หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๕)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๕)

 

สำหรับฉัน คนสองคนนี้น่าสนใจเท่ากัน มีพลังทัดเทียมกัน

๑ พระพุทธทาส

๒ ธนินท์ เจียรวนนท์

ด้วยพวกเขาล้วนหนักแน่นในวิถีของตน ใครดีกว่ากันนั่นเป็นอีกประเด็น

หากเปรียบเป็นนิยายกำลังภายใน พวกเขาคือจอมยุทธ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังภายใน คำพูดธรรมดาแต่ละคำ หนักแน่น ลึกซึ้ง ไม่ใช่วิสัยที่คนอื่นจะสู้ได้ มันมาจากประสบการณ์ การต่อสู้อันยาวนาน

เราตัดสินมนุษย์กันที่คำพูดธรรมดาสามัญ เพราะตรงนั้น แสดงกำลังภายใน

สองคนนี้พูดจาธรรมดาเพียงไหน แต่ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่คนหนึ่งเป็นเจ้าสำนักเสี้ยวลิ้มยี่ อีกคนเป็นเจ้าสำนักพรรคไม่มาตรฐาน

เวลาฉันพูดถึงพรรคไม่มาตรฐาน ฉันไม่ได้หมายถึงความชั่วร้าย ฉันหมายถึงสำนักที่แตกต่าง อาจจะเรียกว่าเป็นสำนักน่ำไฮ้ หรือพรรคมารก็ได้

ที่จริง ฉันชื่นชมและนับถือคนสองคนนี้ แต่ก็ไม่เคยเจอ และไม่ได้อยากเจอ เพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร

มุมมองของฉัน แตกต่างจากคนอื่น ตรงที่ว่า ฉันไม่เห็นความต่างของคนสองคนนี้ ในขณะที่สังคมภายนอกจะเห็นต่าง คนที่เคารพนับถือพุทธทาส อาจจะชิงชังคุณธนินท์ และคงแค้นฉันที่บังอาจเอาคนสองคนนี้มาเทียบกัน

ส่วนคนที่นับถือคุณธนินท์ อาจไม่สนใจพุทธทาส จุดนี้ที่ประหลาด เพราะฉันเห็นว่าพวกเขาแตกต่าง แต่ทัดเทียมกัน

 

วันนี้ขออนุญาตเขียนถึงคนที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยบางคน

เช่น คุณถวัลย์ ดัชนี เขาเป็นอัจฉริยะ เป็นพหูสูต และเป็นคนมีพลัง หลักการของเขาคือ การขจัดอวิชา ด้วยการเข้าไปในอัตตา ทำให้อัตตาเบ่งบานจนปริแตก เกิดเป็นอนัตตา ฟังดูก็เข้าทีดี แต่ปัญหาของฉันคือ เวลาฉันมองดูรูปวาดของเขา ฉันไม่รู้สึกถึงความสงบ ความเย็น ความนิ่งเงียบใดเลย มันกลับเห็นแต่ความไม่สงบ ทำให้อดพิศวงไม่ได้

จะเรียกว่าฉันมองรูปไม่เป็น ก็ยังข้องใจอยู่

ฉันเชื่อตัวของฉันเอง ว่าสิ่งที่เห็นไม่ผิด

คุณถวัลย์เป็นคนคุยสนุก เวลาคุยกับเขา จะรู้สึกว่า ดีจังเลย ที่เกิดมาเป็นคนรู้ทุกเรื่อง เจอคุณถวัลย์ จะรู้สึกว่าเขามีพลังมากดั่งวัวกระทิง ร่างกายแข็งแรง แต่ทว่า ก็แปลก ในบั้นปลายแห่งชีวิต เขาก็มีสุขภาพอ่อนแอ เขาเคยคุยว่า เขามีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน แต่สังเกตว่า ท้ายที่สุดเงินทองเหล่านั้นก็ไม่ได้นำผลดีอะไรมาให้

ในยุคก่อนหน้าฉัน มีกวีในเมืองไทยสองคน คืออังคาร กัลยาณพงศ์ กับจ่าง แซ่ตั้ง บทกวีสองคนนี้ล้วนมีความหนักแน่น จิตของพวกเขาถึง รู้สึกได้ แต่เนื่องจากพวกเขาสองคนแตกต่างกันมาก ใครจะชอบใคร ก็เป็นเรื่องของรสนิยม เกิดเป็นสองสำนัก

สองคนนี้เหมือนกันอีกอย่างหนึ่ง คือเป็นจิตรกรทั้งคู่

 

๑๐

คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ชอบคุณอังคาร อันนี้ไม่แปลก แต่เขากลับชิงชังจ่าง และเคยเขียนบทความสบประมาท ดูหมิ่นจ่างไว้อย่างน่าเกลียด

สมัยก่อนฉันอ่านแล้ว หมดความนับถือคุณสุลักษณ์ไปเลย เพราะคิดว่า หากคนเรามีอคติขนาดนี้ได้ จะเชื่อถืออะไรได้

แต่ต่อมาศึกษางานของเขามากขึ้น ก็พบว่า ที่จริงคุณสุลักษณ์ก็เป็นคนน่ารัก ที่ผ่านมาก็ต้องอโหสิ

๑๑

วันนี้เขาอายุมากแล้ว อายุ ๘๘ ปี แต่เขาก็ยังมีพลัง ออกมาต่อสู้เพื่อสังคม เขาเชื่องช้าลง คมคายน้อยลง สมองเริ่มเสื่อมลงตามวัย แต่สรุปคือหาคนมีอายุขนาดนี้ แต่ยังสู้แบบนี้ได้ที่ไหน อันนี้ต้องชื่นชมเขา

ฉันนับถือนักมวยที่แก่เฒ่า และยังชกไหว

 

๑๒

จ่าง แซ่ตั้ง อายุสั้น เขาเสียชีวิตตอนอายุ ๕๖ ปี เขามีข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือ เขาเป็นคนง่ายๆ เป็นอัจฉริยะ มีพลังสดใส

ข้อเสียของเขาคือ หากไปคุยเรื่องขายรูป เขาจะมีอาการวิปริตทันที มีอาการตาขวาง น้ำลายฟูมปาก ปากคอสั่น และพูดไม่รู้เรื่องทันที

การเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตานี้ แปลกมาก มันเหมือนวิบากกรรมเฉพาะตัว เขาเหมือนจูเลียตซีซาร์ ที่เป็นโรคลมบ้าหมู หากของขึ้น ก็แสดงอาการวิปริตทันที

๑๓

ต่อให้กลบเกลื่อน พูดให้ดียังไง การไม่ขายรูปของเขาคือความผิดปกติ เพราะศิลปินทั่วทั้งโลก ก็ล้วนขายรูปทั้งนั้น ไม่ว่ามาแน มอแน ปิคาสโซ่ โกยา หรือใครก็ตาม แม้แต่แวนโก๊ะ ก็ขายรูปทุกคน

แต่ละคนก็ไม่มีใครเสียความเป็นศิลปินที่ตรงไหน หากเสีย โลกนี้ก็ไม่เหลือศิลปินแม้แต่คนเดียว

ไม่เคยมีกฎหมายข้อไหนเลย ที่บอกว่าขายรูป ผิด

๑๔

การที่เขาไม่ขายรูป เป็นวิบากกรรมที่ประหลาด เหมือนคำสาป แต่นี่เป็นอาการเฉพาะตัว น่าสงสาร และน่าเห็นใจ

แต่ที่แปลกคือมีคนบางคนกลับสนับสนุน และออกอาการโกรธ เมื่อยามทราบว่าลูกหลานของเขา นำรูปไปขาย ออกมาประณาม เหมือนหนึ่งกับว่า ลูกหลานของเขากำลังทำลายความเป็นศิลปินของจ่าง

มันเป็นการกดขี่ไม่เพียงตัวศิลปินคนนั้น แต่ยังเป็นการกดขี่ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน การครอบงำด้วยสิ่งที่ไม่เคยมีในโลกนี้

๑๕

หากจ่างคิดว่า ภาพของเขา เกิดจากภูมิธรรมชนิดหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโลกวัตถุ หวาดกลัวผลประโยชน์ ก็น่าจะทำแบบนี้ คือขายหนึ่งรูป บริจาคสักสี่รูป หรือแม้แต่บริจาคสิบรูป ให้แก่ใครก็ได้ที่เขาเห็นควร ให้เพื่อน ให้คนที่เขารักหรือรักเขา ให้องค์กรใดก็ตาม แบบนี้รูปก็จะกระจายตัวออกกว้างใหญ่

ตัวเขาก็จะได้เงินมาใช้กับชีวิตตามควร และภาพก็จะกระจายตัวดั่งเกษรดอกไม้ แทนที่จะหดตัว ฝ่อตัว และเกิดปัญหามากมาย ของที่ขายไม่ได้ หรือไม่ขาย หากรวมตัวกันแน่นหนา ยิ่งกลายเป็นพิษ

แต่แน่นอน จ่างเป็นคนงกรูปเป็นอย่างยิ่ง งกระดับสูงสุด