ส่องศึกในพรรคร่วมรัฐบาล ‘สามมิตร’ เจอข่าวทิ้ง พปชร. ‘สี่กุมาร’ ดึงนิพิฏฐ์พ้น ‘ปชป.’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

ส่องศึกในพรรคร่วมรัฐบาล

‘สามมิตร’ เจอข่าวทิ้ง พปชร.

‘สี่กุมาร’ ดึงนิพิฏฐ์พ้น ‘ปชป.’

การเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะออกมาสยบความเคลื่อนไหวภายในพรรคว่า ไม่มีความขัดแย้งภายในพรรค ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายขึ้นตรงกับหัวหน้าพรรคเพียงผู้เดียว

แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภายในพรรคกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยังมีการปล่อยข่าวโชว์พลังใส่กันของแต่ละกลุ่ม เพื่อสร้างราคาชิงความได้เปรียบทางการเมืองให้กับผู้มีอำนาจ

ล่าสุด มีการปล่อยข่าวเล่นการเมืองใส่กลุ่มสามมิตร ที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรองหัวหน้าพรรค พปชร. “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ “เสี่ยงแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรค เป็นแกนนำของกลุ่ม

พ่วงด้วย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ว่าจะยกพลพรรคของกลุ่มสามมิตรกลับไปสังกัดบ้านเก่าอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งหน้า ในกติกาเลือกตั้งใหม่อย่างการใช้บัตรสองใบ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ที่คอการเมืองฟันธงตรงกันว่า กติกาบัตรเลือกตั้งสองใบ ย่อมเข้าทางพรรคใหญ่ที่ ส.ส.มีฐานเสียงของตัวเอง

รวมทั้งมีการปล่อยข่าวกระแทกไปยังกลุ่มโคราชของ “เสี่ยยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะแกนนำคุมพื้นที่โคราช ที่ถูกศาลฎีกาสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ว่าจะยกคณะ ส.ส.ในกลุ่มไปพึ่งบารมีสังกัดกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เพื่อคุมพื้นที่โคราชสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

 

ร้อนถึง “วิรัช” และ “สุชาติ” ต้องออกมาปฏิเสธกันอย่างทันควันว่า ยังสนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. และยังสนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน

ขณะที่แกนนำกลุ่มสามมิตรก็เรียงหน้ากันออกมาสยบข่าวลือว่าจะขนสมาชิกกลับไปยังพรรค พท. โดย “สมศักดิ์” ออกมาดักคอคนปล่อยข่าวดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “คนที่ปล่อยข่าวเป็นคนที่ไม่ได้ทำงาน”

ซึ่งตีความได้อย่างไม่ยากว่าคนปล่อยข่าวคือคนที่ตกงานอยู่ตอนนี้

จะใช่คนที่ถูกปลดจากตำแหน่งใน ครม.แบบฟ้าแลบ อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค พปชร. กับ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะเหรัญญิกพรรค หรือไม่ ไม่มีใครยืนยัน

แต่หลังจากพ้นจากเก้าอี้ ครม. แกนนำพรรคทั้งสองคนของพรรค พปชร.ที่เปรียบเสมือนเป็น “มือซ้าย” กับ “มือขวา” ของ “บิ๊กป้อม” ต่างเดินสายลงพื้นที่ตั้งสาขาพรรค คัดสรรขุนพลเพื่อพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มที่

โดย “บิ๊กป้อม” ออกมาชี้แจงตอบคำถามถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคของกลุ่มสามมิตร แบบเซฟมือทำงานคนสำคัญในพรรค พปชร.ด้วยว่า “ไม่มีความเห็นต่อกระแสข่าวดังกล่าว ควรไปถามทางกลุ่มสามมิตรเอาเอง”

 

แน่นอนการเคลื่อนไหวตีเมืองขึ้นทางการเมืองภายในพรรค พปชร.ของคนกันเองนั้น ร้อนถึง “กลุ่ม 6 รัฐมนตรี” สายตรง “บิ๊กตู่” อย่าง “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กรรมการบริหารพรรค พปชร. และ “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้อำนวยพรรคพรรค ต้องนัดจิบกาแฟ จับเข่าคุยกับ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย หนึ่งในแกนนำสามมิตร ถึงต้นสายปลายเหตุและการเตรียมพร้อมรับมือกับการเมืองภายในพรรค พปชร.

ในวงจิบกาแฟ แกนนำพรรคทั้งสามคนยืนยันกันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ตีจากพรรค พปชร.ไปไหน

และยังคงสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกฯ สมัยหน้าอย่างแน่นอน

ในเวลานี้กลุ่มการเมืองภายในพรรค พปชร. ถือว่าเปิดหน้าแบ่งกลุ่มกันออกมาค่อนข้างชัดเจน ระหว่าง “กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส” กับ “กลุ่มสามมิตร” ที่ผนึกกำลังกับกลุ่ม 6 รัฐมนตรีสายตรงนายกฯ เพื่อคานอำนาจทางการเมืองในพรรค พปชร.ของ ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะแม่บ้านพรรค กับ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.

เพราะหากปล่อยให้กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัสมีอำนาจนำภายในพรรค พปชร.เพียงแค่กลุ่มเดียว และ พล.อ.ประวิตรยังเป็นแบ๊กอัพใหญ่ให้ โอกาสในการจัดขุนพลผู้สมัคร ส.ส.เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โมเมนตัมอาจจะเทไปยังกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสได้

หากยังไม่สามารถเปลี่ยนเก้าอี้เลขาธิการพรรค พปชร.ของ ร.อ.ธรรมนัสได้ และ พล.อ.ประวิตรยังเลือกใช้บริการ ร.อ.ธรรมนัสอยู่ พลังการต่อรองทางการเมืองของกลุ่มสามมิตร และกลุ่ม 6 รัฐมนตรี ย่อมลดน้อยลง นักเลือกตั้งทั้งหลายคงไม่มีใครอยากอยู่ภายใต้ชายคาของกลุ่มการเมืองที่ไร้อำนาจและบารมี

ซึ่งต้องจับตาดูว่า พรรค พปชร.ที่ยังจะชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ สมัยหน้า จะสามารถเดินไปด้วยกันกับแม่บ้านของพรรคอย่าง ร.อ.ธรรมนัสได้หรือไม่ หากยังเคลียร์ปัญหาภายในพรรค พปชร.กันไม่จบ

ย่อมเป็นตัวเร่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลงมาคุมพรรคเองอย่างเต็มตัว โดยไม่ผ่าน “บิ๊กป้อม” หรือไม่ หรืออาจจะเลือกใช้วิธี “ปิดจ๊อบ” เก้าอี้เลขาธิการพรรค ให้อยู่ในการดูแลของกลุ่มการเมืองอื่นภายในพรรค พปชร.

เพื่อไม่ต้องหักหน้าพี่ใหญ่ของกลุ่ม 3 ป. ที่ย้ำกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า “คงมีแต่ความตายเท่านั้น ที่จะทำให้ผมแตกแยกกับ พล.อ.ประยุทธ์”

 

ไม่เพียงแค่ศึกภายในพรรค พปชร. แต่ศึกภายในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ก็มีทีท่าจะระอุขึ้นมาเหมือนกัน เนื่องจากขุนพลแดนใต้อย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง 8 สมัย และอดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. ที่ไร้ที่ยืนภายในพรรค เตรียมยื่นลาออกจากสมาชิกพรรค ปชป. ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้

โดยมีกระแสข่าวว่า “นิพิฏฐ์” จะไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ร่วมกับทีม 4 กุมาร อาทิ “อุตตม สาวนายน” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรค พปชร. สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตเลขาธิการธิการพรรค พปชร. ที่บอบช้ำทางการเมืองต้องนำกลุ่ม 4 กุมารออกมาตั้งหลักข้างนอก โดยพรรคใหม่ที่กลุ่ม 4 กุมารและ “นิพิฏฐ์” ก่อตั้งนั้นจะเป็นพรรคที่ชูแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ และแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

แน่นอนเมื่อนักเลือกตั้งเริ่มเห็นสัญญาณการเลือกตั้ง การจัดทัพรับศึกเลือกตั้ง พรรคไหนจัดขุนพล “กระสุน” และ “กระแส” ได้พร้อมก่อน

โอกาสในการคว้าชัยศึกเลือกตั้งย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม