ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : ขอให้มีรสเผ็ด / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ขอให้มีรสเผ็ด

 

กวนแยมเบคอนสามวันติด แม้เป็นของชอบ แต่ฉันต้องบอกว่า อาการอิ่มกลิ่นจนไม่อยากกินมีอยู่จริง ก่อนทำ ฉันตั้งใจว่าหลังจากมีแยมตุนในตู้เย็น ฉันจะสั่งขนมปังมากินกับแยมให้สาแก่ใจ ให้สมกับที่ของขาดไปหลายวัน

เปล่าเลย ฉันไม่อยากกินแยมสักนิด กระทั่งแยมถึงมือเพื่อนๆ แล้ว กินกันแล้ว ส่งรูปมาให้ดู ชมว่าอร่อยอย่างไร ฉันก็ไม่นึกอยากกิน

ฉันอยากกินอะไรเผ็ดๆ น้ำพริกก็ได้ แกงเผ็ดก็ดี ขอให้เผ็ด กินกับข้าวสวยร้อนๆ

“กินขนมจีนมั้ย” ฉันถามเขา หาแนวร่วมกินแกงกะทิ

“อยาก” เขาตอบทันที เป็นคำตอบที่เดาได้ไม่ยาก เขาโปรดปรานขนมจีนที่สุด และกินได้กับทุกแกงที่เผ็ด

 

เราแปะมือ ตกลงเป็นแกงไก่ ใส่อะไรไปหาเอาข้างหน้า และควรไปจ่ายกาดหลวง (ตลาดใหญ่) ตอนนี้เราเน้นตลาดที่โปร่ง ไม่แออัด แสงเยอะๆ แดดจัดเลยยิ่งดี เรารู้สึกว่ามันปลอดภัย

กาดแลงแบบไปเร็วกว่าคนอื่น จึงเป็นทางเลือกที่ดี ขายข้างถนน มีทุกสิ่งอย่าง อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง สดบ้าง ไม่สดบ้าง เราต้องคัดสรรให้ดี แต่เราชอบที่ไม่ต้องเบียดคน ชอบแดดบ่ายสาดส่อง และตอนนี้มีข้าวเหนียวใหม่กับงาใหม่ หมายถึงฉันจะได้กินข้าวนุ้กงา

พอถึงตลาด ฉันก็พุ่งไปร้านข้าวนุ้กงา จัดมาสองห่อ งาตำน้ำอ้อยอีกหนึ่งอัน

หัวเราะ “ไหนว่าอยากกินเผ็ด”

“ไว้กินหลังข้าว”

สำหรับฉัน ข้าวนุ้กงาคือของขวัญจากฤดูกาล เราจะได้กินแค่ไม่กี่เดือน ฉันชอบกินกับโกโก้ร้อน ระหว่างทำงานตอนกลางคืน

ใช่ ฉันกินข้าวเย็น แล้วต่อด้วยข้าวเหนียวตำกับงาอีกหนึ่งห่อ ฤดูหนาวจึงเป็นฤดูแห่งการเพิ่มน้ำหนักของฉัน (แม้ปีนี้จะไม่หนาว)

 

อีกสิ่งที่เราต้องซื้อเมื่อมาที่นี่ คือปลาช่อนแดดเดียว เค็มกำลังดี ขนาดตัวกำลังดี เจอแดดแบบกำลังดี ฉันมีติดตู้เย็นไว้เสมอ บางมื้อที่ไม่รู้จะกินอะไร เอาปลาช่อนแดดเดียวมาทอด ทำพริกน้ำปลาแบบใส่มะม่วงสับ ประกบคู่กับผัดผักสักจาน

“วันนี้ไม่มีแบบสองแดดนะพี่” แม่ค้าปลาช่อนรีบบอก

ความพิเศษของร้านเธอ คือมีปลาให้เลือกทั้งแบบตากสองแดด และตากแดดเดียว เธอจำได้ว่าฉันชอบสองแดด

“ไม่เป็นไรค่ะ ได้หมด” ฉันคีบปลาช่อนแดดเดียวให้เธอชั่งสองตัว จ่ายเงิน แล้วเดินไปซื้อไก่

ถ้าจะแกง ฉันชอบไก่ส่วนไหนที่ติดกระดูก ซื้อมาสับเอง หรือถ้าร้านดูสะอาด ให้พ่อค้าแม่ค้าสับให้ก็สะดวกดี

ได้ไก่แล้ว ฉันเดินไปซื้อกะทิ แบบแยกหัวหางครึ่งกิโล น้ำพริกแกงแดงหนึ่งขีด ใบโหระพาหนึ่งมัด และพริกจินดาแดงหนึ่งจาน

เอาล่ะ ตัดสินใจด่วน-จะใช้ผักอะไร

“หน่อไม้ดองตลาดนี้เราไม่เคยซื้อ ไม่ควรเสี่ยง” ฉันบอกเขา

เขาชอบหน่อไม้ดองมาก แต่ถ้าหน่อไม้ดองพัง แกงย่อมพังทั้งหม้อ

มองซ้ายมองขวา หรือจะเป็นมะเขือ

“ฟักมั้ย เราไม่เคยแกงใส่ฟักเลย” เขาโพล่งออกมา

อา…บางครั้งความคิดดีๆ ก็มาจากคนที่ทำอาหารไม่ค่อยเป็น ได้เลย มันใช่ที่สุด ฉันเดินไปหาฟักขาว หรือที่คนเหนือเรียกว่าฟักหม่น

แม่ค้าจ้าวเหนือนิยมแบ่งขาย ปอกเปลือกให้เรียบร้อย หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ ยาวๆ ขายถุงละ 20 บาท แบบพอดีแกงหนึ่งหม้อ

 

กลับถึงบ้าน ฉันจัดการล้างไก่ สับไก่ การสับไก่เองดีตรงที่ได้ขนาดตามต้องการ ชอบเล็กก็สับชิ้นเล็ก ชอบใหญ่ก็จัดไป ไม่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชแม่ค้า

โจทย์ของกะทิซื้อแบบคั้นสดคือควรรีบแกง เพราะถ้าเราตั้งกะทิไว้นานไป ทั้งกลิ่นและรสจะเปลี่ยน

ฟักไม่มีเปลือกแล้ว ฉันล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ และหั่นส่วนขาวของฟักทิ้งนิดหน่อย กินแต่ส่วนเขียวที่แน่นๆ จะอร่อยกว่า

หั่นพริกจินดาแดงเฉียง และเด็ดใบโหระพาแช่น้ำรอ

คราวนี้ก็ตั้งกระทะ ฉันชอบแกงในกระทะ เพราะมันกะหางกะทิง่าย คนแกงก็ง่ายกว่าในหม้อ

ใส่หัวกะทิทั้งหมด ใช้ไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ จนกะทิแตกมัน กะทิไม่ควรจับตัวเป็นก้อน ไม่ควรไหม้ ให้มันค่อยๆ ร้อนขึ้น ข้นขึ้น และมีมันลอยหน้านิดๆ ตอนนั้นจึงเอาพริกแกงลง นอกจากพริกแกงแดง ฉันแอบใส่พริกแกงใต้ไปหนึ่งช้อนชา (เพื่อความเผ็ดร้อน)

ผัดน้ำพริกแกงกับกะทิให้กลิ่นคลุ้ง แล้วใส่ไก่ลงไป ผัดไก่ให้หนังตึง จึงเติมหางกะทิแค่พอท่วมไก่

รอกะทิเดือด ใส่ฟักขาว ฟักจะคลายน้ำออกมา ทำให้น้ำแกงเพิ่ม ฉันจึงเติมหางกะทิอย่างระมัดระวัง และปรุงแกงเมื่อฟักสุก

เพิ่มรสเค็มด้วยเกลือและน้ำปลาดี เพิ่มรสหวานด้วยน้ำตาลทรายและ/หรือน้ำตาลมะพร้าว

มันยากที่จะบอกว่า แกงควรหวานแค่ไหน เค็มแค่ไหน เพราะเราชอบไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่า ถ้าชิมแล้วใช่ ก็เทพริกจินดากับใบโหระพาลงกระทะไป รอให้เดือดอีกที แล้วปิดเตา

หุงข้าวร้อนๆ ขนมจีนฉันอุ่นด้วยการนึ่ง ทอดปลาช่อนแดดเดียวกินคู่กัน และมีแตงกวาแช่เย็นแก้เผ็ด

เขากินกับขนมจีน

ฉันเลือกไม่ได้ก็ควบสองอย่างในหนึ่งจาน เป็นอีกมื้อที่เราใช้คำว่าอร่อยสิ้นเปลือง