ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | คนมองหนัง |
เผยแพร่ |
ยิ้มเยาะเล่นหวัวเต้นยั่วเหมือนฝัน
คนมองหนัง
หมดยุคแบ่งแยก “เพศ” บนเวที “บริต อวอร์ดส์”
ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า การมอบรางวัล “บริต อวอร์ดส์” รางวัลทางดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรจะมาพร้อมกับมิติใหม่ครั้งสำคัญ
เมื่อคณะผู้จัดงานได้ประกาศยุบ “รางวัลศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม” และ “รางวัลศิลปินชายเดี่ยวยอดเยี่ยม” แล้วนำมารวมกันเป็นสาขาเดียว
โดย “รางวัลศิลปินหญิงบริติชยอดเยี่ยม” และ “รางวัลศิลปินชายบริติชยอดเยี่ยม” จะถูกนำมารวมกันเป็น “รางวัลศิลปินบริติชยอดเยี่ยม”
เช่นเดียวกับ “รางวัลศิลปินหญิงนานาชาติยอดเยี่ยม” และ “รางวัลศิลปินชายนานาชาติยอดเยี่ยม” ก็ถูกนำมารวมเป็น “รางวัลศิลปินเดี่ยวนานาชาติยอดเยี่ยม”
นับแต่เริ่มต้นแจกรางวัลในปี 1977 “บริต อวอร์ดส์” ก็จัดแบ่งสาขารางวัลแบบแยกเพศหญิง-ชายมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง มีศิลปินร่วมสมัยหลายราย อาทิ “แซม สมิธ” ที่วิจารณ์ว่าการแบ่งแยกรางวัลออกเป็น “หญิง-ชาย” แบบเดิมนั้น ถือเป็นการกีดกันศิลปินผู้มีความหลากหลายทางเพศออกไป
ทางด้าน “เจนนาโร กัสตาลโด” โฆษกของสมาคมอุตสาหกรรมแผ่นเสียงแห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกมาชี้แจงว่า นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามค่านิยมของยุคสมัย พร้อมยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า
“ทำไมคนอย่างอะเดล และเอ็ด ชีแรน ถึงไม่ได้มาดวลกันตัวต่อตัว แล้วตัดสินว่าใครดีกว่า ในฐานะของศิลปินล่ะ?”
ไอเดียเรื่องการยุบรวมรางวัลสาขาหญิง-ชาย ถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกสุดในปี 2019 อย่างไรก็ดี มีบางฝ่ายวิตกกังวลว่า การเหลือรางวัลสำหรับศิลปินเดี่ยวเพียงหมวดเดียว อาจเป็นการลดโอกาสคว้ารางวัลของเหล่าศิลปินหญิง
ทว่าประสบการณ์จากรางวัลทางดนตรีอื่นๆ กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เช่น การมอบรางวัล “เอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส์” ที่ยุบรางวัลศิลปินหญิง-ชายรวมเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่ปี 2017 และหลังจากนั้น ก็มีสตรีได้รับรางวัลศิลปินเดี่ยวมากถึง 3 คน
สำหรับ “แกรมมี่ อวอร์ดส์” รางวัลทางดนตรีใหญ่สุดฝั่งสหรัฐ ก็มีการยุบรวมรางวัลศิลปินหญิง-ชาย ในสาขาการขับร้องเพลงป๊อปยอดเยี่ยม การขับร้องเพลงคันทรียอดเยี่ยม และการขับร้องเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม มาตั้งแต่ปี 2012
หลังจากนั้น อัตราส่วนผู้ได้รับรางวัลระหว่างศิลปินหญิง-ชาย จะอยู่ที่ 50/50 พอดิบพอดี
หรือหากพิจารณาประวัติศาสตร์ของ “บริต อวอร์ดส์” เอง รางวัลที่ไม่มีการแบ่งแยกเพศหญิง-ชาย อย่าง “รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยม” ก็เคยมีศิลปินหญิงได้รับรางวัล 10 ครั้ง อีก 9 ครั้งเป็นของศิลปินชาย และมีศิลปินกลุ่มได้รับรางวัลมากถึง 22 ครั้ง
ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่าในจำนวนดังกล่าว มีเพียงสองวงเท่านั้น ที่มีสมาชิกเป็นเพศหญิง
โฆษกสมาคมอุตสาหกรรมแผ่นเสียงแห่งสหราชอาณาจักรแสดงความเห็นว่า หากศิลปินชายยังเป็นคนกลุ่มหลักที่ได้รับรางวัลในระบบแบบใหม่ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมดนตรีของประเทศนี้ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขปรับปรุงดำรงอยู่
โดยเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จลุล่วง คือ ความเท่าเทียมระหว่างศิลปินทุกเพศและทุกภูมิหลัง
ทั้งนี้ ข้อดีอีกประการหนึ่งของการยุบรวมรางวัลศิลปินหญิง-ชาย ก็คือ “บริต อวอร์ดส์” รูปแบบล่าสุด สามารถเพิ่มเติมรางวัลใหม่ๆ สำหรับแนวดนตรีเฉพาะเข้ามาได้
ในปี 2022 จึงจะมีการมอบรางวัลสำหรับผลงานแนวป๊อป, ร็อก, แดนซ์ และแร็พ ซึ่งตัดสินด้วยคะแนนโหวตจากแฟนเพลง
หนึ่งในศิลปินรุ่นเก๋าที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านเรื่องนี้โดยชัดแจ้ง ก็ได้แก่ “ไบรอัน เมย์” ยอดมือกีตาร์แห่งวง “ควีน” และดุษฎีบัณฑิตสาขาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ จากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน
เมย์ให้สัมภาษณ์ว่าความเปลี่ยนแปลงบางอย่างนั้นนำไปสู่พัฒนาการที่ดีขึ้น แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ เขามองว่าความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดกับ “บริต อวอร์ดส์” เป็นการตัดสินใจที่ไม่คิดถึงผลในระยะยาวให้ถี่ถ้วนเพียงพอ
มือกีตาร์ของ “ควีน” เชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับความเปลี่ยนแปลงหนนี้ แต่คนเหล่านั้นไม่กล้าพูดอะไรออกมา โดยเขาได้เทียบเคียงสถานการณ์ปัจจุบันกับเรื่องราวของเพื่อนรักผู้ล่วงลับ “เฟรดดี้ เมอร์คิวรี”
“เฟรดดี้มาจากแซนซิบาร์ (ประเทศแทนซาเนีย) เขาไม่ใช่คนบริติช เขาไม่ได้มีผิวขาว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้มีใครที่จะใส่ใจประเด็นพวกนี้ ไม่มีใครเลยที่จะถกเถียงถึงเรื่องดังกล่าว
“เขา (เฟรดดี้) เป็นนักดนตรี เขาเป็นเพื่อนของพวกเรา เขาเป็นพี่น้องของพวกเรา พวกเราไม่เคยเลยที่จะหยุดชะงักแล้วคิดว่า “โอ้ ตอนนี้ เราควรจะทำงานร่วมกับเขาไหม? เขามีสีผิวที่เหมาะสมหรือเปล่า? เขามีรสนิยมทางเพศที่ถูกต้องหรือไม่?”
“สิ่งพวกนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่ ณ ปัจจุบัน ผมกลับได้พบเรื่องราวน่าตระหนกว่า พวกคุณต้องคิดคำนวณทุกๆ อย่าง เกี่ยวกับประเด็นทำนองนี้”
เมย์ยังทิ้งท้ายว่าวงดนตรีเช่น “ควีน” อาจไม่มี “ความหลากหลาย” มากพอที่จะได้รับรางวัล “บริต อวอร์ดส์” ยุคใหม่
“พวกเราจะถูกบีบบังคับให้ต้องมีสมาชิกที่มีผิวสีและเพศแตกต่างกัน พวกเราจะต้องมีสมาชิกที่เป็นบุคคลข้ามเพศ คุณก็รู้นี่ว่าชีวิตน่ะมันไม่ต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอก เราสามารถมีความแตกต่างและไม่จำเป็นจะต้องอยู่ร่วมกัน”
มือกีตาร์วัย 74 ปี แสดงทัศนะท้าทายกระแส “แคนเซิล” พฤติกรรมและความคิดที่ “ไม่ถูกต้องทางการเมือง” ต่างๆ ซึ่งแพร่หลายในสังคมตะวันตก
ข้อมูลจาก