ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ซอยลาดหญ้า 15
ถนนลาดหญ้าอยู่ฝั่งธนฯ เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินทรงม้าวงเวียนใหญ่ไปสุดที่คลองสาน
ซอยลาดหญ้า 15 อยู่ซ้ายมือ เริ่มต้นจากวงเวียนใหญ่ไปคลองสานนี่แหละ เป็นซอยสั้นๆ ยาวสักห้าสิบเมตรกระมัง
เหมือนซอยทั่วไปที่ขนาบด้วยห้องแถว รถราจอดเกะกะอยู่ในซอกซอยแคบๆ
เด็กๆ วิ่งเล่นกันขวักไขว่เจี๊ยวจ๊าว มีตั้งแต่ราวห้าหกขวบจนถึงราวสิบสามสิบสี่ปี พวกเขาไม่สนใจอะไรเลยนอกจากวิ่งไล่วิ่งเล่นตลอดซอย
เราเองต้องคอยระวังหลบ
ห้องแถวหัวมุมนี้คือร้านหรือบ้านของคุณทากะยูกิ อิโมริ หนุ่มญี่ปุ่นวัยใกล้จะกลางคน กุลีกุจอต้อนรับ นั่งได้สักครู่ก็มีหนุ่มไทยข้ามฟากจากห้องแถวเข้ามาวัดเท้าเรา ขณะคุณทากะกุลีจอพาเพื่อนบ้านอีกคนเข้าไปเลือกเสื้อผ้ามือสองที่แขวนแน่นอยู่เต็มราวกลางห้อง
ฝาผนังห้องด้านในนั้นเต็มไปด้วยรูปเขียนฝีมือเด็ก
และเด็กอีกนั่นแหละ ยกน้ำยกขนมจีบวางบนโต๊ะต้อนรับด้วยกิริยาเรียบร้อย เสร็จแล้วก็วิ่งไปเล่นเจี๊ยวจ๊าวกับผองเพื่อนที่ขวักไขว่อยู่ทั้งนอก-ในบ้าน
คุณทากะเอาตัวอย่างหนึ่งเพื่อตัดรองเท้าให้เราเลือก
ทากะเป็นช่างตัดรองเท้ามือดี มีร้านอยู่แถวสีลม
บ้านและเพื่อนบ้านคือโรงงานตัดรองเท้าตามที่เราคิดเอาก่อนมาเห็นว่าแท้คือซอยแสนสนุกของเด็กๆ
ซอยแสนสนุกที่ “มอมแมมไปด้วยความงาม” ตามสำนวนของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์
ผนังด้านนอกตรงไหนว่าง ตรงนั้นจะมีรูปเขียนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“ศิลปินทั้งไทยและต่างชาตินะที่เราชวนมาเขียนผนังในซอย”
เพื่อนของทากะขยายความให้ฟังว่าเริ่มจากตัวทากะเองที่มีเพื่อนจากญี่ปุ่นมาแสดงผลงานทั้งรูปเขียนและเล่นดนตรี
กระทั่งเนรมิตซอยลาดหญ้า 15 ให้มีชีวิตชีวา “มอมแมมไปด้วยความงาม” อย่างว่า
บ้านหรือห้องแถวของทากะกลายเป็นสโมสรเด็ก นอกจากเขียนรูป เล่นดนตรี เล่นกีฬา เช่น ปิงปอง โดยมีโต๊ะปิงปองอยู่ตรงที่ว่างๆ กลางพื้นห้องนั้น
“เสื้อผ้ามือสองนี่ทากะก็นำมาออกแบบด้วยการเขียนรูปเขียนลายให้เป็นงาน ชนิดมีตัวเดียวในโลกเลยนะ”
ยืนยันได้โดยแน่แท้เลยว่า นี้คือศิลปินเพื่อชีวิตตัวจริง ด้วยทุกงานล้วนเข้าถึงทุกคน และทุกคนเข้าถึงงานศิลปะได้โดยตรง
ที่ได้ชัดเจนยิ่ง ก็คือเข้าถึงธรรมชาติบริสุทธิ์ในจิตใจเด็กทุกเพศวัย
เหนือกว่านั้น งานศิลปะที่เป็นพลังดึงเด็กๆ ให้ได้มาแสดงออกด้วยกัน เป็นพลังที่ดึงพ่อ-แม่ของเด็กๆ ในซอยทั้งซอยให้มาเป็นมิตรไมตรี รู้สึกได้ถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นชุมชนเดียวกันด้วย
ที่เวลานี้หาได้ยากนัก
เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ซอยเดียวกัน แต่แทบทุกหมู่บ้าน ทุกซอยซอกตรอกตระการล้วนต่างคนต่างอยู่
ยิ่งหมู่บ้านใหญ่ก็ยิ่งเหมือนบ้านร้าง ต่างขังตัวเองไว้ในอาณาจักรส่วนตนมิดชิด
เคยผ่านซอยอย่างนี้แทบทุกซอย แต่ไม่เคยได้รู้สึกเหมือนซอยนี้เลย อยู่ท่ามกลางความขวักไขว่แต่ให้รู้สึกได้ถึงบความสงบ
ความสงบที่ได้จากสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวา ความเป็นธรรมชาติล้วนๆ ไม่ปรุงแต่งเสแสร้งใดๆ สิ้น
“วันดีคืนดีมีนิทรรศการศิลปะที่ไหน ทากะจะพาเด็กๆ ในซอยนั่งท้ายรถกระบะไปชม”
ประสบการณ์อย่างนี้เป็นห้องเรียนมีค่ายิ่ง เป็นพื้นฐานรสนิยมที่จะทำให้คนเป็นมนุษย์ได้จริง
ที่ประเทศอังกฤษจะมีหอศิลป์ใหญ่ แทบทั้งวันจะมีเด็กนักเรียนตั้งแต่วัยอนุบาลเข้าแถวไปนั่งดูรูปเขียน โดยมีผู้เล่าให้เด็กฟังถึงเรื่องราวของแต่ละรูปนั้น
ที่วัดพุทธประทีปของไทย ทุกเช้าจะมีนักเรียนในละแวกนั้นเข้าไปดูจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์โดยพระไทยจะคอยบรรยายให้เด็กฟังถึงเรื่องราวจากภาพผนังนั้น
สามจิตรกรผู้เขียนจิตรกรรมฝาผนังคือสามจิตรกรเอกของไทยคือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ปัญญา วิจินธนสาร และสมภพ บุตราช
เด็กๆ ถูกปูพื้นด้วยรสนิยมทางศิลปะเหล่านี้จะโตขึ้นอย่างมีพัฒนาการ โดยเฉพาะทางจินตนาการอันมีค่ายิ่ง
อย่างที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดนักวิทยาศาสตร์ของโลกว่าไว้คือ
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
นี่คือ “พลังศิลปะ” ที่เด็กและเยาวชนเรายังขาดการปูพื้นอยู่ จึงมักตกเป็นเหยื่อของความไร้รสนิยมที่ยุคสมัยฉาบฉวยหยิบยื่นให้ในวันนี้
ได้ทราบว่าบางประเทศในยุโรปนั้นจะมีกิจกรรมให้เด็กอย่างสำคัญอยู่สามอย่างคือ เขียนรูป เล่นดนตรี และเดินป่า
เขียนรูปจะช่วยสร้างจินตนาการ
เล่นดนตรีจะช่วยสร้างความละเอียดอ่อนในจิตใจ
เดินป่าจะช่วยส่งเสริมความใฝ่รู้ของเด็ก
ซอยลาดหญ้า 15 เป็นห้องเรียนชีวิตให้เด็กในซอยได้อย่างน่าทึ่ง สามารถสร้างพัฒนาการให้เด็ก ให้ผู้ใหญ่ และให้ความเป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวายิ่ง
ขอบคุณคุณทากะยูกิ อิโมริ ช่างรองเท้าผู้สร้างทางเดินด้วยพลังศิลปะสู่ชุมชน
เสกซอยเล็กๆ ให้อยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืมว่านี่คือ
ซอยลาดหญ้า 15