การ์ตูนที่รัก/คุมะมิโกะ คนทรงหมี เล่ม 3-4 คือประชาธิปไตย

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

คุมะมิโกะ คนทรงหมี เล่ม 3-4 คือประชาธิปไตย

เล่าเรื่องหมู่บ้านคุมาเดะ ที่ตั้งอยู่บนเขาลึก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ไม่มีแผนพัฒนาหมู่บ้าน ไม่มีอะไรเลย

มีศาลเจ้าของเทพภูเขาคุมาอิ ซึ่งอยู่ในร่างของหมีพูดได้ชื่อนัทสึ โดยมีมิโกะน้อยชื่อมาจิ นักเรียนมัธยมต้นที่เติบโตมาด้วยกันกับนัทสึเป็นคนคอยทำพิธีต่างๆ นานาให้

มาจิอยากไปเรียนที่เมืองหลวง แต่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองหลวงเลย ไม่รู้จักบัตรเติมเงินซุยกะ ไม่รู้จักยูนิโคล และไม่รู้จักบันไดเลื่อน ที่จริงมาจิยังหุงข้าวด้วยหม้อดินอยู่เลย

มาจิมีลูกพี่ลูกน้องชื่อโยชิโอะ โยชิโอะเป็นคนหนุ่มขยันขันแข็ง เป็นกรรมการหมู่บ้าน เขาเหมือนออบอตอหนุ่มๆ ที่บ้านเรา อยากทำชื่อเสียงให้แก่หมู่บ้านและตำบล อยากให้ใครๆ รู้จักท้องถิ่นของเรา

แต่หมู่บ้านของเรามีความลับ คือเรื่องหมีพูดได้

หน้าร้อน ที่ศูนย์ดูแลหมู่บ้านคุมาเดะ กรรมการหมู่บ้านพยายามระดมสมองค้นหาของดีโอท็อปไปประกวด

“ไม่มีอะไรเลย รึไงนะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ไม่มีเลย” “ไม่มีสักนิด” “ไม่มีเลยรึ” อีกสามคนขานรับ

“มีสิ มีสิ มีอยู่เยอะแยะเลยครับ” โยชิโอะว่า “แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น ลูกพลัม หัวมัน ข้าว ผัก ไดฟุกุที่ป้าข้างบ้านทำก็อร่อยด้วยนะครับ”

“มาจิ มาจิ วันนี้ข้าวกลางวันเป็นอะไร” ในเวลาเดียวกันที่ลำธารกลางป่า หมีนัทสึถามขึ้น

“ข้าวราดน้ำ” มาจิซึ่งนั่งแช่เท้าคลายร้อนอยู่ในลำธารด้วยกันตอบ

มิสึมามะ ข้าวราดน้ำ อาหารในบ้านที่ใช้น้ำเย็นราดลงบนข้าวแล้วกินคู่กับของดองและกับข้าวอื่นๆ บางพื้นที่อาจจะเรียกว่าข้าวล้างน้ำหรือข้าวต้มน้ำเย็น

ว่าแล้วมาจิโชว์กรรมวิธีทำข้าวราดน้ำพร้อมกับข้าวรสเลิศให้นัทสึกิน นัทสึถึงกับเอ่ยปากชมเปาะว่าอร่อยมาก สมกับเป็นแม่ศรีเรือนจริงๆ

“แค่ช่วยไปทำอาหารทดลองชิมที่ซูเปอร์เท่านั้น” โยชิโอะโผล่เข้ามาพอดี หลังจากชิมข้าวราดน้ำและกับข้าวหลากหลายที่มาจิทำขึ้นแล้ว นอกจากเอ่ยปากชมยังเอ่ยคำหวานเป็นกระบุงตามด้วยคุกเข่าก้มศีรษะขอร้องมาจิ “เป็นงานพิเศษ ได้เรียนรู้สังคม ได้ค่าขนม ถ้าโชคดีจะได้ไปเซนได และไปโตเกียวด้วย”

เซนได เมืองหลวงของภาคอีสาน โตเกียว ดินแดนในฝันของมาจิ

“ไม่เอา” “ไม่เอา” “ไม่เอา” มาจิปฏิเสธสามครั้งซ้อน

“มิโกะน่ารักอย่างเธอไม่ออกไปโชว์ตัวได้ไง” โยชิโอะไม่เลิกรา

แต่แล้วมาจิก็ทำเหลวอีก เด็กหญิงบ้านนอกใส่ชุดทำครัวไปยืนคนเดียวในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในเมืองพร้อมอาหารท้องถิ่น เธอได้แต่ยืนเงียบๆ พูดเสียงเบาๆ ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่เดินไปมาซื้อของมากมาย แต่ไม่มีใครสนใจเธอเลย ถึงกระนั้นโยชิโอะก็ชมเชยว่าเธอเก่งแล้ว และขอร้องให้ทำงานประชาสัมพันธ์หมู่บ้านขั้นต่อไป

ครั้งนี้เขาให้เธอทำหน้าที่เป็นไอดอลประจำหมู่บ้าน ในชุดมิโกะประยุกต์ที่ผ่านรอบการประกวดเล่มที่แล้ว ชุดออกจะแปลกๆ ไปหน่อยนะ

“สาวน้อยประจำหมู่บ้านคุมาเดะ” โยชิโอะถือไมค์ประกาศบนเวที “มาจิจัง ออกมาแล้วครับ”

ตามประสางานวัดประจำตำบล พอมีสาวนุ่งสั้นขึ้นเวที ก็มีหนุ่มๆ ปากคอเราะรานด้านล่างเวที ทำเอามิโกะน้อยตัวสั่นไม่สามารถแสดงความสามารถอะไรได้มากนัก

อ่านถึงตรงนี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าสถานการณ์ที่บ้านนอกของเขาก็คล้ายๆ เรา นั่นคือของดีมีอยู่แต่แสดงออกไม่เป็น แทนที่จะอวดของพื้นถิ่นที่เป็นของแท้ จริงใจ ไม่เหมือนใคร เช่น ข้าวราดน้ำหรือมิโกะน้อยที่ยังคงความสามารถดั้งเดิม แต่กลับอวดเนื้อหนังมังสาแทน

“หมู่บ้านคุมาเดะเป็นหมู่บ้านต้องคำสาป” เป็นแม่เฒ่าสติไม่ดีแห่งหมู่บ้านทามุระพูดขึ้น “ห้ามเข้าใกล้หมู่บ้านคุมาเดะ มิเช่นนั้นจะถูกสัตว์ร้ายเข้าสิง!”

ชาวบ้านคุมาเดะโกรธมาก “พวกทามุระนิสัยเสีย ผักก็ไม่อร่อย”

ชาวบ้านทามุระไม่ลดราวาศอก “พวกคุมาเดะงี่เง่า ผักของแกสิไม่อร่อย”

สองหมู่บ้านเกือบวางมวย แต่พอโยชิโอะพูดขึ้นกลางวงว่าดูเหมือนทุกคนจะรวมแรงรวมใจเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว มากอบกู้หมู่บ้านของพวกเรากันเถอะ ชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกลับบ้านดีกว่า

อ่านไปๆ ก็ยิ่งเห็นขั้นตอนการพัฒนาของชนบท ที่ไหนๆ ก็เริ่มต้นแบบนี้ ชาวบ้านมิได้แอ๊กทีฟอะไรนักหนา ใครๆ ก็อยากอยู่สงบและพอเพียง แต่ด้วยทิศทางพัฒนาของเมืองและของประเทศที่รุกคืบ จะมีคนหนุ่มคนสาวส่วนหนึ่งที่รู้ว่าหมู่บ้านต้องปรับตัว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ง่ายนัก เพราะวิถีชาวบ้านดั้งเดิมที่อยู่กันมานานแบบเดิมๆ คอยฉุดรั้งเอาไว้ ไม่ต้องทำอะไรมากนักก็ไม่อดตาย

“ไม่ไปแล้ว เซนได” มาจิมัดตัวเองไว้กับศาลเจ้า “กลัวถูกคนขว้างหินใส่”

“ใครจะขว้างหินใส่” ทั้งโยชิโอะและนัทสึช่วยกันปลอบ ด้วยโยชิโอะยังมีแผนฟื้นฟูหมู่บ้านอยู่

“มีสิ มีสิ เขาจะขว้างหินใส่” มาจิร้องไห้แล้ว “เขาจะขว้างหินใส่ๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเรียนเมืองหลวงไม่ได้แล้วนะ” นัทสึว่า

“ไม่ไปแล้วๆ” มาจิร้องไห้

ในแต่ละชุมชนท้องถิ่น มีฝ่ายหนึ่งที่อยากพัฒนาเหมือนโยชิโอะซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ อีกฝ่ายหนึ่งที่คอยดึงเอาไว้โดยไม่รู้ตัวคือนัทสึซึ่งเป็นร่างทรงของเทพเจ้าแต่โบราณ นั่นทำให้เรื่องราวอันแสนชุลมุนวุ่นวายจะมีต่อไปในเล่ม 4 เมื่อนักสืบคดีฆาตกรรมสองนายเข้ามาสืบสวนการตายของชาวนาคนหนึ่งถึงในหมู่บ้าน แล้วนำไปสู่ไอเดียใหม่ของโยชิโอะนั่นคือดึงเทพเจ้าลงมาช่วยประชาสัมพันธ์หมู่บ้านเสียเลย

“หมีมาสค็อตนัทสึ!” ถึงเวลาที่เทพเจ้าจะออกเดินทางไปเมืองใหญ่แล้ว

มีข้อแตกต่างของการพัฒนาระหว่างบ้านเขาและบ้านเราที่สำคัญคือเรื่องชุมชนช่วยตนเอง แม้ว่าโยชิโอะจะไม่สามารถหาแนวร่วมพัฒนาได้มากเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่เคยเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากส่วนกลาง และส่วนกลางก็ไม่เข้ามาก้าวก่าย

ที่โยชิโอะพยายามทำอยู่ทุกเล่มๆ คือใช้ทรัพยากรของหมู่บ้านให้เป็นประโยชน์ โดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น ออกร้าน ชุดไอดอลวาบหวาม มาจนถึงมาสค็อต แต่เขาภักดีต่อหมู่บ้านเสมอและรอเวลาที่รวมพลังของหมู่บ้าน โดยหมู่บ้าน เพื่อหมู่บ้าน

คือประชาธิปไตย