พส : พระสึก มหาไพรวัลย์ ได้ฤกษ์สละจีวร เปลี่ยนเส้นทาง ‘ธรรม’ สู่ชีวิตหลากสี ‘ฆราวาส’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

พส : พระสึก

มหาไพรวัลย์ ได้ฤกษ์สละจีวร

เปลี่ยนเส้นทาง ‘ธรรม’

สู่ชีวิตหลากสี ‘ฆราวาส’

 

ใกล้ถึงบทสรุปกับประเด็นดราม่าและถูกพูดถึงมาพักใหญ่ สำหรับกรณีประกาศขอลาสิกขาผ่านการไลฟ์สดในเฟซบุ๊กของ ‘พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ’ พระลูกวัดสร้อยทอง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ ‘พระราชปัญญาสุธี หรือท่านเจ้าคุณอุทัย’ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองรูปปัจจุบัน กรณีไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส โดยมีการระบุในไลฟ์ดังกล่าวว่า “หากสาเหตุเป็นเพราะสาเหตุที่อาตมาที่นำปัญหามาให้ อาตมาก็ขอสละสมณเพศ” อย่างที่รับรู้ไปแล้วนั้น

เรื่องราวที่เงียบไปกลับมาลุกโชนร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อมีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กของพระมหาไพรวัลย์ด้วยข้อความ “ขอบคุณพระศาสนาที่มอบทุกอย่างให้กับเด็กบ้านนอกคนหนึ่งคนนี้ ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณข้าวน้ำจากศรัทธาของญาติโยมทุกคน”

คล้ายเป็นการบอกใบ้ว่าการประกาศจะลาสิกขาก่อนหน้านี้ กำลังจะเกิดขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนหน้าโพสต์ข้อความข้างต้น พระมหาไพรวัลย์ยังได้แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของ ‘ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ’ นักวิชาการด้านพุทธศาสนา เกี่ยวกับการแต่งตั้งตำแหน่งในวงการสงฆ์ และมีการบอกใบ้คล้ายว่า ‘ท่านเจ้าคุณอุทัย’ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองรูปปัจจุบัน คงจะหลุดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแน่นอน พร้อมข้อความประกอบว่า ”ใกล้จะได้สลัดปลอกคอแล้วสินะ”

ทำให้คำตอบการ ‘สึก-ไม่สึก’ ของพระมหาไพรวัลย์ยิ่งชัดเจน และคาดว่าคงจะกำลังเตรียมตัว ทั้งมีการประกาศสอบถามตามหาบริษัทขนย้ายสิ่งของ พร้อมโพสต์ขอบคุณ ‘พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท’ และ ‘พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต’ ในฐานะครูบาอาจารย์และพี่ชายที่รัก

“แม้อาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 3 เดือนเท่านั้น ที่ผ่านมา แต่มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ สำหรับชีวิตของผมนะครับ พระอาจารย์คือพี่ชายที่น่ารักที่สุดสำหรับผม คือครูบาอาจารย์ที่ให้วิชาและความรู้ต่างๆ มากมายสำหรับการเผยแผ่ธรรมะกับผม

กราบขอบพระคุณที่ไม่เคยรังเกียจพระน้องชายรูปนี้ กราบขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่พระอาจารย์มอบให้ ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

จะเคารพรักและศรัทธาพระอาจารย์ตลอดไปนะครับ”

 

บรรดาลูกศิษย์รวมทั้งผู้ที่ติดตามในแฟนเพจร่วมหลักล้านต่างเข้ามากดไลก์ถวายกำลังใจอย่างล้นหลาม บ้างก็ขอให้ตัดสินใจให้ดีๆ และขอให้อยู่เพื่อทำนุบำรุง เผยแผ่ศาสนาต่อไป

บ้างก็วิพากษ์วิจารณ์วงการสงฆ์ที่บีบคั้นพระสงฆ์ดีๆ ออกไป

ก่อนที่พระมหาไพรวัลย์จะเข้ามาตอบคอมเมนต์สั้นๆ ว่า “หมดเวลาแล้ว ฉันคงต้องไป” พร้อมเปลี่ยนชื่อเพจจากพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ มาเป็นไพรวัลย์ วรรณบุตร โดยไม่มีคำว่าพระนำหน้าชื่อเหมือนเคย

และยิ่งตอกย้ำความชัดเจน เมื่อมีการระบุฤกษ์ลาสิกขาของพระมหาไพรวัลย์จากปากของพระมหาสมปอง ที่ระบุว่าจะเป็นช่วงระหว่างวันที่ 4-5 ธันวาคมที่จะถึงนี้ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ทั้งสองถูกสั่งห้ามเฟซบุ๊กไลฟ์ที่ทำด้วยกันทุกวันศุกร์ แต่เหมือนโดนหลอกให้นิ่ง ไม่ให้พูด ซึ่งงดได้ 2 สัปดาห์ ก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว

โลกออนไลน์พูดถึงการเตรียมตัวลาสิกขาของพระมหาไพรวัลย์ในครั้งนี้อย่างมากมาย

ชาวเน็ตบางคนบอกเสียดายพระสงฆ์ที่สามารถทำให้คนรุ่นใหม่ในยุคนี้หันกลับมาฟังธรรมะมากขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องโบราณหรือเรื่องน่าเบื่อ

บ้างก็บอกใจหายที่จะไม่ได้ดูไลฟ์สอนธรรมะจากพระมหาไพรวัลย์อีกต่อไป

ขณะเดียวกันฝั่งตรงข้ามต่างก็ดีใจที่จะได้เห็นพระมหาไพรวัลย์ลาสิกขาเสียที หลังมองว่าพระมหาไพรวัลย์แสดงท่าทีไม่เหมาะสมในการไลฟ์สดมาหลายต่อหลายครั้ง

รวมถึงมีสื่อดังเจ้าหนึ่ง อาศัยจังหวะนี้พาดหัวข่าว รวยขนาดนี้ใช้ยังไงหมด “พระมหาไพรวัลย์” บวช 18 ปี อู้ฟู่หลายร้อยล้าน!! ด้านพระมหาสมปองเตรียมมอบเวสป้าเป็นของขวัญวันสึก

เป็นเหตุให้พระมหาไพรวัลย์ประกาศตามหาทนายทันที และระบุว่าจะดำเนินคดีกับสำนักข่าวแห่งนี้

“หลังอาตมาสึก ทนายท่านไหนอยากได้เงินไว้เลี้ยงชีพ อาตมาจะมอบอำนาจให้นะ อาตมาจะฟ้อง เงินที่ได้จากการฟ้องจากสื่อขยะ อาตมาจะไม่เอาสักบาท อาตมาจะมอบให้ทนายท่านนั้น”

ก่อนจะมีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวดังกล่าว ส่งข้อความมาหลังไมค์ขอโทษพระมหาไพรวัลย์ โดยบอกว่าได้นำข้อมูลของบุคคลที่โพสต์ในโลกออนไลน์มาเขียนเป็นข่าว ไม่ได้ทำการตรวจสอบ และจะลงข่าวขอโทษพระมหาไพรวัลย์

ขณะที่พระมหาไพรวัลย์เองก็ได้ลงรูปบทสนทนากับนักข่าวคนดังกล่าว พร้อมเขียนข้อความระบุว่า

“จะชอบจะชังอาตมาไม่ว่า แต่อย่าทำร้ายกันด้วยความเท็จที่ไม่จริงเลย อย่าเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง อย่าเป็นเหยื่อของความอคติ อย่าทำร้ายใครเพียงเพราะเขาเห็นตรงกันข้ามกับเรา อาตมาจะรอการขอโทษอย่างเป็นทางการนะ แล้วอาตมาจะยุติการดำเนินคดี”

 

ถ้อยคำแถลงการณ์ขอโทษจากสื่อดังกล่าว ถูกเผยแพร่ขึ้นในเช้าวันถัดมา ในแถลงการณ์ระบุว่า

เรื่อง กราบขออภัย “พระมหาไพรวัลย์” จากการรายงานข่าวคลาดเคลื่อน

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ประจำกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์ ท็อปนิวส์ ทีมข่าวเด่น ได้นำเสนอรายงานข่าวหัวข้อเรื่อง “รวยขนาดนี้ใช้ยังไงหมด!! พระมหาไพรวัลย์ บวช 18 ปี อู้ฟู่หลายร้อยล้าน!! ด้านพระมหาสมปองเตรียมมอบเวสป้าเป็นของขวัญวันสึก” เผยแพร่ทาง Facebook TOPNEWS เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 17.45 น. ซึ่งข่าวดังกล่าวยังไม่ได้มีการนำเสนอผ่านสื่อทีวีแต่อย่างใด

ซึ่งหลังจากได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว ทางกองบรรณาธิการออนไลน์ได้ดำเนินการแก้ไข โดยการลบข่าวดังกล่าวออกจากระบบในทันที

จากนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปที่พระมหาไพรวัลย์ ทางกล่องข้อความในทันที ซึ่งได้รับการตอบจากพระมหาไพรวัลย์ ว่า ‘ให้ดำเนินการแก้ข่าวให้อาตมา แล้วอาตมาจะยกโทษให้’

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ทางกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์จึงขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายว่า เรื่องดังกล่าวไม่ตรงกับเป็นความจริง มีความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในการนำเสนอข่าว จึงขอกราบอภัยพระมหาไพรวัลย์ มา ณ โอกาสนี้

ทางกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์จะพึงใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวสารให้มากกว่านี้ และยังคงยืนยันยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมในการดำเนินข่าวต่อไป”

 

ขณะที่เฟซบุ๊กไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็ได้โพสต์ข้อความต่อทันทีว่า “ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากไป ช่วยเกลียดอาตมาให้น้อยลงกว่านี้อีกสักนิดเถอะนะ นี่คือสิ่งเดียวที่อาตมาอยากได้พร้อมๆ กับคำขออภัยในครั้งนี้ อาจารย์พยอมเคยกล่าวว่า อย่าเกลียดกันเต็มที่ เอาไว้ดีกันวันหน้าบ้าง ธรรมชาติของความหลากหลาย ย่อมทำให้เราคิดเห็นต่างกัน แต่ความเห็นต่างกัน ไม่เท่ากับความเป็นศัตรู สังคมจะงาม เพราะเราแตกต่างหลากหลาย”

เรื่องนี้มีคนในแวดวงสื่ออย่างศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ได้เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ของพระมหาไพรวัลย์ด้วย ระบุว่า

“ข้ออ้างเขียนข่าวจากคนอื่นโพสต์เป็นข้ออ้างที่ใช้ไม่ได้ครับ คนทำสื่ออ้างความเห็นคนส่งเดชได้อย่างไร ใครทำแบบนั้นหรืออ้างแบบนั้นก็คือยืมปากคนอื่นด่าคนที่ตัวเองเกลียดเท่านั้นครับ ข่าวต้องอ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นคนเกี่ยวข้องโดยตรงกับข่าวครับ ไม่ใช่ทำข่าวจากความเห็นที่ใครไม่รู้โพสต์ถึงคนอื่นโดยพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย ใครทำแบบนี้คือจงใจทำลายชื่อเสียงคนอื่นครับ แต่ทำโดยอ้างคำพูดคนอื่นบังหน้าเท่านั้นเอง”

ขณะที่นักร้อง (เรียน) ศรีสุวรรณ จรรยา ก็เข้ามาร่วมแจมในดราม่าครั้งนี้ โดยโพสต์ถึงพระมหาไพรวัลย์ ระบุว่า ทรัพย์สินของ พส.ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศ ต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ เป็นเหตุให้พระมหาไพรวัลย์ต้องออกมาฟาดกลับ พร้อมตีแสกหน้านักร้องแห่งชาติด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พร้อม ป.ล.ว่า เรียนกฎหมายมาทำไม?

การลาสิกขาของพระมหาไพรวัลย์ในครั้งนี้ วงการสงฆ์จะถูกสังคมตั้งคำถามไม่หยุดหย่อนอีกครั้ง ทั้งเรื่องอำนาจนิยมที่ครอบงำ หรือแม้แต่เรื่องความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ต่อจากนี้จะลดน้อยลงไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้หรือไม่

คงต้องติดตามหลังจากพระมหาไพรวัลย์เปลี่ยนเส้นทาง ‘ธรรม’ สู่ชีวิตหลากสี ‘ฆราวาส’ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง!