E-DUANG : ปฏิบัติการ พรหมทัณฑ์ #SITALA อารมณ์ ”ร่วม” ในทาง “วัฒนธรรม”

ปรากฏการณ์ #sitala เมื่อประสานเข้ากับ #แบนลูกหนัง ไม่เพียงแต่จะทะลุจากหลักแสนแล่นเข้าไปยังหลัก 1 ล้านและเหยียบสู่ 2 ล้านอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืนเท่านั้น

หากแต่สร้างประเด็นอันละเอียดอ่อนยิ่งทั้งในทาง”วัฒนธรรม”และ “การเมือง”อย่างแหลมคม

เหตุมูลฐานประการหนึ่งอาจเนื่องจากนามสกุล”วงษ์กระจ่าง”ที่ สามารถโยงความสัมพันธ์ไปยัง ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ในห้วงก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 อย่างเลี่ยงไม่พ้น

กระนั้น ลักษณะ”ร่วม”ระหว่าง ศรัณยู ผู้พ่อ กับ ศีตลา ผู้ลูก ยังอยู่ที่การเป็นดารา นักแสดง นักร้อง อันจัดวางอยู่ในพรมแดนแห่งวัฒนธรรม

ปฏิกิริยาอันพุ่งเป้าเข้าใส่ ศีตลา วงษ์กระจ่าง จึงสัมพันธ์กับ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ทั้งในด้านเป็นบิดาและเป็นนักแสดง

เป็นดาราและนักแสดงซึ่งมีบทบาทแหลมคมทางการเมือง

การให้คะแนนไม่ว่าด้านบวก ไม่ว่าด้านลบจึงสัมพันธ์อยู่กับบทบาทในทางการเมืองอย่างแนบแน่น แยกไม่ออก

 

ถามว่าการที่ศีตลาจะมีความโน้มเอียงทางความคิดและทางการเมืองไปในเส้นทางเดียวกันกับศรัณยูซึ่งเป็นบิดา ถือว่าเป็นความผิด หรือไม่

ตอบได้เลยเป็นสิทธิในการเลือกอย่างเป็นปัจเจก อย่างเป็นส่วนตัว ไม่มีใครจะไปบีบบังคับ

แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์

แน่นอน การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมสะท้อนทั้งทัศนะการเมืองและสามารถโยงเข้าสู่สถานการณ์แวดล้อมทางการเมืองและก่อรูปขึ้นเป็นการเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย สนับสนุนหรือไม่สนับสนุน

นี่จึงเป็นเรื่องของรสนิยม นี่จึงเป็นเรื่องของความเห็น นี่จึงเป็น

เรื่องของความนิยม ไม่นิยม ที่สามารถปฏิเสธหรือยอมรับกันได้เสรี

 

คำถามอยู่ที่ว่าเหตุใดปฏิกิริยาอันเป็นพื้นฐานของ#sitala และ #แบนลูกหนังจึงทะลุหลักล้านจนเกือบเหยียบเข้า 3 ล้านได้อย่างรวด เร็วและฉับไวเพียงนี้ ดำเนินไปลักษณะอันเป็น”มหาชน”โดยแท้

เป็นปรากฏการณ์ที่ ศีตลา วงษ์กระจ่างและแฟนานุแฟนของเธอจักต้องเก็บไปคิดและพิจารณาอย่างจริงจัง

หากนี่คือการลงโทษก็ลงโทษอย่างสันติในแบบ”พรหมทัณฑ์”