ลาก่อน ที่รัก-กรมพระรณฤทธิ์อัญเจียแขฺมร์ / อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์ / อภิญญา ตะวันออก

 

ลาก่อน ที่รัก-กรมพระรณฤทธิ์

 

ในฐานะที่ “โอรสนโรดม” คือหนึ่งในหัวข้อหนึ่งที่สร้างแรงจูงใจในการเขียนบทความของฉัน การตายของเขา จึงทำให้ฉันตกอยู่ในห้วงอาลัยอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ไม่ผิดนักหรอกกับทั้งหมดที่ผ่านมา สำหรับโอรสพระบาทนโรดมที่ 1 ของราชสกุลนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการเผชิญหน้ากับปัญหาการเมืองสมัยอาณานิคม

แต่ในภาคปัจจุบัน ฉันกลับพบกับโอรสนโรดมองค์นั้น องค์ที่ประวัติของเขา ช่างเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว และการต่อสู้ที่พ่ายแพ้แก่ทุกๆ ฝ่ายในครั้งแล้วครั้งเล่า

ภาคที่เป็นนโรดมยุค 2 ใน พระบาทสมเด็จพระรัตนโกศนโรดม สีหนุ และรัชกาลปัจจุบัน ที่จารีตระบอบกษัตริย์ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และในหมู่โอรสของพระองค์ ซึ่งต่างประสบเคราะห์อันเกี่ยวเนื่องกับการเมืองนั้น มิทางใดก็ทางหนึ่งโอรสกษัตริย์มักตกเป็นเหยื่อแห่งการถูกกระทำ

อาทิ องค์มจะนโรดม นราธิปโป (โอรสองค์ที่ 6) ที่ถูกสังหารโดยเขมรแดง

และ สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ (โอรสองค์ที่ 2) กับภารกิจพรรคฟุนซินเปกและมรดกทางการเมืองของพระบิดา ที่คล้ายจะบั่นทอนชีวิตพระองค์ให้ประสบกับชะตากรรมอันน่าลำเค็ญ

ต้นทุนที่เสียไปกับการเมืองที่ต้องจ่ายไปด้วยชีวิตและต้นทุนทั้งหมดที่ผ่านมา

ประสูติจากมารดาหม่อม พัต กันฮุล ที่ทูลลาฐานันดรในฐานะนางรำแห่งราชสำนักและหม่อมมะเนียง ไปตั้งแต่องค์รณฤทธิ์ยังไม่สามขวบ หม่อมเลือกที่จะทิ้งวังไปสมรสกับข้าราชการและใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนในเสียมเรียบ แม้เดิมทีนั้นทั้งเจ้าหญิงบุปผา เทวีและรณฤทธิ์ก็อยู่ในความดูแลของพระอัยกากษัตริยานี สมเด็จสีสุวัตถิ์ กุสุมา นารีรัตน์

รณฤทธิ์จึงไม่เคยเห็นหน้าแม่ ความสุขเดียวที่เขามี คือได้รับการตามใจมากจากสมเด็จย่า สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยได้รับจากพระบิดา

ในขณะที่นโรดมองค์อื่นๆ ได้รับสิ่งที่แตกต่าง สิ่งนั้นคือ “มรดกการเมือง” ซึ่งในที่สุดแล้ว กลับทำให้ชีวิตของตรุงล้มลุกคลุกคลาน

ตลอด 2 ทศวรรษแห่งความบอบช้ำ

ยังจำได้ถึงความหอมหวานในการเมืองยุคแรกที่ทรงรณฤทธิ์ ตอนที่ “ตรุง” หรือ “ทรง” ภาษาเขมรที่ใช้เรียกแทนตัว “พระองค์เจ้า” หรือกรมพระเพิ่งกลับมายังประเทศและมีตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรีคนที่

1ตรุงและชายาเคยออกงานพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่เพิ่งฟื้นฟูกลับมาไม่นานหลังการสถาปนาระบอบกษัตริย์ขึ้นมาอีกครั้ง

กรมพระรณฤทธิ์ครานั้นจึงรับเป็น “พระพลเทพ” ทำหน้าที่ไถพรวน ส่วนชายา นโรดม มารี นั้น ก็รับบท “เนียงเทวี” คอยหว่านเมล็ดข้าวตามหลังคันไถ

เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงในชุดพระน้ำพระยาทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญกับพระชายา (ราวปี 1994) ช่างสมกันราวต้นแบบของกษัตริย์ที่กลับมารื้อฟื้นอีกครั้ง โดยปีให้หลัง เจ้าชายนโรดม จักราวุธ และ เจ้าหญิงนโรดม รัตนา พี่น้อง ก็เคยรับบทพระยาแรกนาและนางเทวี

หลังจากผ่านยุคแย่งชิงพรรคฟุนซินเปกกับนโรดมพี่น้องและในที่สุด ฟุนซินเปกก็ตกเป็นมรดกของกรมพระรณฤทธิ์แล้ว ถ้าไม่มี รัฐประหาร กรกฎาคม 1997 เสียแล้ว ครรลองชีวิตของกรมพระรณฤทธิ์คงไม่ทรุดโทรมตกต่ำ และทำให้ตรุงต้องสูญเสียไปหมดทุกอย่าง และแม้จะกลับมาได้ แต่ทุกอย่างไม่เคยเหมือนเดิม

นั่นเป็นความสูญเสียครั้งแรก ลูกแก้ว เมียขวัญ หรือแม้แต่พรรคการเมือง แม้แต่ “แคนดิเดตกษัตริย์” เขาผ่านมาหมดแล้ว ในอุบัติเหตุการเมือง แต่ในวันสิ้นหวัง มันเกือบจะพรากชีวิตของเขาไปด้วยกันและสิ้นแล้วซึ่งความฝัน

แต่ทั้งหมดภายหลัง อาจไม่สำคัญเท่ากับการสูญเสียครั้งใหญ่ในปี 2018 ที่ตรุงประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์ระหว่างการหาเสียงโค้งสุดท้ายที่เมืองกำโปด

ไม่มีใครคิดว่า ครั้งนั้น คือการที่ตรุงสูญเสียหม่อมพอลลา ชายาคนที่ 2 จากอุบัติเหตุ ส่วนตรุงเองก็บาดเจ็บสาหัสต้องส่งตัวมารักษาที่กรุงเทพฯ

ที่วัดบัวตุมวไต, พนมเปญ พิธีศพของหม่อมพอลลา ชายานางรำผู้ร่วมทุกข์สุขกับพระองค์ตลอดสิบกว่าปีให้หลัง ช่างเป็นไปอย่างเศร้าสร้อย มีแต่โอรสน้อยที่ยังเยาว์นัก ขณะสวามีกรมพระฯ ยังเจ็บหนักที่ไอซียู

ฟากหนึ่งใกล้ๆ กันนั้น สมเด็จพระเรียมบุปผาเทวี พระภคินีต่างพระมารดาในกษัตริย์พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี และพี่เรียมของรณฤทธิ์ก็กำลังรักษาอาการโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ในเดือนพฤศจิกายนปีถัดมา บุปผาเทวีก็ทิวงคต

น่าประหลาดคือ สองพี่น้อง ยังเกิดในเดือนมกราคม ห่างกันเพียงคนละปี เมื่อถึงแก่ทิวงคตนั้น ก็ยังพ้องเดือนกันอีก โดยสมเด็จพระเรียมนั้นคือ 2 พฤศจิกายน 2018 ส่วนกรมพระรณฤทธิ์ คือ 28 พฤศจิกายนนี้ และมีชันษา 76 และ 77 ปี ตามคะเนีย

อีกครั้งหนึ่งที่กรมพระนโรดม รณฤทธิ์ไม่มีโอกาสร่วมในพิธีถวายเพลิงพระศพ ทั้งยังประกาศมอบหน้าที่ประธานพรรคฟุนซินเปกแก่ลูกชายจักราวุธ ไม่มีอีกแล้วพวกสกรรมงที่คิดจะเล่นงานพระองค์

มันจบสิ้นแล้วการเมือง และมรดกอันวิบาก

ก็สิ่งนี้เอง ไม่ใช่หรือ? ที่กระทำต่อเขา อย่างครั้งแล้วครั้งเล่า?

ในสายตาของคนอื่น ตรุงคือคนขี้แพ้ และเห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การขายที่ทำการพรรคฟุนซินเปกมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว จนถูกฟ้องร้องจากลูกน้องผู้แปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายศัตรู

อีกกรณีน่าอับอาย คือ การถูกฟ้องหย่าจากเจ้าหญิงนโรดม มารี ในข้อหาอุกฉกรรจ์ ด้วยการอยู่กับหม่อมพอลลา จนกลายเป็นความผิดร้ายแรงของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง ถูกปลดตำแหน่งทางการเมือง จนเป็นข่าวฉาวโฉ่

และนั่น คือช่วงเวลาของชีวิตที่กรมพระรณฤทธิ์ได้ทำขึ้นเพื่อตัวเองแต่เพียงครั้งเดียว นั่นคือ สมรสกับอดีตนางรำราชสำนักที่คล้ายกับทรงโหยหามานาน สำหรับจริตในฝัน อันถอดแบบมาจากมารดาพัต กันฮุล บุคคลที่สาบสูญ ไปจากตรุงแต่ยังเยาว์ นับเป็นเรื่องแปลก นี่คือช่วงเวลาที่เขาผ่อนคลายและหลุดจากขนบ

แต่ก็ยังกลับไปเล่นการเมืองอีกในนามพรรครณฤทธิ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่ฟุนซินเปกก็ล้มเหลว

ในที่สุด ตรุงก็กลับมาบัญชาการอีกครั้ง และคราวนี้มันคือการเลือกตั้งปี ค.ศ.2018 ซึ่งเป็นเดือนมิถุนายน ไม่กี่สัปดาห์ก่อนการลงคะแนนจะมาถึง ตรุงและหม่อมพอลลาได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากกำโปดไปสีหนุวิลล์

และนั่น คือวันสุดท้ายของคนทั้งสอง

หม่อมได้จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วนกรมพระรณฤทธิ์ถูกส่งไปแอดมิตที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ

แม้รอบปีมานี้ มีข่าวเศร้าเกี่ยวกับเจ้านายระดับสูง ตั้งแต่ต้นปี สมเด็จนโรดม ยุวนาถ (77) และพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ สามีล มุนีพงษ์ (79) ปีกลายที่ฝรั่งเศส

แต่สมเด็จพระกษัตรีย์ นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดาในชันษา 85 ทรงให้กำลังใจกรมพระรณฤทธิ์ โดยเฉพาะหลังฟื้นฟูจากการผ่าตัด

แต่ดูเหมือน ตรุงเองกลับหมดสิ้นเรี่ยวแรงกายใจ

ความกลมเกลียว ที่กลับมาหลังเคราะห์กรรมของรณฤทธิ์ ดูจะนำไปสู่การลบเลือนรอยร้าวอันยาวนานที่ผ่านมาอย่างหมดสิ้น มันยังถูกแทนที่อย่างอบอุ่นที่ตามมาหลังการสูญเสียในแต่ละครั้ง

แต่เชื่อไหม ในวันที่ตรุงไม่ต้องการจะมีชีวิตต่อไปแล้ว ผู้ที่ทุ่มเทดูแลเขาให้กลับมามีกำลังใจ กลับเป็นอดีตพระชายา ในฐานะเพื่อนเก่าที่เคยร่วมชายคา และสิ่งที่รณฤทธิ์กับพอลลาได้ทิ้งไว้ให้เธอได้สานต่อ

ดูเหมือนความขุ่นมัวเจ็บปวดที่ผ่านมาได้หายไปจนหมดแล้ว มันช่างโง่เขลาเสียยิ่งกระไร เมื่อนึกถึงวันเวลาอันแสนสั้นที่กำลังจะผ่านไป และทิ้งไว้แต่ความว่างโหวงในจิตใจ

ในบางขณะ ฉันก็สงสัยว่า การที่ตรุงเหลือรอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งก่อน หรือพระพลเทพจะอยากชดเชยเวลากับเนียงเทวีที่กำลังโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงผืนดินที่เย็นชืดของต้นเดือนธันวาคม

และกระซิบว่า หลับให้สบายเถิดนะที่รัก