สู้ถึงฎีกา-ปิดคดีเสือดำ คุกเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน คุมตัวเข้าเรือนจำทันที ลุ้นโทษ ‘สินบน-อาวุธปืน’/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

สู้ถึงฎีกา-ปิดคดีเสือดำ

คุกเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน

คุมตัวเข้าเรือนจำทันที

ลุ้นโทษ ‘สินบน-อาวุธปืน’

 

เป็นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ และจับตาดูอย่างกว้างขวาง สำหรับเหตุการณ์การล่าเสือดำ และไก่ฟ้าหลังเทา ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เหตุเกิดเมื่อปี 2561

เนื่องจากผู้ต้องหาในคดี เป็นถึงระดับเจ้าสัวหมื่นล้าน อย่างนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ที่มีความพร้อมในการสู้คดีอย่างครบครัน

อีกทั้งในการพิพากษาศาลชั้นต้น นายเปรมชัยก็พ้นความผิดในคดีล่าเสือดำ เหลือเพียงคดีครอบครองซากไก่ฟ้า จำคุก 16 เดือน

ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำคุก 2 ปี 14 เดือน

ในที่สุดก็ยุติในคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อมีคำพิพากษายืนตามชั้นศาลอุทธรณ์

จำคุก 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ควบคุมตัวเจ้าสัวเปรมชัยเข้าเรือนจำทันที

ถือเป็นอีกคดีที่น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับพรานบรรดาศักดิ์ ที่ออกล่าเพื่อความสนุก

ที่ต้องรับโทษจำคุก สูญสิ้นอิสรภาพ ที่ยังไม่นับรวมถึงชื่อเสียงทั้งของตนเอง และธุรกิจที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา

ไม่ให้เดินไปในทิศทางที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้อีกต่อไป

ฎีกาสั่งคุกเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน

เช้าวันที่ 8 ธันวาคม เป็นวันที่สังคมและเครือข่ายอนุรักษ์ให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นวันที่ศาลทองผาภูมิ นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย เป็นจำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4

ในความผิด 6 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ประกอบด้วย

1. ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

4. ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า

5. ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย

6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน นายยงค์ 13 เดือน นางนทีจำคุก 4 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 2 ปี และจำคุกนายธานี 2 ปี 17 เดือน

ต่อมาอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษ และจำคุกนายธานี ทุมมาศ 2 ปี 21 เดือน

จำเลยทั้งสามยื่นฎีกา

ทั้งนี้ ศาลฎีการะบุว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุต่อการรอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ.2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้

แต่ยังคงมีความผิดข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ.2562 ดังนั้น ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 คงจําคุก 2 ปี 14 เดือน นายยงค์ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน นายธานี จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน

ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่

หลังจากศาลทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายเปรมชัยที่เดินทางมาฟังคำพิพากษา ด้วยอาการบาดเจ็บตาซ้าย ต้องปิดผ้าก๊อซไว้ ไปควบคุมตัวที่เรือนจำทองผาภูมิ และไม่อนุญาตให้เยี่ยม เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคโควิด โดยทนายความระบุว่า นายเปรมชัยไม่ได้ฝากหรือพูดอะไร ระบุเพียงน้อมรับคำตัดสินของศาล

ถือเป็นจุดสิ้นสุดของคดีเสือดำที่ยาวนานมาเกือบ 4 ปี

ย้อนนาทีเจ้าสัวเข้าล่าสัตว์

สําหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวเข้าไปล่าสัตว์ จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณห้วยปะชิ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก พร้อมของกลาง ปืนไรเฟิลขนาด .30-06 ติดกล้อง ปืนไรเฟิล .22 ติดกล้อง ปืนลูกซองแฝด เบอร์ 20 กระสุนปืนขนาด .30-06 จำนวน 7 นัด กระสุนปืน .22 จำนวน 114 นัด กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 4 นัด

กระสุนปืนลูกซอง 2 แรงครึ่ง 13 นัด กระสุนปืนลูกซอง 1 แรง จำนวน 4 นัด เข็มขัดบรรจุกระสุนปืนลูกซอง และน้ำมันล้างปืน

นอกจากนี้ ยังพบซากสัตว์ป่าจำนวนมาก ประกอบด้วยซากเสือดำชำแหละแล้ว 1 ตัว น้ำหนัก 10.6 ก.ก. หนังเสือดำยาวจากหัวถึงสะโพก 83 ซ.ม. หนังเสือดำชำแหละแล้ว 1 ผืน หนัก 2.6 ก.ก. ความยาวจากหัวถึงหาง 1.48 ม. ซากไก่ฟ้าหลังเทา 1 ตัว หนัก 0.6 ก.ก. และเนื้อเก้ง ทั้งหมดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

โดยนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ในขณะนั้น เปิดเผยถึงนาทีจับกุมว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่พบกลุ่มคนเข้าไปกางเต็นท์ในจุดห้าม จึงเข้าไปพูดคุยแนะนำ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ชุดลาดตระเวนจึงวิทยุแจ้งหน่วย ตนจึงให้รองหัวหน้าเขตเข้าไปพูดคุย แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเช่นเดิม

เจ้าหน้าที่จึงเดินตรวจสอบจุดกางเต็นท์ ระหว่างนั้นมีเสียงปืน จึงเข้าไปตรวจสอบพบชายคนหนึ่งกำลังเล็งปืนไปที่สัตว์ป่าที่หากินบนยอดไม้ จึงแจ้งให้หยุด แล้วคุมตัวมารวมกับชายที่กางเต็นท์ ระหว่างนั้นพบปลอกกระสุนลูกซองและเศษชิ้นเนื้อคล้ายเครื่องในสัตว์กองอยู่ พร้อมถุงใส่เกลือ จึงเอะใจเพราะปกติเกลือไม่น่าตกอยู่ในป่า

จึงสันนิษฐานว่ากลุ่มดังกล่าวน่าจะเข้ามาล่าสัตว์ เมื่อให้เปิดกระเป๋าและกระติกน้ำแข็ง พบซากไก่ฟ้า เนื้อหมูป่า ค้นตัวชายคนหนึ่งก็พบปืน จึงเชื่อว่าไม่ได้มาเที่ยวศึกษาเส้นทางธรรมชาติแน่ จังหวะนั้นดึกและมืด จึงคุมตัวมาที่สำนักงานก่อน กระทั่งเช้าไปตรวจเพิ่ม จึงเจอซากเสือดำ

เป็นจุดเริ่มต้นของคดีเสือดำอันลือลั่น

 

ลุ้นต่อคดีสินบน-อาวุธปืน

หลังจากทำสำนวนเรียบร้อย เจ้าพนักงานอัยการก็ยื่นฟ้องนายเปรมชัยกับพวกรวม 4 คน ซึ่งศาลชั้นต้นอธิบายถึงเหตุผลในการจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน ในความผิดร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง จำคุก 6 เดือน สนับสนุนผู้อื่นล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำคุก 8 เดือน และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทา จำคุก 2 เดือน

เนื่องจากสอบซากเสือดำที่ถูกยิงตามภาพถ่ายจำลองตำแหน่งรูกระสุนปืน และพฤติการณ์ของนายธานี ที่เจ้าหน้าที่พบขณะจะยิงกระรอก ส่อให้เห็นว่านายธานีมีพฤติกรรมใช้ปืนล่าสัตว์ เมื่อค้นตัวก็พบกระสุนลูกซองขนาด 20 ที่เป็นขนาดเดียวกันที่ยิงเสียดำ เปรียบเทียบรอยเข็มแทงชนวนและรอยลายเส้นที่จานท้ายปลอกตรงกัน

จึงเชื่อว่านายธานีเป็นผู้ใช้ปืนลูกซองของกลางยิงเสือดำ

ขณะที่นายเปรมชัยและนายยงค์ ไม่ได้อยู่ขณะที่นายธานีจะยิงกระรอก แสดงให้เห็นพฤติกรรมการออกล่าสัตว์ของนายธานี ว่า มักจะออกล่าสัตว์ตามลำพัง รวมทั้งไม่มีพยานว่าทั้งคู่อยู่กับนายธานีขณะยิงเสือดำ หรือช่วยเหลือในลักษณะแบ่งงานกันทำ จึงฟังไม่ได้ว่าทั้งคู่เข้าร่วมขณะกระทำความผิด จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นตัวการกระทำความล่าเสือดำ

แต่ที่นายเปรมชัยให้นายธานีใช้ปืนยาวลูกซองแฝดของกลาง ย่อมต้องรู้ว่าจะนำไปใช้ล่าสัตว์ ถือเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก อันเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด นายเปรมชัยจึงมีความผิดฐานสนับสนุน

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่านายเปรมชัยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ชำแหละซากเสือดำ จึงไม่เกี่ยวข้อง

ต่อมาในชั้นคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 พิพากษาแก้ จำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน จำคุกนางนที 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษ และจำคุกนายธานี 2 ปี 21 เดือน

ก่อนถึงบทสรุปด้วยคำพิพากษายืนของศาลฎีกา

และยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะนายเปรมชัยถูกศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษายืนจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีเสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ กับคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกนายเปรมชัย 6 เดือน ไม่รอลงอาญา กรณีมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้ง 2 คดีอยู่ในชั้นฎีกา

จะต้องติดคุกเพิ่มอีกหรือไม่ อีกไม่นานคงรู้กัน!!