลำบากให้ตัวเองทำไมกัน มีกิน มีอยู่ ไปวันๆ แบบนี้ก็ดีถมไป จะดิ้นรนไขว่คว้าสิ่งไกลตัวไปทำไม โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องทำเพื่อคนอื่น ทำแบบปิดทองหลังพระแบบเจ้าที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น หรือถึงรู้ก็ว่าเจ้าบ้า โง่ กันทุกคนนั่นแหละ”

 

“ท่านรู้สึกอะไรไหม” เจ้าปีกบางถามผีเสื้อหนุ่ม ด้วยท่าทีอ่อนแรง

“รู้สึก…อะไร”

“รู้สึกไหมถึงความอบอุ่นที่ข้านำมา รู้สึกถึงแสงสีทองที่ติดมากับปีกบางของข้ารึไม่ เจ้าลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้านั่นสิ เห็นแสงสีทองนั้นไหม แสงแห่งความหวัง แสงแห่งความรักและปรารถนาดี แสงแห่งความเท่าเทียมที่ข้าไปนำมา เจ้าเห็นมันไหม” เจ้าปีกบางเอ่ยด้วยท่าทีที่อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ปีกบางนั้นมีรูขาดจากการบาดเจ็บ แต่สีหน้านั้นอิ่มเอมสุขสม

“มันคุ้มกันเหรอเจ้าปีกบาง เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกข้าต้องการมัน คุ้มไหมหากเจ้าตายเพราะการไปนำแสงสีทองมาทาบทาแสงสีส้มแดงฝั่งนี้ เจ้านี่มันโง่ ทำในสิ่งที่ไม่มีใครร้องขอ”

“ใช่…ไม่มีใครร้องขอข้า แต่เจ้าไม่อยากบินไปบนฟ้ากว้างอย่างเสรีหรอกหรือ ไม่อยากไปให้ไกลจากดงดอกไม้นี้ ไม่อยากขึ้นไปบนฟ้าเหมือนพวกนกยักษ์เหล่านั้น ที่บินโฉบเฉี่ยวอยู่ใกล้แสงร้อนแรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผยแบบไม่ต้องพยายามทำอะไร แค่เกิดมาพร้อมกว่า โตกว่า แข็งแรงกว่า พวกนั้นก็ผงาดอยู่บนฟ้ากว้าง ทิ้งให้เราเหล่าแมลงตัวเล็กคอยอยู่เรี่ยติดดินแบบนี้อยู่ร่ำไป เจ้าพอใจแค่นี้หรอกหรือ”

“แต่เราก็อยู่กันแบบนี้มาหลายชั่วอายุ แค่อยู่ในที่ทางของเราแม้จะต่ำต้อยเรี่ยดิน แต่ก็อยู่ได้ปลอดภัย ไม่ต้องไขว่คว้า หาในสิ่งที่เกินตัว” ผีเสื้อหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ความอบอุ่นจากแสงสีทองน้อยๆ ที่มันได้รับจากการนำกลับมาของเจ้าปีกบาง สร้างความอิ่มเอิบอย่างประหลาดขึ้นในตัวมันอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส แต่มันยังขัดแย้งและสับสน ยิ่งมองเจ้าปีกบางที่มีท่าทีระโหยโรยแรงพร้อมจะขาดใจ มันก็ยิ่งสับสน

“หากทุกคนคิดแบบเจ้า แสงสีทองจะไม่มีวันมาทาบทาให้เราได้สัมผัส แล้วเราจะไม่มีวันรู้เลยว่าฟ้ากว้างบนนั่นเป็นอย่างไร”

“แม้จะแลกด้วยชีวิตอย่างนั้นหรือ”

“แม้จะแลกด้วยชีวิตข้าก็ยอม แค่แสงสีทองแห่งความหวังเพียงน้อยนิด เพื่ออีกหลายชีวิต เพื่อเป็นต้นแบบให้ทุกคนกล้าทำแบบข้า สักวันฟ้ากว้างนี้คงเป็นที่ของทุกคน หาใช่แค่เฉพาะพวกแข็งแรง แข็งแกร่งแต่ฝ่ายเดียวไม่”

พูดจบเจ้าแมลงปอปีกบางก็ทิ้งร่างร่วงหล่นลงไปจากกลีบดอกไม้งดงาม ร่างของมันร่วงหล่นไปบนดินอ่อนนุ่มเบื้องล่าง รอวันเป็นปุ๋ยให้เจ้าดอกไม้ได้นำมาใช้ต่อไป

ผีเสื้อหนุ่มค้อมคำนับความกล้าหาญของเจ้าแมลงปอปีกบาง มันหันขึ้นไปมองขอบฟ้าที่มีสีทองนิดๆ แต่งแต้มนั้น ก่อนจะผละบินหนีไป เพื่อหาร่มเงาของใบไม้ใหญ่หลบกายจากความร้อนเฉกเช่นเดิมของมันต่อไป…?