หนุ่มเมืองจันท์ : โลกเปลี่ยน-เราเปลี่ยน

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน อ่านบทสัมภาษณ์ของ “ธเนศ วรากุลนุเคราะห์” ในเว็บไซต์ The standard แล้วชอบมาก

ถ้าจะแนะนำ “ธเนศ” กับคนรุ่นผมก็ต้องบอกว่าเป็นศิลปินที่ล้ำยุคมากๆ ในอดีต

เจ้าของเพลง “แดนศิวิไลซ์”

แต่หากจะแนะนำกับเด็กรุ่นใหม่

“ธเนศ คือใคร”

เราต้องแนะนำว่า…

…ก็พ่อของ “ลิน” นางเอกใน “ฉลาดเกมส์โกง” ไง

ทุกคนจะร้อง “อ๋อ” ทันที

เหมือนกับเวลาจะแนะนำ “จิระนันท์ พิตรปรีชา”

ถ้ารุ่นผมต้องบอกว่าเป็น “กวีซีไรต์”

แค่นั้นก็พอ

แต่ถ้าแนะนำกับเด็กรุ่นใหม่ต้องเปลี่ยนใหม่

“คุณแม่วรรณสิงห์ไง”

พี่ธเนศ เป็นคนที่อยู่ในวงการเพลงมายาวนาน

ตั้งแต่เป็นดีเจค่ายไนท์สปอต ที่โด่งดังมากๆ

มาทำอัลบั้มเพลงก็ดังสุดขีด

เป็นเจ้าของค่ายเพลงมิวสิค บั๊กส์ ที่แจ้งเกิดวงดนตรีที่คนรุ่นนี้รู้จักกันดี

…บอดี้สแลม ลาบาลูน และบิ๊กแอส

เป็นไงครับ ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม

ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้มีคำถามหนึ่งที่คนที่อยู่ในวงการเพลงมายาวนานต้องเจอ

…มองวงการเพลงในวันนี้อย่างไร?

คำตอบของ “ธเนศ” สมเป็น “ธเนศ” แห่งแดนศิวิไลซ์อย่างยิ่ง

“เราไม่มองยังไงเลยนะ แค่มองไปตามที่มันเป็นนั่นแหละ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย รู้สึกแค่ว่าก็โลกมันเป็นอย่างนี้”

เขามองว่าวงการดนตรีก็เหมือนวงการอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

ถ้ายอมรับได้กับความเปลี่ยนแปลง มันก็เดินต่อไปได้

เขาไม่เห็นด้วยที่จะโหยหาในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

“ธเนศ” บอกว่าถ้าพูดถึง “อดีต” ควรจะพูดถึงอย่างเฮฮา ชุ่มชื่นใจ มีความสุข

ไม่ใช่ด่าทอ ต่อต้านสิ่งใหม่ๆ

ก่นด่า “ปัจจุบัน”

เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม

“อย่าโหยหาอดีต จนลืมเสพวันนี้”

เจอประโยคนี้เข้าไป ค้อมคารวะ 3 ตลบเลยครับ

หลักคิดของ “ธเนศ” คือ อยู่กับ “ปัจจุบัน” ให้เต็มที่

เมื่อเวลาผ่านไปจะได้ไม่ต้องนึกย้อนหลังกลับมาโหยหาอีก

“ไม่ใช่พอถึงอายุ 70 ยังเสือกมาโหยหาอดีตอยู่อีก

“อ้าว วันนั้นมึงก็อยู่นี่ แล้ววันนั้นทำไมมึงถึงไม่อยู่กับมัน ไม่เสพมันให้เต็มที่ล่ะ

“เผลอๆ ตายไปนะ สมมติว่าเกิดมาชาติหน้าแล้วระลึกชาติได้ คนพวกนี้ก็ยังกลับมาหวนคิดอีกว่า เออ ชาติที่แล้วแม่งดีกว่าว่ะ”

…สุดยอด

อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้แล้วนึกถึงพี่เสถียร จันทิมาธร อาจารย์ในด้านการเขียนของผมขึ้นมาทันที

วันนี้ “พี่เถียร” อายุ 74 แล้วครับ

แต่เป็น 74 ที่เขียนหนังสือเป็นไฟเหมือนเดิม

คุณคิดว่า “พี่เถียร” เขียนหนังสือวันละกี่ชิ้นครับ

1

ใครตอบแบบนี้ถือว่าดูถูกปรมาจารย์ของผม

ถ้าแค่วันละ 1 ชิ้น

หลับตาแล้วใช้นิ้วก้อยข้างซ้ายนิ้วเดียวพิมพ์ก็เสร็จแล้วครับ

2…3

ไม่ใช่ครับ มากกว่านั้น

ขอไม่เฉลยคำตอบ เดี๋ยวจะคิดว่า “พี่เถียร” เป็น AI

หุ่นยนต์ผลิตต้นฉบับ

ที่น่าสนใจก็คือจากเดิมที่เขียนต้นฉบับส่งให้หนังสือพิมพ์และนิตยสารแล้ว

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา “พี่เถียร” เริ่มเขียนส่งให้เว็บไซต์ในเครือมติชน

เขียนไป-เรียนรู้ไป

เรียนรู้ว่าวิธีการเขียนใน “ออนไลน์” แตกต่าง “กระดาษ” อย่างไร

ต้องพาดหัวแบบไหน

ควรเขียนสั้นหรือยาวขนาดไหน คนอ่านจะชอบ

ยอดคนดู ยอดคนกดไลก์ เป็นอย่างไร

ผมนั่งฟังสิ่งที่คนอายุ 74 เรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยความชื่นชม

นึกในใจว่าถ้าผมอายุเท่า “พี่เถียร” ขอให้มีจิตใจเรียนรู้แบบนี้

ที่สำคัญ คือ เขายอมรับ “ความเปลี่ยนแปลง”

ไม่โหยหา “อดีต”

ไม่ก่นด่า “ความเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้น

เขายอมรับความจริงว่าโลกออนไลน์เร็วกว่า วัดผลคนอ่านได้ดีกว่า

และเป็นช่องทางที่สื่อสารกับคนอ่านได้โดยตรง

แม้ “ความจริง” นั้นจะเจ็บปวดสำหรับคนที่อยู่กับหนังสือมาทั้งชีวิต

แต่สิ่งที่ “พี่เถียร” ทำ คือ เรียนรู้สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น

แล้วปรับตัวให้เข้ากับ “ความเปลี่ยนแปลง”

ล่าสุด “พี่เถียร” เปิดเพจของตัวเองแล้วครับ

ตั้งชื่อเป็นภาษาไทย

คาดว่าคงคิดชื่อนี้นานมาก

“พี่เถียร” ตั้งชื่อเพจว่า…

…เสถียร จันทิมาธร

ผมแวบเข้าไปดูอยู่เรื่อยๆ ครับ

“พี่เถียร” เหมือนกับคนที่เริ่มเขียนเพจทุกคน

คือ งงๆ ว่าจะเขียนอะไรดี

สุดท้าย “พี่เถียร” ก็คิดง่ายๆ

ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี งั้นเขียนต้นฉบับชิ้นใหม่เลย

เขียนเป็นตอนๆ

เริ่มต้นด้วย “วิถีแห่งสายลับ”

และตามสไตล์ AI “เสถียร จันทิมาธร”

พอเขียนแล้วหยุดไม่ได้

ลงตอนแรกเสร็จ จะลงตอน 2 เลยในวันเดียวกัน

เพราะเขียนเสร็จแล้ว

ต้องมีคนเบรกว่าพี่คร้าบ ใจเย็นๆ

แค่วันละ 1 ตอนก็ถือว่าเหยียบไปไกล ไม่มีใครไล่ทันแล้ว

ผ่านไปไม่ถึงเดือน ในเพจ “เสถียร จันทิมาธร” มีงานเขียนใหม่ 2 เรื่องแล้ว

“วิถีแห่งสายลับ” กับ “วิถีแห่งกุนซือ”

เขียนสไตล์หนังสือชุด “วิถีแห่งอำนาจ”

และมีเรื่องเก่าที่ตัดคำคมๆ ในเล่มมาลง คือ ชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์ และรอยเท้าบนปุยเมฆ

ยัง…ยังไม่พอ

เดี๋ยวเสียสถาบัน AI

“พี่เถียร” ยังมีเรื่อง “สำนวนจีน” และ “กำลังภายใน สำนวน” แทรกเป็นระยะๆ ด้วย

ตอนนี้เฉลี่ยน่าจะวันละ 1-2 ชิ้น

เป็นงานเขียนที่เพิ่มจากที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์และออนไลน์นะครับ

ย้ำอีกครั้ง

“พี่เถียร” อายุ 74 ปีครับ

ไม่โหยหา “อดีต”

และเสพความสุขจาก “วันนี้” ตลอดเวลา

…อย่างเมามัน